โควิด-19 ทำให้หลายๆ อย่างเปลี่ยนไป รวมถึงบนโลกโซเชียลมีเดียก็เช่นกัน ในช่วงปีที่ผ่านมาพบว่าคนเล่นโซเชียลมีเดียเพิ่มมากขึ้น และโซเชียลมีเดียได้เข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้นอีกด้วย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมการใช้งานในหลายๆ ด้านวันนี้ RAiNMaker เลยสรุป 10 Social Media Trends ประจำปี 2021 ไว้ให้เหล่าครีเอเตอร์และแบรนด์ได้ศึกษา เตรียมพร้อม และนำไปปรับใช้ในการสื่อสารหรือการทำการตลาดกันค่ะ
1. Social Media คือหนึ่งในเครื่องมือค้นหา
ผู้คนใช้เวลาบนโซเชียลมีเดียในการค้นหาสิ่งต่างๆ มากขึ้น มีการค้นหาบนแต่ละแพลตฟอร์มโดยตรง ผ่านฟีเจอร์ที่แตกต่างกันไปตามแต่ละแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็นการเสิร์จคีย์เวิร์ด หรือแฮชแท็ก เป็นต้น จากเดิมที่ใช้แค่เครื่องมือค้นหา เช่น Google เป็นส่วนใหญ่
โดยสิ่งที่ผู้คนค้นหาส่วนมากจะเป็นสินค้าหรือร้านค้า หรือเรื่องที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม ณ ขณะนั้น เนื่องจากโซเชียลมีเดียก็เป็นแพลตฟอร์มที่มีข่าวสารเรียลไทม์ แต่การสื่อสารให้ถึงกลุ่มเป้าหมายก็ขึ้นอยู่กับการใช้ฟีเจอร์ต่างๆ บนโซเชียลมีเดียด้วย เพื่อให้คอนเทนต์หรือแบรนด์ของตัวเองสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายๆ ผ่านการค้นหานั่นเอง
2. คอนเทนต์วิดีโอสั้นยังคงมาแรง
ปีที่แล้วนับเป็นยุคทองของวิดีโอสั้น โดยเฉพาะ TikTok ที่ส่งผลให้เป็นเทรนด์ใหม่ในการทำคอนเทนต์วิดีโอ ที่เกิดเป็น Challenge ต่างๆ ให้ผู้คนได้มีส่วนร่วมในแคมเปญหรือคอนเทนต์ของตัวเองมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีวิดีโอสั้นอย่าง IG Story ที่ยังคงเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง จนโซเชียลมีเดียหลายแพลตฟอร์มต่างก็เพิ่มฟีเจอร์ที่มีลักษณะเดียวกันเข้ามา เช่น Twitter ที่เพิ่ม Fleets เข้ามา
โดยวิดีโอสั้นในรูปแบบต่างๆ นี้จะสามารถทำให้ผู้ส่งสารและผู้รับสารมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น เนื่องจากเป็นการเพิ่มอีกช่องทางหนึ่งในการสื่อสาร อย่างกรณีของสตอรีก็เป็นแพลตฟอร์มที่ไว้ติดตามอัปเดตชีวิต รวมถึงมีฟีเจอร์ให้เล่นมากมาย จำพวกฟิลเตอร์ที่เป็น AR ที่เปิดโอกาสให้เหล่าครีเอเตอร์ได้ลองสร้างสรรค์ฟิลเตอร์ได้เอง
ส่วนในแง่ของแบรนด์เองก็สามารถใช้ AR คู่กับสตอรี เพื่อโปรโมตหรือให้กลุ่มเป้าหมายได้ทดลองสินค้า เช่น ทดลองสีลิปสติกผ่าน AR นอกจากนี้การใช้คอนเทนต์วิดีโอสั้นจะเป็นสิ่งที่ท้าทายให้แบรนด์ต้องหาวิธีในการนำเสนอสารออกไปเพื่อดึงความสนใจกลุ่มเป้าหมายภายในเวลาสั้นๆ อีกด้วย
3. E-Commerce เติบโตเรื่อยๆ
จากสถานการณ์โควิดที่ทุกคนต้องกักตัว ทำให้หลายอุตสาหกรรมไม่สามารถเปิดหน้าร้านแบบเดิมได้ 100% จึงทำให้ E-Commerce เข้ามามีบทบาทและเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โซเชียลมีเดียหลายแพลตฟอร์มก็มีฟีเจอร์ออกมารองรับการช็อปปิงออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Reels บน Instagram, Shop บน Pinterest, MarketPlace บน Facebook เป็นต้น และอีกหลายแพลตฟอร์มยังคงมีการพัฒนาฟีเจอร์เกี่ยวกับการซื้อขายออนไลน์เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคตอีกด้วย
รวมไปถึงการใช้ Influencer ที่ในปีนี้ก็ยังคงมาแรงและมีแนวโน้มว่าจะมีบทบาทมากกว่าการช่วยโปรโมตสินค้าผ่านโซเชียลมีเดีย แต่อาจรวมไปถึงทำการตลาดและสร้างสรรค์คอนเทนต์เผยแพร่สู่โซเชียลมีเดียที่ให้อะไรได้มากกว่าความบันเทิง ซึ่งก็จะมีส่วนสำคัญมากขึ้นกับ E-Commerce
4. ยอดผู้ใช้งาน Messaging App มีแนวโน้มสูงขึ้น
ในปี 2023 มีการคาดการณ์ว่ายอดผู้ใช้งานแอปพลิเคชันจำพวก Messaging App หรือแอปส่งข้อความจะสูงขึ้น เพราะฉะนั้นเป็นโอกาสที่ดีในการให้เหล่าครีเอเตอร์และแบรนด์ได้เตรียมพร้อม เพื่อหาช่องทางในการทำการตลาดที่จะสื่อสารไปยังช่องทางใหม่ๆ อย่างแอปแชตเช่นนี้ด้วย
5. การบริการลูกค้าผ่านโซเชียลมีเดีย
โซเชียลมีเดียเป็นอีกช่องทางที่แบรนด์ใช้ติดต่อกับลูกค้า เป็นตัวกระชับความสัมพันธ์ที่ดีและเพิ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคโควิดเช่นนี้ การติดต่อผ่านทางออนไลน์ถือเป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเร็ว ตอบโจทย์กับสถานการณ์และไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าก็คาดหวังที่จะได้รับการบริการที่ดี การตอบกลับที่เร็ว ผ่านโซเชียลมีเดีย
6. Live Stream ตัวช่วยสำหรับแบรนด์
การไลฟ์ก็เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่เป็นที่นิยมมากขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว และยังคงมีแนวโน้มที่จะเข้ามามีบทาทในการทำการตลาดมากขึ้นอีก เพราะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้ครีเอเตอร์และแบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าได้มากขึ้น เกิดการสื่อสารกันได้อย่างเรียลไทม์มากกว่า ทั้งยังเป็นผลดีกับร้านค้าเนื่องจากทำให้แบรนด์ดูน่าเชื่อถือมากขึ้นนั่นเอง
7. ผู้คนตระหนักถึงประเด็นทางสังคมมากขึ้น
โซเชียลมีเดียถูกใช้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงเรียกร้องสิทธิหรือประเด็นทางสังคมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองที่มียอด Engagement มากที่สุดในปีที่ผ่านมา รวมไปถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม และความไม่เท่าเทียมในด้านต่างๆ ก็ถูกพูดถึงมากไม่แพ้กัน
ซึ่งกลุ่มที่นำทัพขับเคลื่อนเรื่องประเด็นทางสังคมส่วนใหญ่มักเป็นเด็กในยุค Gen Z ลงไป รวมไปถึงผู้คนที่ใช้โซเชียลมีเดียทุกเพศทุกวัย เพราะฉะนั้นหากครีเอเตอร์หรือแบรนด์มีการตระหนักถึงประเด็นต่างๆ ด้วย ก็อาจเป็นวิธีนึงในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและทำให้ได้รับการสนับสนุนมากขึ้น
8. ข่าวปลอมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
Fake news หรือข่าวปลอมแพร่หนักตั้งแต่ช่วงต้นปีที่แล้ว ซึ่งก็เกิดจากโซเชียลมีเดียเอง เนื่องจากข่าวสารที่ถูกแชร์และส่งต่อกันอย่างรวดเร็ว จนบางทีไม่ได้ผ่านการตรวจสอบที่แน่ชัดก่อน รวมไปถึงการใช้เทคนิคต่างๆ ที่ทำให้แยกระหว่างจริงเท็จได้ยากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เหล่าครีเอเตอร์และแบรนด์ต้องระวังเป็นอย่างมากในการที่จะนำข้อมูลต่างๆ มาเผยแพร่หรือทำคอนเทนต์ เพราะจะส่งผลต่อภาพลักษณ์อย่างมาก
9. ใช้โซเชียลหลากหลายช่องทาง
การใช้โซเชียลมีเดียหลายช่องทางเป็นการเพิ่มโอกาสให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ยิ่งปัจจุบันแต่ละแพลตฟอร์มมีฟีเจอร์มากมายให้เลือกใช้ ทำให้สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ๆ ได้มากกว่า อีกอย่างคือแต่ละแพลตฟอร์มมีธรรมชาติในการใช้งานที่แตกต่างกัน การสื่อสารผ่านแต่ละแพลตฟอร์มก็ทำให้คอนเทนต์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันไปด้วย
10. สร้างคอนเทนต์ให้คนมีส่วนร่วม
การสร้างคอนเทนต์ที่เปิดโอกาสให้คนมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะผ่าน Challenge ต่างๆ การติดแฮชแท็ก หรือเปิดให้ทุกคนมาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ หรือถ้าให้ดีควรทำคอนเทนต์ที่สามารถเข้าถึงอินไซต์ของกลุ่มเป้าหมายได้ เช่น การใช้มีม ที่ปัจจุบันก็นำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นการนำรูปและข้อความสั้นๆ มาใส่เพื่อสื่อความหมาย แถมยังได้ความบันเทิง และปีนี้การใช้งานมีมก็ยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกัน
และนี่ก็เป็น 10 เทรนด์ Social Media ที่น่าจับตามองในปี 2021 ที่ทั้งครีเอเตอร์และแบรนด์สามารถนำไปปรับใช้ในการสร้างคอนเทนต์หรือทำการตลาดได้ เพื่อที่จะได้ไม่พลาดเทรนด์ใหม่ๆ กันนะคะ
ที่มา: Social Media Today