ทวิตเตอร์เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มีบทสนทนาเกิดขึ้นเยอะมากในแต่ละวัน จนเกิดเป็นคอมมูนิตี้ต่างๆ ขึ้นมา ทำให้เกิดประเด็นสนทนาต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นวงการบันเทิง รายการ ภาพยนตร์ อาหาร หรือความงาม เป็นต้น
ซึ่งบทสนทนาเหล่านี้ก็เปรียบเสมือนเสียงที่สะท้อนความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น และสามารถเป็นข้อมูลเชิงลึกให้กับแบรนด์ในการวางแผนการสื่อสารอย่างเข้าใจผู้บริโภคอย่างแท้จริงได้ดียิ่งขึ้น
ทวิตเตอร์จึงได้สรุปบทสนทนา 4 ประเด็นหลักที่ชาวทวิตเตอร์ไทยพูดคุยกันมากที่สุดมาให้ ดังนี้
ไดอารีส่วนตัว
ทวิตเตอร์มักถูกใช้เป็นไดอารี หรือบันทึกส่วนตัว ในการพูดคุยเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง หรือแชร์ชีวิตประจำวันมากถึง 45% ของบทสนทนาทั้งหมดบนทวิตเตอร์
โดยแบ่งออกเป็นการพูดคุยถึงเรื่องราวในชีวิตประจำวัน 17% เรื่องความรักและความสัมพันธ์ 15% และการสะท้อนมุมมองความคิดอีก 13% ด้วยกัน
เนื่องจากผู้ใช้งานมองทวิตเตอร์เป็นพื้นที่ปลอดภัยในการบอกเล่าเรื่องราวอย่างจริงจัง เพื่อสะท้อนมุมมองความคิด ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่างการบ่นถึงสภาพอากาศ ไปจนถึงการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เป็นต้น
เชื่อมต่อกับคนคอเดียวกัน
คนใช้ทวิตเตอร์ในการเชื่อมต่อกับคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกันมากถึง 35% โดยใช้ทวิตเตอร์เป็นเหมือนคอมมูนิตี้ที่ให้มารวมตัว พูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบัน แพสชันต่างๆ เช่น อาหาร ชอปปิง หรืออาหาร เพื่อแชร์เรื่องราวที่สนใจร่วมกัน
โดยแบ่งออกเป็นแพสชัน 22% การพูดคุยถึงเหตุการปัจจุบัน 12% และเป็นพื้นที่สำหรับเปิดตลาดนัดออนไลน์ 1%
ศิลปะและไอดอล
ทวิตเตอร์นับเป็นคอมมูนิตี้ของแฟนดอมและศิลปะ โดยมีบทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องนี้มากถึง 16% แบ่งออกได้เป็นบทสนทนาเกี่ยวกับคนดังและแฟนด้อม 9% การพูดถึงความหวังและความฝัน 6% และการแชร์ภาพหรือเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะอีก 1%
เนื่องจากคนในทวิตเตอร์จะชอบแชร์สิ่งสวยงาม เหมือนเป็นแกลอรีศิลปะของตัวเอง รวมถึงการพูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปินไอดอล โดยเฉพาะการทวีตถึงศิลปิน K-pop นั่นเอง จึงทำให้บทสนทนาในหัวข้อนี้ถูกพูดถึงค่อนข้างมาก
การเฉลิมฉลอง ส่งต่อพลังบวก
อีกช่องทางที่ผู้คนบททวิตเตอร์พูดถึง นั่นก็คือการพูดเพื่อสร้างแรงจูงบันดาลใจ หรือการส่งต่อพลังบวก โดยคิดเป็นบทสนทนามากถึง 4% และในนั้นแบ่งออกเป็นการเฉลิมฉลอง เช่น การแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสต่างๆ 3%
และเป็นการให้กำลังใจอีก 1% ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันความสุขง่ายๆ เช่น การขอกำลังใจในช่วงวิกฤตเช่นนี้ โดยที่ทุกคนไม่ได้ระบุว่าต้องให้กำลังใจกับใครเป็นพิเศษ เพียงแค่เห็นใครที่ต้องการกำลังใจผ่านมาในไทม์ไลน์ทุกคนก็ช่วยกันส่งต่อพลังบวกให้กับทุกคน
ที่มา: ข่าวประชาสัมพันธ์