TikTok นับเป็นอีกพื้นที่ๆ เปิดให้สร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบของวิดีโอสั้น และช่วยให้แบรนด์และครีเอเตอร์ได้นำเสนอผลงานมากกว่าการขายตรงๆ อย่างที่ TikTok บอกไว้ว่า “Don’t make Ads, Make TikTok” เพราะ TikTok นับเป็นแหล่งรวมคอนเทนต์ที่จุดประกายความคิดสร้างสรรค์นั่นเอง
วันนี้ RAiNMaker เลยมาบอกทริก 9 ข้อที่ทั้งแบรนด์และครีเอเตอร์ควรรู้ไว้ เพื่อนำไปปรับใช้ในการสร้างคอนเทนต์อย่างไรให้เข้าถึงคนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สร้าง Hashtag Challenge หรือ Duet
การสร้าง Hashtag Challenge ขึ้นมาจะทำให้แฮชแท็กติดอยู่ในหน้าค้นหา ซึ่งจะช่วยสร้าง awareness ให้กับแบรนด์ได้มากขึ้น ยิ่งถ้าคอนเทนต์ที่สร้างออกมาสามารถเชิญชวนให้ร่วมชาเลนจ์ต่างๆ ได้ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้งานจะมีส่วนร่วมกับแคมเปญมากขึ้นอีกด้วย
โดยการสร้างแฮชแท็กไม่ควรเป็นคำที่ยาวเกินไป แต่ควรเน้นความกระชับจำง่าย และทางที่ดีหากมีชื่อแบรนด์อยู่ด้วยจะยิ่งสร้างการจดจำได้ดีมากขึ้นไปอีก ที่สำคัญต้องมั่นใจว่าคำที่เขียนในแฮชแท็กสะกดถูกต้อง เพื่อที่ค้นจะได้ค้นหาเจอด้วย นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่ม Hashtag Challenge Plus เพื่อลิงก์ให้คนสามารถเข้าไปซื้อสินค้าผ่านแฮชแท็กได้อีกด้วย
ไม่เพียงแต่การใช้ Hashtag Challenge เท่านั้น แต่การใช้แฮชแท็กทั่วไปที่คนใช้กันเป็นประจำมาช่วย ก็จะทำให้คนเห็นและเข้าถึงคอนเทนต์ของแบรนด์หรือครีเอเตอร์ได้มากขึ้นอีกด้วย แต่ควรติดแฮชแท็กเฉพาะสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ของเราเท่านั้น
แถมยังก็ยังมีวิธีอื่นๆ ที่เหมาะสำหรับครีเอเตอร์มากกว่า เช่น สร้างคลิปวิดีโอเพื่อให้คนอื่นสามารถมา Duet ด้วยได้ เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มยอดการมีส่วนร่วมนั่นเอง เมื่อมีคนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นก็จะเกิดการแชร์ต่อมากขึ้นตามไปด้วย เรียกว่าเป็นวิธีการที่จะทำให้วิดีโอ Go viral ได้ไม่ยากเลยล่ะ
ใช้ Influencer Marketing
ยุคนี้นับเป็นยุคของอินฟลูเอนเซอร์ หรือ KOL เลยก็ว่าได้ เนื่องจากอินฟลูเอนเซอร์เป็นกลุ่มคนที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจและการเลือกซื้อสินค้าค่อนข้างมาก และเพราะฐานผู้ติดตามจำนวนมาก การทำงานร่วมกันจึงช่วยเพิ่มโอกาสให้คนรู้จักแบรนด์หรือครีเอเตอร์ในวงกว้างมากยิ่งขึ้นไปอีก
ส่วนจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์ระดับไหน Micro Influencer หรือ Nano Influencer ก็แล้วแต่วัตถุประสงค์ และความเหมาะสมของ แต่ขอแนะนำให้เลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่เข้ากับแบรนด์ของตัวเองเป็นอันใช้ได้ เพื่อจะได้เจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกลุ่มมากกว่า
ในส่วนของความคิดสร้างสรรค์แบรนด์ควรเปิดกว้างให้อินฟลูเอนเซอร์คิดหาไอเดีย เนื่องจากพวกเขาจะรู้จักกลุ่มเป้าหมายของตัวเองดีที่สุดนั่นเอง เพราะฉะนั้นแบรนด์ไม่ควรไกด์คอนเทนต์ทั้งหมด 100%
นอกจากนี้แบรนด์ยังสามารถเพิ่ม campaign hashtag เพื่อให้คนสามารถกดเข้าไปดูและเข้าไปมีส่วนร่วมได้เช่นกัน
สนับสนุนให้ผู้ใช้สร้างคอนเทนต์ UGC
เนื่องจาก User-generated Content (UGC) คือ คอนเทนต์ที่ผู้ใช้ทำให้โดยแบรนด์ไม่ได้จ้าง นอกจากจะช่วยทำให้คนเห็นหรือรู้จักแบรนด์ขึ้นแล้ว บางครั้งคอนเทนต์ประเภทนี้ยังให้ความน่าเชื่อถือจากผู้ใช้งานมากกว่าคอนเทนต์ที่ได้รับการสนับสนุนเสียอีก
อีกทั้ง UGC เป็นการเปิดกว้างทางความคิดสร้างสรรค์ในการทำคอนเทนต์ของผู้ใช้งาน จึงอาจทำให้แบรนด์ได้รับมุมมองใหม่ๆ ที่น่าสนใจ ที่จะช่วยเสริมให้คนเข้ามาหาแบรนด์มากขึ้นก็ได้
ใช้ Live Stream กระชับความสัมพันธ์
ไลฟ์สตรีมมิงเป็นอีกทางที่ช่วยให้แบรนด์หรือครีเอเตอร์ กับกลุ่มเป้าหมายมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น เนื่องจากเป็นคอนเทนต์แบบเรียลไทม์ จึงสามารถมี interaction และ engagement ได้ค่อนข้างมากกว่า และยังช่วยให้ผู้ใช้งานเห็นผลิตภัณฑ์ได้เรียลไทม์มากกว่าแค่ในภาพหรือวิดีโอ รวมถึงอาจใช้เป็นช่องทางเปิดเผยมุมมองอื่นๆ ที่ไม่สามารถเห็นได้ในวิดีโอปกติได้อีกด้วย
แสดงคุณค่ามากกว่าการขาย
อย่ามุ่งขายสินค้าอย่างเดียว ลองนึกสภาพว่าคุณดูคลิปวิดีโอความยาว 30 วิที่เต็มไปด้วยเนื้อหา และเอาแต่ขายของอย่างเดียว คุณจะอยากดูจนจบหรือไม่? เพราะฉะนั้นวิดีโอควรมีการใส่ความคิดสร้างสรรค์ในรูปแบบที่เข้ากับแพลตฟอร์มเข้าไปด้วย
ไม่ควรอัดทุกอย่างมากจนเกินไปในคลิปเดียว พยายามจับจุดให้ได้ว่าคุณค่าหรือสิ่งที่แตกต่างที่อยากสื่อสารคืออะไร เพื่อจะได้เปนจุดยืนหรือภาพจำ เมื่อผู้ใช้งานเห็นคุณค่าหรือสิ่งที่สื่อสารออกไปจะทำให้รู้สึกสนใจและจดจำได้ดีมากกว่า
ส่อง Trend และ Tool
TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่มีเทรนด์หรือชาเลนจ์ใหม่ๆ ให้เล่นอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเราต้องตามทันเทรนด์ ไม่ว่าจะเลือกใช้เพลง หรือเอฟเฟกต์ที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนั้น เนื่องจากคนจะเข้าไปค้นหาหรือมีส่วนร่วมค่อนข้างมาก ก็มีโอกาสที่ผู้ใช้งานจะเจอคอนเทนต์ของเรามากขึ้น
นอกจากนี้การเลือกใช้เครื่องมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเอฟเฟกต์ หรือฟิลเตอร์บนแพลตฟอร์ม ยังเป็นการช่วยให้คอนเทนต์ที่ออกมาเป็นไปในทิศทางเดียวกับแพลตฟอร์มอีกด้วย เพื่อช่วยให้การโปรโมตบนแพลตฟอร์มมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง
หาจุดยืนให้เจอ และ Be yourself
บน TikTok มีคอนเทนต์ออกมามากมาย ยิ่งเป็นวิดีโอสั้นยิ่งมีโอกาสที่คนจะเลื่อนผ่านได้ง่ายยิ่งขึ้น หากวิดีโอไม่น่าสนใจพอที่จะดึงคนดูไว้ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญคือต้องหาจุดยืนของตัวเองให้เจอ และสะท้อนสิ่งที่คุณเป็นออกมา เมื่อมีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองแล้ว ก็จะง่ายต่อการจดจำมากขึ้น
วิดีโอต้องภาพชัดเสียงดี
หลายคนอาจกังวลว่าจะต้องทำโปรดักชันออกมาอลังการ ซึ่งโปรดักชันดีก็เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมให้คอนเทนต์มีประสิทธิภาพมากขึ้นก็จริง แต่สิ่งที่ควรพิจารณาหลักๆ เบื้องต้นคือการจัดแสงไฟให้เพียงพอสำหรับการถ่ายทำ ไม่จำเป็นต้องมี Ring light แต่อาจใช้โคมไฟ หรือแสงธรรมชาติที่จัดมุมกล้องให้เหมาะสม เพียงปัจจัยเล็กๆ เหล่านี้ก็ช่วยได้มากพอแล้วที่จะทำให้วิดีโอน่าดูมากขึ้น
ต่อมาด้านของเสียง หากใช้เสียงเพลงที่มีอยู่ใน TikTok อยู่แล้วก็ไม่มีปัญหา เพียงแต่เลือกให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ หากเป็นเสียงจากวิดีโอตัวเองก็ควรจะมั่นใจในคุณภาพของเสียงที่ออกมาว่าคมชัด เพราะถ้าไม่ชัดขึ้นมาผู้รับสารอาจฟังไม่รู้เรื่อง และเลื่อนผ่านคลิปของเราไปได้ง่ายๆ
ใช้ Transition และมุมกล้องช่วย
การใช้การตัดต่อ หรือมุมกล้องในการถ่ายทำ จะช่วยทำให้วิดีโอดูมีลูกเล่นมากยิ่งขึ้น ถ้าสังเกตชาเลนจ์ต่างๆ บน TikTok จะมีลูกเล่นพวกนี้อยู่ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายวิดีโอแบบ 360 คลิปวิดีโอการเปลี่ยนชุดแบบไวๆ หรือ camera drop เป็นต้น
ที่มา: ZenBusiness