แน่นอนว่ายุคดิจิทัล 5.0 แบบนี้ การวางแผนการตลาด และกลยุทธ์สำหรับ Social Media นับเป็นเรื่องที่ต้องทำแน่นอนอยู่แล้ว แต่ทุกครั้งเมื่อต้องเริ่มแคมเปญใหม่ ก็ต้องเริ่มสร้าง Social Media Strategy กันทีละขั้นตอนใช่ไหมล่ะคะ?

เพราะว่า Social Media Strategy ก็คือการใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียในการทำการตลาด โปรโมต ขายสินค้าและบริการนั่นเอง การที่แคมเปญจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเจ้า Social Media Strategy นี่แหละ

วันนี้ RAiNMaker เลยย่อย 10 ขั้นตอนง่าย ๆ สำหรับการวางแผนกลยุทธ์บน Social Media ยังไงให้ Go with the flow กันค่ะ!

Step 1: ตั้งเป้าให้ Align กับวัตถุประสงค์

ขั้นตอนแรกสุดในการเริ่มต้นทุกสิ่งก็คือ ‘การตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์’ นั่นเอง ซึ่งการตั้งเป้าหมายในที่นี้ก็ควรมี KPI (Key Performance Indicator) ที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถวางแนวทางไปสู่เป้าหมายนั้นได้ และเพื่อให้สามารถวัดค่า ROI (Return On Investment) ได้ด้วยนั่นเอง

โดยการตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์นั้น แบ่งออกเป็นทั้งส่วนของธุรกิจ และส่วนโซเชียลมีเดีย เพราะฉะนั้นควรจะตั้งเป้าหมายของการทำแคมเปญบนโซเชียลมีเดียให้ไปในทิศทางเดียวกันกับวัตถุประสงค์ของธุรกิจ

ผ่านการใช้วิธีการติดตามผลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการวัดจากยอดเอ็นเกจเมนต์ ยอดผู้ติดตาม หรือยอดการเข้าชมเว็บไซต์ เป็นต้น

Step 2: จับมือสร้างทีมให้ปัง

เมื่อรู้เป้าหมายและวัตถุประสงค์แล้วก็ต้องจับมือสร้างทีม เพื่อให้เกิด Teamwork makes the dream work ซึ่งทีมในที่นี้ไม่ได้หมายถึงทีมที่ดูแลฝั่งโซเชียลมีเดียอย่างเดียวเท่านั้น แต่รวมถึงทีมอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้อง และต้องทำงานร่วมกันด้วย

ไม่ว่าจะเป็น Customer Service, Support หรือ Sales ก็ตาม เมื่อเราได้ทีมเวิร์กที่ดีแล้ว ก็จะสามารถช่วยกันระดมความคิดในการวางกลยุทธ์ และจัดการส่วนต่าง ๆ ตามความถนัดของแต่ละฝ่ายได้อย่างราบรื่น

Step 3: รู้จักกลุ่มเป้าหมายดีเหมือนเพื่อนซี้

สิ่งที่สำคัญ และนักการตลาดได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ คือ การรู้จักกลุ่มเป้าหมาย เพราะการจะเข้าถึงใครสักคน แน่นอนว่าเราต้องรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา ยิ่งรู้เยอะเท่าไหร่ แปลว่าเราจะยิ่งเข้าใจ และสามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างตรงจุดนั่นเอง

นอกจากจะเก็บข้อมูลเรื่องข้อมูลทางประชากรศาสตร์ เช่น อายุ ที่อยู่ อาชีพ และความสนใจแล้ว การรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายอยู่บนแพลตฟอร์มไหนเป็นส่วนใหญ่ พูดคุย หรือสนใจเรื่องอะไร รวมถึงต้องการอะไรก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เข้าใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

เพราะฉะนั้นควรสร้าง Persona ของกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน จะได้รู้จักกลุ่มเป้าหมาย และเห็นภาพชัดขึ้น เพื่อจะได้มีส่วนร่วมกับพวกเขา พร้อมเจาะลึกอินไซต์ผ่านโซเชียลมีเดีย

Step 4: แอบใส่ใจและศึกษาคู่แข่ง

การสนใจแผน และกลยุทธ์ของตัวเองเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว แต่การสอดส่องคู่แข่งไว้บ้างก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน ไม่ได้หมายความว่าให้ส่งคนไปสอดแนมถึงเบื้องลึกเบื้องหลังขนาดนั้น! แต่ให้ดูว่าคู่แข่งมีการใช้งานโซเชียลมีเดียอย่างไร ได้ผลอย่างไร

เรียกว่าเป็นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ทางอ้อม หากสิ่งไหนที่คิดว่าสามารถนำมาปรับใช้ หรือต่อยอดกับกลยุทธ์ของเราได้ก็ลองนำมาใช้ดู หากสิ่งไหนที่เป็นตัวอย่างว่าไม่เวิร์กเราจะได้เรียนรู้และหลีกเลี่ยง เพื่อไม่ให้ผิดพลาดนั่นเอง

ซึ่งการสังเกตข้อมูลเหล่านั้น แน่นอนว่าเราไม่สามารถรู้รายละเอียดถึงขั้นข้อมูลอินไซต์ พวกตัวเลขสถิติแน่นอน แต่สามารถดูเบื้องต้นอย่างพวกยอดเอ็นเกจเมนต์ การมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมาย และฟีดแบ็กต่าง ๆ ที่สามารถเห็นได้บนโซเชียลมีเดีย

Step 5: เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะและหลากหลาย

การเลือกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียให้ถูกต้องก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม่ใช่ทุกแพลตฟอร์มจะเหมาะกับทุกบริษัท หากเราไม่ถนัดในการทำคอนเทนต์ประเภทวิดีโอสั้น และเรายังฝืนทำโดยที่ผลลัพธ์ออกมาไม่ดี ก็จะไม่เป็นประโยชน์ต่อแคมเปญ

รวมถึงต้องดูด้วยว่ากลุ่มเป้าหมายหลักของเราใช้แพลตฟอร์มไหนเป็นหลักด้วยเช่นกัน หากไปสื่อสารในแพลตฟอร์มที่มีคนใช้เยอะก็จริง แต่กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ไม่อยู่ตรงนั้น สารก็ส่งไปไม่ถึงกลุ่มเป้าหมายตามเป้าที่วางไว้อยู่ดี

หรือหากยังไม่รู้ว่าแพลตฟอร์มไหนที่เหมาะที่สุด ก็สามารถทดลองก่อนได้ แล้ววิเคราะห์จากข้อมูลอินไซต์ต่าง ๆ ว่าสิ่งไหนเวิร์กหรือไม่เวิร์ก หรือจะทำพร้อมกันหลากหลายช่องทางก็ไม่ผิด หากสามารถวางกลยุทธ์ในแต่ละช่องทางได้ดี

แค่ต้องคำนึงถึงความไปทิศทางเดียวกันในทุกแพลตฟอร์ม เพื่อให้คนจดจำได้ และป้องกันการสับสน ที่สำคัญคือต้องหมั่นแอ็กทีฟ เพื่อให้คนได้มีส่วนร่วมในทุกแพลตฟอร์มที่ใช้สื่อสาร และไม่หายไปจากสายตาของกลุ่มเป้าหมาย

Step 6: หาแรงบันดาลใจ หรือ Case study

นอกเหนือจากการระดมความคิด เก็บข้อมูล นำมาวิเคราะห์เพื่อสร้างกลยุทธ์ต่าง ๆ แล้ว การหาแรงบันดาลใจ หรือกรณีศึกษาจากแหล่งอื่น ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งหนทางที่ดีที่จะช่วยต่อยอดให้ตัวเองสามารถค้นหาอะไรใหม่ ๆ

ไม่ว่าจะเป็นการนำข้อดีข้อเสียจากกรณีศึกษามาวิเคราะห์เป็นบทเรียน และสร้างเป็นกลยุทธ์ใหม่ของตัวเอง รวมถึงไอเดียใหม่ ๆ ที่อาจผุดขึ้นระหว่างหาแรงบันดาลใจ จนสามารถสร้างเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากตลาดได้

Step 7: จัดตาราง วางแพลน สร้างปฏิทิน

การมีแพลนที่ชัดเจนคือสิ่งสำคัญ เพื่อให้ทุกอย่างสามารถดำเนินไปตามแพลนโดยไม่ติดขัด หรือไม่หลงลืมอะไรไว้ข้างหลัง แถมยังช่วยให้การทำงานสะดวกมากขึ้น เพราะการจัดการที่เป็นระเบียบ

ดังนั้นควรจะมีปฏิทิน หรือตารางเวลาที่ชัดเจนสำหรับแต่ละขั้นตอน เช่น ตารางเวลาสำหรับการลงคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย เพื่อให้สามารถติดตามการดำเนินงานได้ง่ายขึ้นทั้งภาพรวม และกับคนในทีม รวมถึงสิ่งเหล่านี้ยังช่วยให้ง่ายต่อการสรุปผลในตอนท้ายแคมเปญอีกด้วย

Step 8: Social Listening สังเกต ฟัง นำไปใช้

ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียที่มีอยู่ เพื่อ รวมถึงตรวจสอบการใช้งานโซเชียลมีเดีย ดูว่าอะไรเวิร์ก ใครมาเอ็นเกจกับเราบ้าง เน็ตเวิร์ก หรือโซเชียลมีเดียช่องทางไหนที่กลุ่มเป้าหมายใช้ ภาพลักษณ์และผลลัพธ์บนโซเชียลมีเดียเมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้วเป็นอย่างไร

Step 9: สร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจและมีคุณค่า

เมื่อมีกลยุทธ์ที่ดีแล้ว ในส่วนของการสื่อสารก็ต้องมีประสิทธิภาพเช่นกัน จำไว้เสมอว่าคอนเทนต์ที่น่าสนใจและมีคุณค่าจะถูกส่งไปถึงกลุ่มเป้าหมายเสมอ และอาจส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายกลับมาดูคอนเทนต์ของเราซ้ำ

มากกว่านั้นคือทำให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการกระทำบางอย่างที่ส่งผลดีกับเรา เช่น การคลิกเข้าชมเว็บไซต์ หรือการซื้อสินค้าและบริการ เป็นต้น

เพราะฉะนั้นแค่ทำคอนเทนต์ให้สนุกคงไม่พอ แต่ควรให้คุณค่าอะไรบางอย่างกับกลุ่มเป้าหมายด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความตระหนักรู้ หรือให้ความรู้ในแบบที่พวกเขาต้องการ ภายใต้วัตถุประสงค์หลักของเราเองเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

Step 10: คอย Track และ Monitor ผล

ขั้นตอนสุดท้าย คือขั้นตอนของการติดตามผล เพื่อนำไปวิเคราะห์ และประเมินผลในภายหลัง ซึ่งสามารถใช้ Metric ต่าง ๆ ในการติดตามผล เพื่อดูพวกยอดการเข้าชมเว็บไซต์ หรือข้อมูลอินไซต์อื่น ๆ

ควรจะทดลองการติดตามให้หลากหลายวิธี จากนั้นนำผลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ ประเมินผล เพื่อเป็นเรียนรู้ข้อดีข้อเสีย และเป็นบทเรียนให้กับแคมเปญต่อ ๆ ไป

ที่มา: Hootsuite