YouTube เป็นช่องทางการโฆษณาที่แบรนด์นิยมใช้ เนื่องจาก YouTube เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอที่มีผู้ใช้กว่า 2 พันล้านคนที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ เลยทำให้มีคนมองเห็นโฆษณาต่อเดือนเยอะ วันนี้ RAiNMaker เลยจะมาแชร์ 6 ประเภทของโฆษณาแบบวิดีโอบน YouTube ที่มีให้แบรนด์เลือกใช้กัน
เราเชื่อว่าในฐานะคนที่ชอบท่อง YouTube ต้องเคยเห็นโฆษณามาหลากหลายรูปแบบแน่นอน เพราะก่อนที่จะได้รับชมคอนเทนต์ที่ต้องการ ก็มักจะมีโฆษณาขึ้นมาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นแบบที่กดข้ามได้หรือข้ามไม่ได้ก็ตาม แต่จะมีโฆษณาแบบไหนบ้าง ตามไปดูกันเลย!
Skippable in-stream ads
การแสดงโฆษณา: แทรกก่อนและหลัง หรือระหว่างคลิป
ความยาว: 12 วินาที – 3 นาที / YouTube Kids: 60 วินาที
การกดข้าม: ข้ามได้ใน 5 วินาที
ฟังก์ชัน: มีโฆษณาแบบ Bumper เล่นต่อได้
เหมาะสำหรับ: สร้างการรับรู้ และการโปรโมต
เป็นโฆษณาที่ผู้ชมสามารถกดข้ามได้หลังจาก 5 วินาที ซึ่งมักจะพบบ่อยมาก ๆ ในเวลาที่รับชมคลิปบน YouTube ไม่ว่าจะเป็นช่วงต้นคลิป กลางคลิปหรือท้ายคลิป
และยังขึ้นเป็นแบบจอย่อด้านขวาล่างให้กดข้ามได้แล้ว ยังขึ้นเป็นไซด์บาร์มุมล่างซ้ายของคลิปด้วย ซึ่งจะเป็นส่วนที่แสดงเวลาความยาวทั้งหมดของโฆษณาแบบเต็มให้คลิกเข้าไปดูได้
นอกจากนี้ยังขึ้นโฆษณาเป็นแบบป็อปอัปพร้อมแบนเนอร์โฆษณาของแบรนด์ มีไว้สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่สนใจและอยากจะคลิกเพื่อลิงก์ไปยังหน้าเพจหลักของแบรนด์นั้น ๆ ได้
Nonskippable in-stream ads
การแสดงโฆษณา: แทรกก่อนและหลัง หรือระหว่างคลิป
ความยาว: ไม่เกิน 15 วินาที
การกดข้าม: กดข้ามไม่ได้
เหมาะสำหรับ: สร้างการรับรู้ และเพิ่มยอด Reach
เพราะมีจำนวนผู้คนกว่า 76% ที่กดข้ามโฆษณา เนื่องจากพวกเขาได้รับชมมันมากเกินไปบน YouTube เลยทำให้แพลตฟอร์มนี้ต้องหาทางให้กับแบรนด็ได้มีโอกาสสร้างการรับรู้เพิ่ม นั่นก็คือการโฆษณาแบบที่กดข้ามไม่ได้
ซึ่งเหมาะกับแบรนด์ที่อยากจะโชว์ความครีเอทีฟหรือความแปลกใหม่มาก ๆ ในเวลา 15 วินาที เนื่องจากการที่โฆษณาไม่สามารถกดข้ามได้ใน 5 วินาทีนี้ จะทำให้ผู้ชมได้รับชมในเวอร์ชันเต็มแบบที่ไม่มีทางเลือกอื่น และหากคุณสามารถทำโฆษณาที่มัดใจผู้ชมได้ ก็อาจจะได้ยอดเอ็นเกจเมนต์กลับมาเป็นสิ่งตอบแทนนั่นเอง
In-feed video ads
การแสดงโฆษณา:
อยู่หน้าเสิร์ชบน YouTube
แสดงพร้อมวิดีโอบน YouTube
แทรกตรงหน้าโฮม YouTube บนโทรศัพท์มือถือ
การกดข้าม: กดข้ามไม่ได้
เหมาะสำหรับ: สร้างโอกาส และกระตุ้นยอดขาย
การโฆษณาแทรกตามฟีดหรือหน้าเสิร์ชเป็นอีกแบบที่เราน่าจะเห็นจนคุ้นตากันบน YouTube ไม่ว่าจะเป็นตรงหน้าค้นหาคลิป, หน้าแรกของ YouTube หรือแสดงโฆษณาพร้อมวิดีโอก็ทำได้
โดยตอนแรกจะปรากฎเป็นวิดีโอขนาดย่อพร้อมกับข้อความโฆษณาบางส่วน และเชิญชวนให้ผู้ใช้คลิกเพื่อดูวิดีโออยู่เสมอด้วย ซึ่งเป็นผลดีต่อแบรนด์มาก ๆ ที่จะสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ต่อกลุ่มเป้าหมาย
Bumper ads
การแสดงโฆษณา: แทรกก่อนและหลัง หรือระหว่างคลิป
ความยาว: ไม่เกิน 6 วินาที
การกดข้าม: กดข้ามไม่ได้
เหมาะสำหรับ: สร้างการรับรู้แบรนด์แบบเข้าถึงผู้ชมวงกว้าง
การโฆษณาแบบบัมเปอร์มีความยาวทั้งหมด 6 วินาที ซึ่งเล่นทั้งในช่วงต้นคลิป ระหว่างคลิป และท้ายคลิป เพราะเป็นรูปแบบโฆษณาที่มีเวลาสั้นมาก ๆ ก็เลยทำให้แบรนด์ต้องใช้ข้อความสั้น ๆ หรือมีการครีเอทีฟคอนเทนต์ให้ดึงดูดความน่าสนใจในเวลาไม่กี่วินาทีให้ได้ ซึ่งเวลานี้เท่ากับสถิติของการตัดสินใจที่จะรับชมคลิปต่อบน TikTok เลยทีเดียว
ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้โฆษณาแบบบัมเปอร์นี้สามารถเรียกยอดเอ็นเกจเมนต์ รวมไปถึงเรียกยอด Reach พร้อมสร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านแคมเปญต่าง ๆ ได้ดีเลยทีเดียว
Outstream ads
การแสดงโฆษณา:
แสดงบนเว็บไซต์อื่น
แสดงบนแอปพาร์ทเนอร์วิดีโอ Google
แบนเนอร์บนเว็บไซต์อื่น
คั่นระหว่างหน้า หรือฟีดเว็บไซต์อื่น
ฟังก์ชัน: ผู้ใช้กดเปิดเสียงวิดีโอได้
การกดข้าม: กดข้ามไม่ได้
เหมาะสำหรับ: การเข้าถึงผู้ชมวงกว้างบนโทรศัพท์มือถือ
นอกจากการโฆษณาแบบวิดีโอบน YouTube จะมีความโดดเด่นแตกต่างกันไปในแต่ละแบบแล้ว การโฆษณานอกสตรีมก็มีให้เลือกเยอะไม่แพ้กัน เพราะเราเชื่อว่าต่อให้หลายคนไม่ได้เข้าใช้งาน YouTube แต่ก็จะเจอโฆษณาจากแพลตฟอร์มนี้ตามไปอยู่ดี
โดยส่วนใหญ่โฆษณาประเภทนี้มักจะนิยมมาก ๆ บนโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่าง iPad ก็สามารถพบเจอได้ ซึ่งจะขึ้นโฆษณาแบบปิดเสียง และผู้ชมที่สนใจก็สามารถคลิกไปที่คลิปเพื่อเปิดเสียงโฆษณาได้ จึงเหมาะสำหรับแบรนด์ที่อยากเก็บยอด Reach เยอะ ๆ เลย
Masthead ads
การแสดงโฆษณา:
เดสก์ท็อป: เล่นอัตโนมัติแบบไม่มีเสียง 30 วินาทีหน้าฟีด
โทรศัพท์มือถือ: เล่นอัตโนมัติแบบไม่มีเสียงตลอดคลิปหน้าแรก m.youtube.com
สมาร์ตทีวี: เล่นอัตโนมัติแบบไม่มีเสียงตลอดคลิปบนแอป YouTube
ฟังก์ชัน: ผู้ใช้คลิกที่คลิปเพื่อลิงก์ไปดูวิดีโอแบบเต็มหน้าจอได้
เหมาะสำหรับ: สร้างการรับรู้ และเข้าถึงผู้ชมวงกว้างในเวลาสั้น ๆ
โฆษณาประเภทนี้เราเชื่อว่ามีหลายคนเห็นเยอะไม่น้อย เพราะจะปรากฎให้เห็นบนหน้าฟีดหรือหน้าโฮมของแอป YouTube ทุกช่องทาง ทั้งเดสก์ท็อป โทรศัพท์มือถือ และสมาร์ตทีวีเลยทีเดียว
โดย Masthead ads จะแสดงโฆษณาแบบอัตโนมัติแบบไม่มีเสียงเป็นเวลา 30 วินาที แต่ก็สามารถกดเปิดเสียงเพื่อฟังเสียงได้เหมือนกับโฆษณาประเภท Outstream ads เลย ฉะนั้นจึงเหมาะกับแบรนด์ที่อยากจะสร้างการรับรู้หรือโปรโมตสินค้าและบริการใหม่มาก ๆ เพราะใช้เวลาไม่นาน และอยู่ในตำแหน่งที่ดึงดูดสายตาได้ดี
จากโฆษณาวิดีโอทั้ง 6 ประเภทของ YouTube Ads แสดงให้เห็นถึงความแตกต่าง และความเหมาะสมในการใช้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือการดึงดูดความสนใจ และเชื่อมต่อกับอารมณ์ และความรู้สึกของกลุ่มเป้าหมายภายในเวลาไม่กี่วินาทีให้ได้ ไปจนถึงสร้างการรับรู้ของแบรนด์เป็นที่น่าจดจำด้วย
สำหรับแบรนด์ไหนที่เคยใช้บริการนี้แล้ว และต้องการปรับให้เหมาะสมกว่าเดิมเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายมองเห็นมากขึ้น หรือแบรนด์ไหนที่ยังไม่เคยใช้การโฆษณาแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ควรลองเลย
ที่มา: Hootsuite, Think with Google