“อยากทำคลิป TikTok ให้แมส แต่ทำยังไงก็ไม่ปังสักที”
เชื่อว่าหลายคนที่เริ่มทำ TikTok หรืออาจทำมาสักพักแล้ว ต้องเคยเผชิญเหตุการณ์ข้างต้นกันบ้าง เพราะการจะทำคลิปให้ส่งถึงหน้าฟีดกลุ่มเป้าหมายไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดพากันติดแฮชแท็ก #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #เปิดการมองเห็น กันมากมายหลายคลิป
แต่แท้จริงแล้วแฮชแท็กเหล่านั้นไม่ได้มีผลกับอัลกอริทึมเลย กลับกันมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่ออัลกอริทึมมากมายที่อาจถูกมองข้าม วันนี้ RAiNMaker เลยชวนทุกคนมาทำความเข้าใจ TikTok Algorithm เพื่อนำไปปรับใช้กับคอนเทนต์ให้ถูกใจแพลตฟอร์มกัน!
ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Algorithm
หน้าฟีดของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับอัลกอริทึมของคนนั้น ๆ ซึ่งอัลกอริทึมก็เรียนรู้จากพฤติกรรมที่คนดูมีต่อคอนเทนต์นั้น ๆ และสิ่งสำคัญที่จะทำให้อัลกอริทึมส่งคลิปของเราไปบนหน้า For You Page มากขึ้นมีอยู่ 3 สิ่งดังนี้
- Watch Time: เวลาที่คนดูใช้ในการดูวิดีโอจนจบ ยิ่งมียอด Watch Time สูงอัลกอริทึมก็ส่งคลิปไปยังกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น รวมถึงส่งคอนเทนต์อื่น ๆ ในช่องตัวเองไปยังคนดูมากขึ้นอีกด้วย
- Hashtag / Sound / Caption: การใช้องค์ประกอบตามทันเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็นการติด Hashtag, การเลือกใช้แผ่นเสียงที่เป็นที่นิยม หรือการใส่แคปชันอธิบายเพื่อนิยามคอนเทนต์ เพื่อให้อัลกอริทึมเข้าใจคอนเทนต์ และดันไปหน้าฟีดมากขึ้น
- Like / Share / Comment / Add to Favourite: ยอด Engage ต่าง ๆ ทั้งยอดไลก์, แชร์, คอมเมนต์ รวมถึงการกดเซฟคลิปของคนดู จะเป็นตัวช่วยให้อัลกอริทึมดันคอนเทนต์ขึ้นฟีดมากขึ้น
ส่วนสิ่งที่ทำร้ายอัลกอริทึม คือ การโพสต์วิดีโอที่เคยเห็นแล้ว, คอนเทนต์ที่เข้าข่ายเป็นสแปม, รีโพสต์คอนเทนต์ซ้ำ หรือคอนเทนต์ที่ทำผิดกฎของแพลตฟอร์ม
9 ทริก เอาชนะ Algorithm
Hook คนดูให้อยู่หมัดภายใน 3 วินาที
ในกรณีที่เป็นคลิปสั้นความยาวไม่เกิน 1 นาที ควรฮุกคนดูภายใน 3 วินาทีแรก เพื่อดึงความสนใจให้พวกเขาดูคลิปต่อ อาจใช้เทคนิคการตั้งคำถาม, แชร์ข้อมูลที่น่าสนใจ หรือเปิดด้วยเรื่องที่ไม่เคยมีใครพูดถึงมาก่อน ผสมผสานกับการใช้คำพูดที่ชวนให้คนดูมีอารมณ์ร่วม โดยต้องคำนึงถึงความเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายในช่องของเราด้วย
ส่วนวิดีโอที่มีความยาวเกิน 1 นาที อาจไม่จำเป็นต้องฮุกคนดูภายใน 3 วินาทีแรกเสมอไป แต่ก็ควรมีจุดที่ดึงความสนใจคนในช่วงแรกให้ได้ เพื่อให้คนดูคลิปต่อเช่นกัน สำหรับ TikTok เองก็อยู่ในช่วงโฟกัสวิดีโอที่มีความยาวกว่า 1 นาที และพร้อมดันวิดีโอในช่วง 15 วินาทีแรก
สร้างคอนเทนต์ให้ต่างผ่านความ Niche
การกระโดดไปเล่นกับเทรนด์ ไม่ได้แปลว่าคลิปของเราจะได้รับความสนใจ หรือไวรัลเสมอไป เพราะขึ้นชื่อว่าเทรนด์ ครีเอเตอร์หลายคนก็พร้อมใจกันทำคอนเทนต์ทำคอนเทนต์เพื่อหวังให้ตัวเองติดหน้า For You Page กันอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้น ในทางตรงข้ามการทำคอนเทนต์ที่มีความ Niche ขึ้นมาหน่อย อาจเพิ่มโอกาสให้อัลกอริทึมเจอคลิป และส่งคอนเทนต์ของเราไปยังหน้าฟีดมากขึ้น จนกลายเป็นคอนเทนต์ Niche ที่มีฐานแฟนได้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะสำเร็จได้ ก็จำเป็นต้องเลือกใช้องค์ประกอบวิดีโอให้เหมาะสมกับแพลตฟอร์ม และสไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็น ชื่อท็อปปิก, แฮชแท็ก หรือแผ่นเสียง
ใช้ Keyword Research ต่อยอดคอนเทนต์
ผู้ใช้ TikTok ปัจจุบันโดยเฉพาะผู้ใช้ Gen Z ใช้แพลตฟอร์มเป็นเครื่องมือในการค้นหาแทน Google ไปแล้ว ซึ่งนี่จะเป็นแหล่งไอเดียชั้นดีสำหรับครีเอเตอร์ในการนำคีย์เวิร์ดที่คนค้นหามาต่อยอดในการทำคอนเทนต์ เหมือนกับ SEO บนแพลตฟอร์มอื่น ๆ
โดยครีเอเตอร์สามารถใช้คีย์เวิร์ดเพื่อค้นหาเกี่ยวกับคอนเทนต์ที่ต้องการจะทำ แล้วดูในผลลัพธ์การเสิร์ชว่าผู้คนค้นหาเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ว่าอย่างไรบ้าง จากนั้นก็นำผลลัพธ์เหล่านั้นมาลิสต์เพื่อต่อยอดทำคอนเทนต์ในช่องต่อไปได้
ปรับรูปแบบคอนเทนต์ให้เข้ากับแพลตฟอร์ม
การสร้างสรรค์คอนเทนต์ เพื่อให้โพสต์ได้หลายแพลตฟอร์มในครั้งเดียวเป็นเรื่องที่ดี แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางคอนเทนต์ก็ไม่ได้เหมาะสมกับทุกแพลตฟอร์ม และหากเราโพสต์คอนเทนต์ที่ไม่เป็นไปตามรูปแบบคอนเทนต์ที่แพลตฟอร์มกำหนด ก็อาจทำให้อัลกอริทึม
เพราะฉะนั้นเราควรปรับรูปแบบคอนเทนต์ให้เข้ากับ TikTok โดยการปรับวิดีโอให้อยู่ในอัตราส่วน 9:16 แบบเต็มจอ และจัดภาพ รวมถึงแคปชันในคลิปให้อยู่ในจุด Safe Zone เพื่อไม่ให้รบกวนประสบการณ์การรับชมของคนดู
โพสต์คอนเทนต์ให้ถูกเวลา เน้นความสม่ำเสมอ
คำว่าโพสต์ให้ถูกเวลาในที่นี้ หมายถึง เวลาที่กลุ่มเป้าหมายของเรามักเข้ามาดูคลิปวิดีโอ เนื่องจากอัลกอริทึมไม่ได้สนใจว่าเราจะโพสต์วิดีโอเวลาไหนเป็นหลัก แต่จะดูที่ยอด Engagement ต่อคลิปวิดีโอนั้น ๆ มากกว่า นั่นจึงเป็นสาเหตุว่า ครีเอเตอร์ควรโพสต์ในเวลาที่กลุ่มเป้าหมายจะเข้ามาดูคลิป ซึ่งสามารถเข้าไปดูอินไซต์ของกลุ่มเป้าหมายได้ใน Analytics
รวมถึงควรโพสต์อย่างสม่ำเสมอในแบบที่ตัวเองทำ พิจารณาจากความสามารถในการทำคลิป ควบคู่กับการดูข้อมูลอินไซต์หลังบ้าน เช่น หากโพสต์ 2 คลิปต่อวัน ก็ควรจะคงความสม่ำเสมอไว้ตลอด เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรู้ว่าเราจะโพสต์คอนเทนต์ตอนไหนบ้าง และจะได้เป็นโอกาสในการเพิ่มยอด Engagement อีกด้วย
ติด Hashtag ให้ Algorithm ฟีดคอนเทนต์
การใช้แฮชแท็กจะช่วยเพิ่มโอกาสให้อัลกอริทึมช่วยดันคอนเทนต์ไปหน้า For You Page มากขึ้น เพราะแฮชแท็กจะช่วยให้อัลกอริทึมเข้าใจคอนเทนต์ของเรามากขึ้น รวมถึงผู้ใช้ TikTok ส่วนมากค้นหาคอนเทนต์ผ่านแฮชแท็ก ดังนั้นเมื่อมีคนค้นหาแฮชแท็กที่เราติดบนคลิป ก็อาจทำให้คลิปเราไปแสดงบนหน้าค้นหานั้นได้
และยิ่งคอนเทนต์มีคนดูเยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้อัลกอริทึมส่งคอนเทนต์ให้คนเห็นเพิ่มมากเท่านั้น สำหรับแฮชแท็กที่กำลังเป็นเทรนด์อยู่ ครีเอเตอร์สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ใน TikTok Creative Center เพื่อนำมาปรับใช้กับคอนเทนต์ของตัวเอง แต่อย่าติดแฮชแท็กที่ไม่เกี่ยวข้อง และอย่าติดแฮชแท็กเยอะจนเกินไป เพราะนั่นจะทำให้อัลกอริทึมคิดว่าเราเป็นสแปม!
ใช้เพลงฮิตช่วยพาคลิปให้ติดเทรนด์
สำหรับแผ่นเสียงบน TikTok ก็เหมือนกันการใช้แฮชแท็ก หากเสียงที่ใข้เป็นที่นิยมอยู่แล้ว ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้คนดูที่เข้ามาในแผ่นเสียงดังกล่าวเจอคลิปของเราได้ และส่งผลให้อัลกอริทึมยิ่งดันคอนเทนต์ขึ้นหน้า For You Page มากขึ้นตามไปด้วย
ซึ่งครีเอเตอร์สามารถเข้าไปดูว่าแผ่นเสียง หรือเพลงไหนที่กำลังเป็นที่นิยมได้ใน TikTok Creative Center เพื่อนำมาใช้กับคอนเทนต์ในช่อง
ใส่ Caption เพิ่มทางเลือกให้คนดูแบบ Sound Off
ถึงแม้ว่าเสียงจะเป็นคีย์หลักสำคัญในการทำคอนเทนต์บน TikTok แต่ก็ยังมีผู้ใช้จำนวนไม่น้อยที่รับชมวิดีโอแบบไม่มีเสียง อาจเพราะด้วยสภาพแวดล้อม เช่น อยู่ในที่สาธารณะแบบไม่มีหูฟัง จึงทำให้แคปชันกลายเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้คนดูเข้าใจคอนเทนต์แม้ไม่ได้เปิดเสียง
นอกจากนี้ แคปชันยังช่วยให้อัลกอริทึมเรียนรู้เกี่ยวกับคอนเทนต์ของเราผ่านข้อความในวิดีโอได้อีกด้วย ส่วนใครที่ไม่มีเวลาใส่แคปชันเองก็ไม่ต้องห่วง เพราะ TikTok มีเครื่องมือช่วยสร้างแคปชันอัตโนมัติให้ใช้ได้เช่นกัน
ตามเทรนด์ให้ทัน เพื่อดันคอนเทนต์สู่ Viral
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า การทำตามเทรนด์ไม่ได้หมายความว่าคลิปวิดีโอของเราจะประสบความสำเร็จเสมอไป แต่ก็ต้องยอมรับว่าการกระโดดไปอยู่ในเทรนด์ ช่วยเพิ่มโอกาสให้คนเห็นคลิปวิดีโอของเราได้ เช่น การเล่นชาเลนจ์ตามเทรนด์ เป็นต้น
แต่การทำคอนเทนต์ตามเทรนด์ก็ควรเพิ่มความครีเอทีฟ และใส่ความแตกต่างเข้าไปด้วย เพื่อให้คอนเทนต์ที่เราทำมีความโดดเด่น และสามารถสะกดคนดูได้ รับรองว่าพอทำคอนเทนต์ในกระแส จะช่วยให้อัลกอริทึมดันคอนเทนต์มากขึ้นไม่มากก็น้อยแน่นอน
Tips from TikTok
รู้ทริกเอาใจอัลกอริทึมกันแล้ว ขอฝากทิ้งท้ายกันด้วยข้อแนะนำในการทำคอนเทนต์ให้โดนใจอัลกอริทึมฉบับส่งตรงจาก TikTok 3 ข้อหลักกันบ้างดีกว่า พร้อมแล้วเตรียมจดได้เลย!
- การติด #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #เปิดการมองเห็น #fyp ไม่มีผลกับ Algorithm (ตรง # เอาฟอนต์คนละสีก็ดีคับื เพื่อเน้นข้อความ)
- ไม่ควรใส่แฮชแท็กเยอะเกินไป และหลีกเลี่ยงแฮชแท็กที่ไม่เกี่ยวกับคอนเทนต์
- ตอนนี้ TikTok โฟกัสวิดีโอยาว พร้อมดันเนื้อหาใน 15 วินาทีแรก
ที่มา: Wordstream