อย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่าในปัจจุบันแค่ยอด Organic อย่างเดียวคงไม่พอ มันก็ต้องมีการยิง Ads กันบ้าง อย่างคอนเทนต์วิดีโอที่ว่ามาแรงก็ยังต้องมีการยิง Ads บ้าง เพื่อช่วยเพิ่มการมองเห็นและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอยู่ดี
วันนี้ RAiNMaker ได้สรุปจากที่ Meta แนะนำการทำ Video Ads สำหรับโทรศัพท์มือถือ ทั้งบน Facebook, Instagram และ Messenger ที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีบนแพลตฟอร์มมาฝากถึง 6 ข้อ เพื่อให้นำไปลองปรับใช้กับคอนเทนต์วิดีโอสำหรับใช้ในการยิง Ads กันค่ะ
ความยาวประมาณ 15 วินาที
แน่นอนว่ายุคแห่งวิดีโอสั้นแบบนี้ คนไม่จดจ่อกับอะไรนาน ๆ หากไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจ และเข้าไปหาเอง ยิ่งโฆษณาเป็นสิ่งที่เราส่งไปถึงกลุ่มเป้าหมายแล้วด้วย หากนานยืดเยื้อเกินไปกว่าจะรู้ว่าผลิตภัณฑ์คืออะไร มีหวังลูกค้าได้ปัดผ่านไปเสียก่อน
เพราะฉะนั้นควรทำวิดีโอที่มีความยาวไม่เกิน 15 วินาที เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนดูวิดีโอจนจบ แถมข้อดีของการทำวิดีโอสั้นยังทำให้สามารถใช้โพสต์ลง Stories ได้ ทั้ง Facebook และ Instagram อีกด้วย
แต่หากเป็นโฆษณาที่อยู่ในบางจุด อาจเพิ่มความยาวได้นิดหน่อยตามความเหมาะสมของแต่ละส่วน เช่น บน Meta Audience Network ที่สามารถใช้วิดีโอความยาวได้ถึง 120 วินาที รวมถึงหน้าฟีด Facebook, Facebook Marketplace และ Messenger ที่มีความยาวสูงสุดถึง 240 นาที
ใช้อัตราส่วนวิดีโอไม่ขัดกับแพลตฟอร์ม
หากพูดถึงการดูผ่านโทรศัพท์แล้ว แน่นอนว่าผู้คนมักจะคุ้นชินกับอัตราส่วนที่เป็นจัตุรัส หรือแนวตั้งเต็มจอมากกว่า ส่วนหนึ่งมาจากอิทธิของวิดีโอสั้นที่แทรกซึมไปแทบทุกแพลตฟอร์มในตอนนี้ เลยแนะนำให้ทำเป็นวิดีโอแนวตั้ง เพื่อประสบการณ์การรับชมที่ดีกว่า
นอกจากนี้ ยังสามารถลองวิดีโออัตราส่วน 4:5 ก็ได้เช่นกัน เพราะสามารถใช้งานได้ทั้งบนหน้าฟีด Facebook, Instagram และ Meta Audience Network ได้นั่นเอง
ดึงความสนใจใน 3 วิแรก
ยิ่งวิดีโอมีความสั้นมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องรีบดึงความสนใจของคนให้เร็วขึ้นเท่านั้น เพื่อให้เขาดูคลิปวิดีโอของเรา หากสามารถสะกดคนดูได้ภายใน 3 วินาทีแรก จะมีแนวโน้มที่คนจะดูคลิปวิดีโอต่อจนจบ
อาจใช้ความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์แสดงออกผ่านการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่ ดึงดูดความสนใจ หรือแสดงให้เห็นผลิตภัณฑ์ไปเลยตั้งแต่เริ่มเพื่อจุดประกายความอยากรู้ให้กับคนดูนนั่นเอง
ใส่ Copy/Sub เผื่อคนดูแบบปิดเสียง
อีกหนึ่งอย่างที่คนทำวิดีโอต้องคำนึงถึง คือพฤติกรรมของผู้บริโภคที่บางครั้งมักจะดูคลิปวิดีโอแบบไม่มีเสียง เช่น อาจจะดูตอนคุยโทรศัพท์ ไม่ได้ใส่หูฟัง หรืออาจจะทำอย่างอื่นควบคู่ไปกับการดูวิดีโอ นอกจากนี้ ยังรวมถึงผู้ที่มีความพิการทางการได้ยินอีกด้วย
ซึ่งหากบางวิดีโอไม่มี Copy หรือ Subtitle ที่อธิบายเพิ่มเติม แน่นอนว่าคนที่อยู่ในสถานการณ์การรับชมวิดีโอแบบ Sound Off จะมีความสนใจต่อวิดีโอน้อยลงแน่นอน เพราะดูไปก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
การเพิ่มตัวหนังสือ ทั้ง Copy, Super, Subtitle หรือ Caption บรรยายก็จะช่วยเพิ่มความเข้าใจวิดีโอได้แม้ไม่ได้เปิดเสียงวิดีโอฟังนั่นเอง นอกจากตัวหนังสือจะเข้ามาเพิ่มความเข้าใจแล้ว ยังช่วยดึงดูดความสนใจ และทำให้วิดีโอไม่ดูเรียบจนน่าเบื่อเกินไปอีกด้วย
มีลิงก์ไปช่องทางแบรนด์โดยตรง
เมื่อมีการยิง Ads แล้วก็ต้องทิ้งช่องทางเพื่อให้คนที่สนใจสามารถติดตามต่อได้ ไม่ว่าจะเป็นลิงก์หน้าเพจ Facebook หน้าบัญขี Instgram แชต Messenger หรือเว็บไซต์ก็ตาม เพราะส่วนนี้จะเป็นตัวเพิ่มยอดการเข้าชมช่องทางของแบรนด์ รวมถึงอาจเพิ่มยอดขายได้ไม่น้อย
ทางที่ดีให้เน้นช่องทางที่ต้องการให้มีคนเข้าชม หรือช่องทางที่ก่อให้เกิด Action ตามมมาเยอะ ทั้งการสมัครสมาชิก เพิ่มของใส่ตะกร้า ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน หรือซื้อสินค้า เป็นต้น
นอกจากนี้ การเพิ่มลิงก์ต่าง ๆ ที่เป็นเหมือน Call-to-action ยังส่งผลทางด้านจิตวิทยาที่ทำให้คนอยากกดเข้าไปดูมากขึ้นอีกด้วย หากลองสังเกตดูจะเห็นว่าโฆษณาต่าง ๆ จะชอบมีคำว่า See More, Learn More, Download Now หรือ Buy Now ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นให้คนเกิด Action มากขึ้นนั่นเอง
เล่าเรื่อง Product ให้เข้ากับ Lifestyle
หากอยากให้คนสงสัยและสนใจคลิปวิดีโอ หรือแบรนด์ของคุณในทันที ในคลิปวิดีโอควรจะมีการเล่าเรื่องที่สื่อถึงตัวผลิตภัณฑ์ และความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์อย่างชัดเจนเพื่อให้คนจดจำได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น ซึ่งข้อนี้ก็จะตอบโจทย์ในส่วนที่บอกว่าวิดีโอจะต้องสะกดคนดูตั้งแต่ 3 วินาทีแรกนั่นเอง
สำหรับวิดีโอยาวเองก็ควรมีการเล่าเรื่องของผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์ อาจจะยืดความยาวเป็นภายใน 15 วินาทีแรก เพราะพถ้านานกว่านี้คนดูจะกดออกแน่นอน เพราะคิดว่าดูมาตั้งนานแล้วยังไม่รู้เลยว่าจะสื่ออะไรกันแน่
ที่มา: Meta Business Help Center