ทุกวันนี้มีโซเชียลมีเดียหลายแพลตฟอร์มที่เหล่าครีเอเตอร์ต้องโฟกัสในการโพสต์คอนเทนต์ ไหนจะต้องโพสต์ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และสตอรีอีก เรียกว่ากว่าจะโพสต์ครบทุกแพลตฟอร์มก็สูบพลังใช้ได้เลยทีเดียว หลายคนเลยแก้ปัญหาโดยการเลือกโพสต์ช่องทางหลักเพียงช่องทางเดียว เพื่อลดความยุ่งยากและประหยัดเวลาในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ ซึ่งนั่นถือเป็นการตัดโอกาสในการเพิ่มยอด Engagement และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่บนแพลตฟอร์มอื่น ๆ!

วันนี้ RAiNMaker เลยจะมาบอกข้อดีของการ Crossposting หรือการโพสต์ข้ามแพลตฟอร์มบนแพลตฟอร์มคู่ใจของครีเอเตอร์อย่าง Meta ที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ โพสต์คอนเทนต์ทั้งบน Facebook และ Instagram ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เพื่อให้ทุกคนได้ลองนำไปใช้เพิ่มยอด Engagement และขยายฐานแฟนกัน!

ก่อนอื่น เราต้องลบความเข้าใจผิดแบบเดิม ๆ ของการโพสต์ข้ามแพลตฟอร์ม อย่างเช่น การโพสต์ข้ามแพลตฟอร์มเป็นการโพสต์ซ้ำซ้อน, แต่ละโพสต์ไม่ได้เหมาะกับทุกแพลตฟอร์ม และกลุ่มเป้าหมายเป็นคนละกลุ่ม ซึ่งทั้ง 3 เหตุผลดังกล่าวอาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้หลายคนเลือกที่จะไม่โพสต์ข้ามแพลตฟอร์ม

แต่ความจริงแล้ว การโพสต์ข้ามแพลตฟอร์มมีข้อดีมากกว่าที่คิด! มาดู 5 ข้อดีของการ Crossposting ที่จะช่วยให้การทำคอนเทนต์บน Facebook และ Instagram ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นกันดีกว่า

เพิ่มยอด Engagement

หลายคนอาจคิดว่าการแชร์ข้ามแพลตฟอร์มถือเป็นการลงคอนเทนต์ซ้ำซ้อนและไม่ช่วยเพิ่มยอด Engagement ซักเท่าไหร่จึงเลือกที่จะมองข้ามวิธีนี้ไป แต่ความเป็นจริงแล้วมันช่วยทำให้เราได้ยอด Engagement เพิ่มขึ้นจากทั้งสองแพลตฟอร์ม

ตอนคนเห็นครั้งแรกอาจยังไม่มีส่วนร่วมกับโพสต์ แต่หากเห็นครั้งที่สองบนอีกแพลตฟอร์มก็อาจเป็นโอกาสให้เขากดเข้ามาดูได้ รวมถึงยังเป็นตัวช่วยสร้าง Awareness ให้คนเห็นโพสต์ในหลากหลายช่องทางมากขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ การโพสต์ข้ามแพลตฟอร์มยังช่วยคงความ Active บนแต่ละแพลตฟอร์ม ทำให้แพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งไม่เงียบเหงาเกินไปในยามที่เราไม่มีเวลาสร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ ๆ

เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลายแพลตฟอร์มมากขึ้น 

เนื่องจากแต่ละแพลตฟอร์มจะมีผู้ใช้ในลักษณะที่แตกต่างกันไป การยึดติดอยู่กับแพลตฟอร์มเดียวอาจช่วยให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มเป้าหมายเดิมก็จริง แต่บางครั้งมันอาจทำให้เรามีกลุ่มเป้าหมายเดิม ๆ อยู่แค่แพลตฟอร์มเดียว

เพราะฉะนั้นการโพสต์ข้ามแพลตฟอร์มจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ บนแพลตฟอร์มอื่นได้มากขึ้น และเมื่อทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จากที่พวกเขาแค่ติดตามผ่านแพลตฟอร์มรอง ก็อาจเข้ามาที่ข่องทางหลักได้ด้วย

วิธีการโพสต์ข้ามแพลตฟอร์มจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยบางโอกาส ที่ทำให้ครีเอเตอร์สามารถขยายฐานแฟนได้ง่ายมากขึ้น โดยไม่ต้องใช้เวลาในการทำคอนเทนต์นานนั่นเอง

สร้าง Community 

นอกจากการโพสต์ข้ามแพลตฟอร์มจะช่วยสร้าง Awareness และขยายฐานกลุ่มเป้าหมายแล้ว ยังเป็นอีกเครื่องมือสำคัญในการสร้าง Community ให้แข็งแรงมากขึ้นอีกด้วย เพราะการโพสต์ข้ามแพลตฟอร์มจะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเห็นและเชื่อมต่อกับเราทุกแพลตฟอร์ม ผ่านโพสต์ที่คุมธีมไปในทางเดียวกัน

โดย Community ที่เกิดขึ้น อาจอยู่บนแต่ละแพลตฟอร์ม และมีลักษณะแตกต่างกันไปตามกลุ่มเป้าหมายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะแต่ละแพลตฟอร์ม

ดู Insight ของแต่ละแพลตฟอร์มได้

การโพสต์ข้ามแพลตฟอร์มจะทำให้เราเห็นฟีดแบ็กต่าง ๆ ของโพสต์ ไม่ว่าจะเป็น ยอด Reach, Engagement, Follower หรือ Link Click เป็นต้น แต่ก็อาจทำให้ยุ่งยากในยามที่เราต้องการจะดู Insight ของแต่ละแพลตฟอร์มที่อยู่บนคนละ Dashboard

แต่สำหรับ Meta เขามีเครื่องมือที่เป็นตัวช่วยทั้งครีเอเตอร์หรือเพจต่าง ๆ ในการดู Insight เวลาโพสต์ข้ามแพลตฟอร์มได้ง่ายมากขึ้น เพราะรวมไว้ให้บน Dashboard เดียวกัน

• สำหรับครีเอเตอร์ที่เป็นบุคคลทั่วไป: สามารถใช้เครื่องมือการโพสต์ข้ามแพลตฟอร์มและดู Insight ได้จากฟีเจอร์ Professional Mode
• สำหรับเพจหรือแบรนด์: สามารถใช้ Meta Business Suite ในการดู Insight ได้เลย แบบนี้จะเหมาะกับครีเอเตอร์ที่มีแบรนด์หรือธุรกิจ รวมถึงองค์กรด้วยเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นครีเอเตอร์หรือเพจก็สามารถดู Insight ของทั้ง Facebook และ Instagram ให้ง่ายขึ้น เพียงแค่เลือกว่าจะดูของแพลตฟอร์มไหน ซึ่งเราสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาเปรียบเทียบ เลือกโฟกัส หรือปรับแนวทางคอนเทนต์ให้เหมาะสมมากขึ้นได้

จัดการเวลาได้ดีขึ้น 

อีกหนึ่งข้อสำคัญของการโพสต์ข้ามแพลตฟอร์ม คือ ช่วยประหยัดเวลาให้เหล่าครีเอเตอร์ที่มีตารางเวลาที่ยุ่ง เพราะจะช่วยลดเวลาในการทำคอนเทนต์ใหม่สำหรับแต่ละแพลตฟอร์ม โดยการแชร์ข้ามแพลตฟอร์มได้ง่าย ๆ แค่คลิกเดียว

ยิ่ง Meta ที่มีตัวเลือกให้สามารถโพสต์ข้ามแพลตฟอร์มระหว่าง Instagram และ Facebook ไม่ว่าจะเป็น การโพสต์ภาพ, Reels หรือ Stories จาก Instagram ให้แชร์บน Facebook ด้วยได้แค่คลิกเดียว เพียงแค่เข้าไปตั้งค่าบน Instagram และกดเปิดให้แชร์ไปยัง Facebook โพสต์ต่าง ๆ ก็จะแชร์ไปทั้งสองแพลตฟอร์มแบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเสียเวลามานั่งแชร์ซ้ำให้ยุ่งยาก

รู้ 5 ข้อดีของการโพสต์ข้ามแพลตฟอร์มแบบนี้แล้ว ใครที่อยากจะโฟกัสหลายแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะทั้ง Facebook และ Instagram รีบนำวิธีนี้ไปประยุกต์ใช้ในการทำคอนเทนต์ เพราะช่วยประหยัดทั้งเวลา และกำลังในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่เรายุ่งจนไม่มีเวลาทำคอนเทนต์ หรือตอนที่เราต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ในแพลตฟอร์มอื่น เริ่มได้ง่าย ๆ ตอนนี้เลยกับ Meta!