หลายคนอาจคุ้นหลักพื้นฐานในการทำการตลาด ที่เรียกว่า 4P วันนี้เราจะมาพูดเกี่ยวกับการทำการตลาดอินฟลูเอนเซอร์ หรือ Influencer Marketing นั่นเอง ซึ่งในตลาดนี้ก็มีหลัก 4M ไว้ใช้เช่นเดียวกัน
มาทำความรู้จักเจ้า M แต่ละตัว เพื่อเชื่อมต่อแบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์ ไปจนสุดทางของแคมเปญ และเจอกับความสำเร็จกันเถอะ!
Make the Influencer
ขั้นตอนแรกของการเริ่มดำเนินการทุกสิ่งคือ ‘การสร้าง’ สำหรับ Influencer Marketing ก็เช่นกัน ที่ต้องเริ่มจากการหาสิ่งที่จะมาเชื่อมต่อระหว่างแบรนด์และกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งก็คือ การใช้อินฟลูเอนเซอร์นั่นเอง
เพราะฉะนั้นในขั้นตอนนี้ แบรนด์จะต้องทำการค้นหาอินฟลูเอนเซอร์ที่จะสามารถผลักดันให้เกิดการกระจายเสียงของแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ได้ ที่สำคัญคือต้องมีความเหมาะสม และเข้ากับแบรนด์ได้ดี
เนื่องจากขั้นตอนการสร้าง Awareness ค่อนข้างสำคัญในการทำการตลาด การเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ต้องใช้การรีเสิร์ชข้อมูล และใช้ความละเอียดละอ่อนในการเลือกสรร เพราะนับเป็นหนึ่งในภาพลักษณ์ของแบรนด์ในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย
Manage the Impact
เมื่อหาอินฟลูเอนเซอร์ได้ตรงตามที่ต้องการแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องพิจารณาว่าอินฟลูเอนเซอร์จะสามารถสร้างอิมแพ็กให้กับแบรนด์ได้มากน้อยขนาดไหน และแน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ออกมาอาจไม่ตรงตามที่แบรนด์คิดไว้ก็ได้
เพราะฉะนั้นสิ่งที่แบรนด์ควรจัดการวางแผน เพื่อไม่ให้สิ่งที่อินฟลูเอนเซอร์สื่อสารออกไปเกิดผลเสียตามมา และต้องมั่นใจว่าสิ่งที่สื่อสารออกไปจะช่วยดึงให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเกิดการซื้อได้ ที่สำคัญทั้งหมดจะต้องอยู่ภายใต้สิ่งที่แบรนด์ต้องการสื่อสาร
Monitor the Relationships
เมื่อจัดการในด้านการสื่อสาร และคอนเทนต์ไปเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็มาถึงขั้นตอนของการที่ต้องคอยติดตามผล ทั้งติดตามความสัมพันธ์ และคอยสร้างบทสนทนากับอินฟลูเอนเซอร์ รวมถึงกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อรับฟีดแบ็กต่าง ๆ
สามารถสังเกตได้จากบทสนทนาที่เกิดขึ้นรอบ ๆ แบรนด์ ทั้งบทสนทนาระหว่างอินฟลูเอนเซอร์กับกลุ่มเป้าหมาย และบทสนทนาของกลุ่มเป้าหมายกันเองที่เกิดขึ้น เพราะสิ่งเหล่านั้นจะช่วยให้แบรนด์สามารถมองเห็นภาพรวม ฟีดแบ็ก และแนวโน้มต่าง ๆ ที่จะนำมาปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์ต่อได้
นอกจากนี้ สำหรับแบรนด์ควรจะมอนิเตอร์อินฟลูเอนเซอร์ให้ลึกมากกว่าคอนเทนต์ที่เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ เช่น คอยติดตามโปรไฟล์ บทสนทนาต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าอินฟลูเอนเซอร์จะไม่พูดหรือกระทำอะไรที่ส่งผลต่อแบรนด์นั่นเอง
Measure the Result
ขั้นตอนสุดท้ายคือ การวัดผล เพื่อนำไปพัฒนากลยุทธ์ในอนาคต นับเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เนื่องจากเป็นการวิเคราะห์ผลจากกระบวนการทั้งหมดที่ได้ทำมาตลอดทั้งแคมเปญ และเป็นการประเมินผลว่าการใช้อินฟลูเอนเซอร์ได้ผลมากน้อยเพียงใด
ซึ่งสามารถดูได้จากจำนวนกลุ่มเป้าหมาย ยอดเอ็นเกจเมนต์ต่าง ๆ รวมถึงผลกำไรที่ได้รับจากแคมเปญ เป็นต้น
อ้างอิง : Giraffe Social Media