ปีที่ผ่านมานับว่าเป็นปีแห่ง Fake News จริง ๆ ซึ่งมันคือ Fake News จริง ๆ ไม่ใช่การที่ Donald Trump หรือผู้นำประเทศแถวนี้ชี้หน้าด่าใครว่าเป็น Fake News ก่อนหน้านี้ทีมงาน RAiNMAKER เคยสำเสนอบทความเรื่อง รู้จักกับ Fake News ทั้ง 7 รูปแบบ ที่เราเจอกันทุกวันบน Facebook, Twitter ทำให้เราอาจจะได้รู้จักกับ Fake News ประเภทต่าง ๆ กันไปบ้างแล้วนั้น เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาทางเว็บไซต์ Social Media Today ก็ได้จัดอันดับ 10 Fake News ที่มีคนเข้าไป Engage มากที่สุดบน Twitter
สำหรับ Fake News ในหัวข้อต่าง ๆ ที่เราจะได้เห็นกันต่อไปนี้นั้น หลายคนอาจจะเคยเห็น หลายคนอาจจะไม่เคยเห็น ก็ขึ้นอยู่กับบริบท Social Network ของแต่ละคน และแน่นนอนว่าส่วนมากจะเห็น Fake News จากฝั่งอเมริกา ซึ่งก็มีเว็บไซต์แนว ๆ ปั่นพวกนี้เยอะมาก (และยังมีการจัดอันดับด้วยว่าเว็บไหนมี Fake News เยอะที่สุด)
แม้ว่า Fake News ในหลาย ๆ หัวข้อที่ยกมานี้ บางอันอาจจะเขียนเล่น ๆ เอาฮา (ถ้าไปย้อนดูรูปแบบจะถูกจัดให้เป็น ตลกเสียดสีหรือ Satire) แต่การที่มันมาปรากฏอยู่บนโลกโซเชียลและถูกแชร์ต่อ ๆ กันเป็นจำนวนมาก ก็ไม่น่าแปลกใจที่จะมีคนดันไปเชื่อมันเข้าจริง ๆ
10 อันดับข่าวปลอมที่มีคน Engage มากที่สุด
จากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียน จาก 10 ข่าวที่ยกมา ผู้เขียนจำข่าวที่เคยเห็นได้มากถึง 5 ข่าว ซึ่งนับว่าอิทธิพลของมันนั้นรุนแรงพอสมควร ถึงได้ดังจากฝั่งอเมริกาข้ามมายัง Timeline ของเรา แต่ส่วนมากเห็นแวบแรกก็รู้เลยว่าไม่จริงแน่ ๆ
- หนุ่มถูกหวยถูกจับเพราะขนปุ๋ยคอกไปเทใส่หน้าบ้านเจ้านายเก่า
- Babara Bush เสียชีวิต
- หญิงสาวฟ้อง Samsung หลังจากโทรศัพท์เข้าไปติดในช่องคลอด
- Michael Jordan ออกจากบอร์ด Nike
- Donald Trump แก้ปัญหาการกราดยิงในโรงเรียนด้วยการแบนโรงเรียน
- หนุ่มถูกจับเพราะข่มขืนจรเข้
- หนุ่มถูกจับเพราะเอากัญชาไปใส่แทนเครื่องหอม
- เกาหลีเหนือเปิดยอมรับคริสเตียน
- หนุ่มเสียชีวิตเพราะเลียก้นแฟนสาวขณะมีเซ็กส์
- มุสลิมเรียกร้องเมนูไร้เนื้อหมู ไม่งั้นจะออกจากอเมริกา
อย่างที่บอกไปว่าแต่ละข่าว มันจะมีความเป็นตลกนิด ๆ แต่คนที่แชร์ไปแล้วเชื่อนั้นอาจจะไม่ตลกด้วย หรือบางทีเว็บที่เขียนข่าวเป็นเว็บเขียนเล่นตลก ๆ แต่ดันมีสำนักข่าวจริงจังเอามาลงเพราะคิดว่าเป็นเรื่องจริงหรือเว็บไวรัลต่าง ๆ ก็เอามาลง จึงทำให้ข่าวแนว ๆ นี้เข้ามาในไทยไม่ยากมาก
สำหรับในประเทศไทยนั้น ยังไม่มีใครลองจัดอันดับข่าวปลอมแบบนี้เท่าไหร่ (ถ้าจะจัดอาจจะต้องเอาจาก LINE เข้ามาด้วยเพราะมีเยอะเหลือเกิน) ซึ่งก็น่าทำอยู่เหมือนกัน ในปีที่ผ่านมา Fake News เป็นปัญหาสำคัญทั้งในแง่ของการทำให้คนคิดน้อยลง ผลของมันไม่ใช่เรื่องตลก ๆ แต่อาจส่งผลในระดับการเมืองอย่างที่เห็นกันบ่อย ๆ ในเมื่อเราไปห้ามไม่ให้คนพวกนี้เขียน Fake News ไม่ได้ สิ่งที่เราทำได้น่าจะเป็นการรู้เท่าทันและตั้งคำถามกับสิ่งต่าง ๆ ที่เราพบเจอบนโลกออนไลน์กันมากขึ้น