Blogger หลายคน หรือ Online Publisher หลายเจ้า สร้างเว็บไซต์ขึ้นมาด้วย WordPress ซึ่งเป็น CMS ที่นิยมใช้กันทั่วโลก ด้วยเหตุผลเพราะ ฟรี, ติดตั้งง่าย ใช้งานง่าย, มีธีมให้เลือกใช้และซื้อเยอะ และสามารถนำไปพัฒนาต่อได้ง่าย รวมถึง Plug-in ที่จะช่วยทำให้เว็บไซต์ของเรานั้นมีความสามารถที่หลากหลายขึ้น โดนไม่ต้องลงทุนจ้างโปรแกรมเมอร์ให้ไปเขียนโปรแกรมขึ้นมาใหม่
WordPress Plug-in เป็นส่วนคำคัญมากที่จะช่วยให้เว็บไซต์มีฟังก์ชั่นได้ตามความต้องการของเรา Plug-in มีหลายหลายรูปแบบทั้งในเรื่องของการแสดงผลหน้าตาของเว็บไซต์ การจัดข้อมูล การทำให้เว็บไซต์เร็วขึ้น นักพัฒนาจากทั่วโลกสร้าง Plug-in ขึ้นมาอย่างมากมายให้เราได้เลือกใช้ แต่ไม่ใช่ว่าทุกตัวที่มีจะดีและเหมาะสมกับเว็บไซต์ของเรา
วันนี้เราเลยเลือก 5 Plug-in สามัญประจำเว็บ Blog ให้ทุกคนได้นำไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้ดีขึ้ไปกว่าเดิม
1. Seed Social
การแชร์เป็นเรื่องที่สำคัญอันดับต้นๆ ของการเขียน Content การมีปุ่มแชร์ไปยัง Social Media จะทำให้ Content ของเรากระจายไปสู่โลกอินเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถเรียก Traffic ได้เพิ่มขึ้นมากอีกด้วย
สำหรับ Plug-In ที่เพิ่มปุ่ม Share ในบทความก็มีหลายตัวในตลาด แต่ที่ยก Seed Social ขึ้นมาเนื่องจากเป็น Plug-In ฟรี และค่อนข้างครบทุก Social ที่บ้านเราใช้ อย่างปุ่ม LINE ที่โดยปติแล้ว Plug-In ตัวอื่นจะไม่ค่อนมีเนื่องจากมีแค่มีกี่ประเทศเท่านั้นที่ใช้ LINE
อีกหนึ่งเหตุผลคือความเบา (Lightweight) ที่ผู้พัฒนาอย่างพี่เม่น แห่ง SeedTheme.com เป็นนักพัฒนาสายเบาๆ คลีนๆ อยู่แล้ว ทำให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วเทียบกับการใช้ Plug-In ตัวอื่น
ดาวน์โหลดและติดตั้ง
2. Contact Form 7 และ Ninja Form
Plug-in แบบฟอร์มที่มีหน้าที่เก็บข้อมูลของผู้ใช้งานที่ต้องการติดต่อหรือสอบถามข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ โดยข้อมูลที่ถูกกรอกเข้ามาไม่ว่าจะเป็น ข้อความ เบอร์โทรศัพท์ และรูปภาพ จะถูกส่งเข้าไปที่อิเมลของเราที่ได้ตั้งค่าเอาไว้
- Contact Form 7 ตั้งค่ายากแต่ปรับแต่งได้หลกหลาย
- Ninja Form ตั้งค่าง่ายแต่ปรับแต่งเพิ่มเติมได้ยาก มันจะถูก Fix Design เอาไว้แล้ว
ดาวน์โหลดและติดตั้ง
3. Seed Fonts
Plug-in เจ้าของเดียวกับ Seed Social ถ้าคุณอยากปรับเปลี่ยนฟ้อนต์บนเว็บให้มีดีไซน์ที่สวยงาม Seed Fonts จะมาช่วยคุณในเรื่องนี้ ฟังก์ชั่นพื้นฐานของ Plug-in จะสามารถดึง Fonts ภาษาไทยจาก Google (ฟรี) เพื่อปรับการแสดงผลของฟ้อนต์บนเว็บไซต์ของเรา และเรายังสามารถเข้าไปเพิ่ม Web Fonts เองได้อีกด้วย
ดาวน์โหลดและติดตั้ง
4. Yoast SEO
อยากให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรกของ Google รึเปล่า? ถ้าอยากมาลองใช้ Yoast SEO ดูสิ Plug-in ตัวนี้จะช่วยให้เราจัดการกับข้อมูลต่างๆ ที่ Google ต้องการเพื่อนำไปประมวลผมในการให้คะแนนสำหรับการติดอันดับของ Google Search ซึ่ง Plug-in
ตัวนี้ก็จะคอยบอกถึงคุณภาพของข้อมูลที่ Google ต้องการตลอดเวลา เช่น การแนะนำให้มีคีย์เวิร์ดหลัก, การหา Keyword ซ้ำ, การคิดจำนวนตัวอักษรในหน้าที่เรากำลังทำอยู่ ถ้าทำตามขั้นตอนตามที่ Plug-in แจ้งเตือนเอาไว้ ก็จะสามารถทำให้เว็บของเราติดอันดับได้ง่าย
แต่การที่ติดตั้งเอาไว้เฉยๆ ไม่ได้ทำให้ Yoast SEO เค้าทำงานได้เต็มประสิทธิภาพนะครับ คนทำคอนเทนต์ต้องหมั่นเติมคำในช่องว่างของ Yoast SEO ให้ครบ ทั้งในส่วนของการตั้งค่าเบื้องต้น และฟอร์มด้านล่างในส่วนที่เขียนคอนเทนต์ ถ้าทำให้เป็นสีเขียวได้ก็จะดีครับ
ดาวน์โหลดและติดตั้ง
5. WP Fastest Cache
ติดจรวจให้เว็บไซต์ด้วยการทำ Cache การทำ Cache คือการเก็บข้อมูลที่ถูกดาวน์โหลดแล้วบนเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วนำไปใช้งานในครั้งต่อไป เพื่อให้เว็บไซต์ไม่เสียทรัพยากรทุกครั้งที่มีผู้ใช้งานเข้ามา WP Fastest Cache ติดตั้งง่ายและช่วยให้เว็บไซต์ดาวน์โหลดได้รวดเร็วขึ้น แนะนำสำหรับเว็บไซต์ที่มีข้อมูลและคนเข้าจำนวนมากๆ ในแต่ละวัน