เริ่มต้นปีใหม่กันมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว เหล่านักการตลาด แบรนด์ และครีเอเตอร์ก็ต้องมาอัปเดตเทรนด์ใหม่ ๆ พร้อมรับปี 2024 เพื่อสู้กันในสนาม Online Content! เพราะโลกดิจิทัลไม่เคยหยุดนิ่ง โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมามีอะไรเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งการเติบโตของ AI, แนวทางการทำ Marketing รวมถึงเทรนด์คอนเทนต์
ในวันนี้ RAiNMaker เลยอยากชวนทุกคนมาอัปเดตเทรนด์ Content Marketing ประจำปี 2024 เพื่อให้นำอัปเดตต่าง ๆ ไปประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์และปรับกลยุทธ์การตลาดให้ทันเทรนด์กัน!
Video Content คอนเทนต์ที่โลกต้องการ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าคอนเทนต์ที่มาแรงก็ยังคงเป็น “วิดีโอ” นอกจากยุคนี้เป็นยุคของวิดีโอสั้นแล้ว วิดีโอยาวก็มาแรงไม่แพ้กัน เห็นได้จากยอดวิวและยอดการใช้งานบน YouTube ก็ยังคงเยอะอยู่ รวมถึง TikTok เองก็พยายามที่จะขยายความยาวในการอัปโหลดคลิปเรื่อย ๆ จาก 1 นาที เป็น 3 นาที และ 10 นาที
เนื่องจากคอนเทนต์วิดีโอย่อยง่าย ได้รับสารจากหลากทาง ทั้งภาพและเสียง รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมมากขึ้น แถมยังสร้างอิมแพ็กได้มากกว่าคอนเทนต์ประเภทอื่น ๆ อีกด้วย
นอกจากคอนเทนต์บันเทิงทั่วไปแล้ว ปัจจุบันการขายของก็ถูกทำออกมาในรูปแบบวิดีโอมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การทำคลิปติดตะกร้าบน TikTok หรือการเพิ่มคอนเทนต์วิดีโอสั้นบน Shopee จนเกิดเป็นเทรนด์ Shoppertainment ขึ้น
เพราะฉะนั้นในปีนี้ การทำคอนเทนต์วิดีโอก็ยังคงมาเช่นเดิม ไม่ว่าจะวิดีโอสั้นหรือวิดีโอยาว อยู่ที่การจับเทรนด์และลูกเล่นในการสื่อสารผ่านวิดีโอ ว่าจะต่อยอดอย่างไรให้วิดีโอมีความโดนเด่นและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด
AI กับบทบาท Supporter
ช่วงแรกที่กระแส AI มาแรง จนเกิดเป็นข้อถกเถียงในหลายวงการว่า “AI จะเข้ามาแย่งงานคน” เริ่มแรกหลายคนอาจได้รับผลกระทบจากช่วงเวลาที่ลำบาก ในตอนที่องค์กรเลือกที่จะลดจำนวนคนและหันไปใช้ AI แทน
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนเริ่มปรับตัวและนำ AI เข้ามาช่วยซัพพอร์ตการทำงานให้ง่ายขึ้น จากที่เคยกลัวว่ามันจะมาแย่งงาน ก็เรียนรู้มากขึ้นว่ามันสามารถเข้ามาช่วยให้งานง่ายขึ้นแทน ซึ่งหลายอุตสาหกรรมก็ยังไม่สามารถนำ AI มาทำงานแทนคนได้ 100%
เช่นเดียวกันกับ Content Marketing ที่เรียกว่า AI สามารถเข้ามาช่วยซัพพอร์ตได้มากมาย โดยที่ AI ไม่ได้เป็นผู้นำด้าน Marketing หรือใช้ความคิดสร้างสรรค์ แต่คนจะยังเป็นเจ้าของความคิดเหมือนเดิม เพราะสุดท้ายแล้วคอนเทนต์ที่สร้างโดยมนุษย์ยังสร้างอิมแพ็กและความรู้สึกได้ดีกว่า
เพียงแต่ AI จะเข้ามาช่วยขยายความคิดเหล่านั้นให้เป็นจริงได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การรวบรวมข้อมูลจากหลายแพลตฟอร์ม, การทำ Personalized Marketing หรือแม้แต่ช่วยตรวจทานความถูกต้องของข้อมูล ที่สำคัญ AI สามารถทำงานกับข้อมูลปริมาณมหาศาลภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งช่วยลด Workload ได้ดีเลยทีเดียว
Personalized Marketing ที่ขับเคลื่อนด้วย AI
แน่นอนว่า Personalized Marketing กลายเป็นกลยุทธ์พื้นฐานในการทำการตลาดมานานแล้ว แบรนด์จึงต้องหมั่นพัฒนากลยุทธ์การตลาดเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าตามความสนใจแบบเฉพาะแต่ละคน และรักษากลุ่มลูกค้าเหล่านั้นให้ได้
ซึ่งเทรนด์ใหม่มาแรงอย่างเทคโนโลยี AI ก็เข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญในการขับเคลื่อน Personalized Marketing ให้ดีขึ้น โดยการใช้เทคโนโลยีมาใช้ในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล ไม่ว่าจะเป็น การเก็บประวัติการซื้อ การใช้งาน หรือความสนใจของลูกค้าแต่ละคน เพื่อนำมาวิเคราะห์พฤติกรรม เพื่อที่จะได้ส่งคอนเทนต์ที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการของแต่ละคน เช่น การส่งอีเมลแบบ Personalized
ซึ่งการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าที่มีจำนวนมาก แถมยังกระจายอยู่บนหลายแพลตฟอร์ม ทำให้ยุ่งยาก ใช้เวลานาน และอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้ การนำ AI ที่มีจุดแข็งในเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก และประหยัดเวลา สามารถเข้ามาช่วยจัดการข้อมูลส่วนนี้ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้การทำ Personalized Marketing ง่ายขึ้นไปด้วย
นอกจากนี้ AI ยังสามารถช่วยในการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ เพื่อดูแนวโน้มพฤติกรรมในอนาคตของลูกค้า รวมถึงใช้ AI ในการช่วยให้ลูกค้าสามารถหาสินค้าด้วยภาพได้เช่นกัน
Social Media สู่แหล่ง Search ข้อมูล
คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z ราว 40% มีพฤติกรรมการค้นหาบนโลกออนไลน์ที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่คนใช้ Search Engine เช่น Google ในการค้นหาสิ่งต่าง ๆ ตอนนี้โซเชียลมีเดียกลายเป็นแหล่งค้นหาข้อมูลที่คนรุ่นใหม่แทบจะใช้เป็นช่องทางหลัก โดยเฉพาะ TikTok
เนื่องจากโซเชียลมีเดียเป็นคลังคอนเทนต์ ทำให้ได้คำตอบที่มีความน่าเชื่อถือ และตรงคำสิ่งที่ต้องการหามากกว่าบนเว็บไซต์ที่มีความจริงจังมากกว่า อีกหนึ่งจุดโฟกัสของการทำ Content Marketing ในปีนี้ จึงเป็นการทำคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียให้ตอบโจทย์การค้นหา ไม่ว่าจะเป็น คีย์เวิร์ด หรือเรื่องที่คนสนใจ
อย่างที่เห็นว่า ในปัจจุบันหลายแพลตฟอร์มจึงมีเครื่องมืออย่าง Keyword Insight มาเป็นตัวช่วยให้คนทำคอนเทนต์สามารถค้นหาคีย์เวิร์ดที่คนสนใจ เพื่อนำไปต่อยอดคอนเทนต์ของตัวเองได้นั่นเอง
Meme Marketing นำเทรนด์มาดันยอด
นอกจากคอนเทนต์ให้ข้อมูลที่จริงจัง และบอกเล่าเรื่องเล่าของแบรนด์แล้ว ปัจจุบันอีกหนึ่งคอนเทนต์ที่ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีคือคอนเทนต์ประเภทมีม (Meme) เห็นได้จากการที่มีกระแสไวรัลอะไรเกิดขึ้นสักครั้ง เหล่าแบรนด์ก็มักจะนำประเด็นเหล่านั้นมาทำเป็นมีมที่สามารถโยงให้เข้ากับแบรนด์ได้
ซึ่งการนำมีมมาเล่น นอกจากจะเป็นการกระโดดลงไปเล่นกับกระแส เพื่อแสดงให้เห็นว่าตามทันเทรนด์แล้ว สิ่งนี้ยังเป็นการลบภาพจำของแบรนด์ และช่วยให้ใกล้กลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เพราะความเป็นกันเอง และตลกด้วยตัวของมีมเอง
“คนไทยเป็นคนตลก” บางครั้งผู้คนมักชอบเสพอะไรที่ง่าย ๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก และมีมก็สามารถเป็นภาพหรือวิดีโอก็ได้ เพียงแค่มีความตลกแต่เกี่ยวข้องกับอินไซต์บางอย่าง ที่ทำให้คนเห็นปุ๊บรู้ปั๊บจนเรียกว่าเป็นภาษามีมเลยก็ว่าได้
หากใครยังไม่ลอง ปีนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีในการลองก้าวออกจากกรอบเดิม ๆ และหันมาใช้ Meme Marketing ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์กันได้ หรือหากใครอยากได้ไอเดียเกี่ยวกับมีม จะใช้ AI ช่วย Generate ให้ก็ยังได้!
Niche Content เจาะลึกถึงกลุ่มเป้าหมาย
ทุกวันนี้มีคอนเทนต์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นแทบจะทุกนาที จนคนเองก็เลือกเสพคอนเทนต์กันแทบไม่ทัน ยิ่งคอนเทนต์ที่มีความคล้ายคลึงกันเท่าไหร่ ยิ่งอาจมีโอกาสจมหายไปในทะเลคอนเทนต์ประเภทเดียวกันได้ง่ายขึ้น
เพราะฉะนั้นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้คอนเทนต์ของเราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด และไม่กลืนหายไปจากหน้าฟีด นั่นก็คือการทำ “Niche Content” ที่เจาะลึกเรื่องใดเรื่องหนึ่ง กับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่มไปเลย
การทำ Niche Content นอกจากจะช่วยลดปัญหาเรื่องคอนเทนต์ถูกกลืนหายไปแล้ว ยังเป็นการสร้างตัวตนให้กลุ่มเป้าหมายเชื่อถือมากขึ้น เนื่องจากการทำคอนเทนต์ประเภทนี้ จำเป็นจะต้องมีข้อมูลที่แม่นยำและเจาะลึกกว่าคอนเทนต์ประเภทอื่น ๆ หากทำถึงก็จะได้รับความน่าเชื่อถือในเรื่องนั้น ๆ และเกิดเป็นคอมมูนิตี้ได้ด้วยเช่นกัน
UGC กุญแจสำคัญดัน E-commerce
ในยุคที่คนเชื่อ Micro-Influencer หรือเหล่าผู้ใช้จริงมากกว่าแบรนด์หรือเซเลบคนดัง เรียกว่ากว่า 85% ของคนส่วนใหญ่เลือกที่จะติดตามและเชื่อคอนเทนต์ที่สร้างโดยผู้ใช้ทั่วไป หรือที่เราเรียกกันว่า User-Generated Content (UGC) นั่นเอง
ปัจจุบัน UGC กลายเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยผลักดัน E-commerce เห็นได้จากเทรนด์การทำ Affiliate ไม่ว่าจะเป็น บนแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นอย่าง TikTok หรือการแปะลิงก์จาก Shopee, Lazada เป็นต้น รวมถึงการรีวิวธรรมดา ๆ ที่เป็นความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาจากผู้ใช้จริง ก็เป็นสิ่งที่คนต้องการเห็นมากกว่าคอนเทนต์โดยตรงจากแบรนด์
ดังนั้นแบรนด์ควรเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้มีสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีการพูดถึงแบรนด์อย่างเต็มที่ เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มคอนเทนต์ให้แบรนด์แล้ว ยังมีส่วนในการช่วยบูสต์ SEO ได้ด้วย ทางที่ดีแบรนด์ควรจะสนับสนุน UGC เช่น การเข้าไปกดไลก์ คอมเมนต์ หรือแชร์ผ่านช่องทางของแบรนด์ เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์
ซึ่งวิธีการนี้ นอกจากจะทำให้เจ้าของคอนเทนต์ยิ่งรู้สึกรักแบรนด์แล้ว ยังทำให้แบรนด์สามารถตกคนอื่น ๆ ผ่านคอนเทนต์ของผู้ใช้จริงได้อีกด้วย เรียกว่าผู้ใช้สามารถเป็น Brand Ambassador ให้โดยที่เราไม่ต้องเสียเงินจ้างในส่วนนี้ แถม UGC ยังสามารถช่วยให้เกิดเป็นคอมมูนิตี้ของผู้ใช้งานให้ทุกคนมีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้อีกด้วย
แบรนด์สามารถผลักดันให้เกิด UGC ได้ง่าย ๆ เช่น รีวิวเพื่อรับรางวัลส่วนลด หรือสร้างแคมเปญหรือแฮชแท็ก เป็นต้น
และนี่ก็เป็น 7 เทรนด์ ที่เรามาอัปเดตให้ทุกคนนำไปเตรียมตัวเพื่อปรับใช้กับกลยุทธ์ในการทำ Content Marketing ในปี 2024 กัน สรุปสิ่งสำคัญหลัก ๆ ที่ควรโฟกัสก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของ AI, Video Content และ UGC ที่สามารถนำไปปรับใช้กับแบรนด์หรือคอนเทนต์ของตัวเองได้ เพียงเท่านี้ก็สามารถดันคอนเทนต์ของเราให้ปังพร้อมลงแข่งในสนามได้แล้ว!
ที่มา: Narrato, WordStream