เมื่อไม่นานมานี้ เริ่มมีผู้ใช้สังเกตได้ว่าตั้งแต่ Facebook กลายไปเป็น Meta ก็มีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบหน้าบ้านหรือหลังบ้าน จนทำให้เกิดความสงสัยว่านี่อาจจะเป็นสัญญาณที่ Facebook กำลังหลงทางอยู่หรือไม่? วันนี้ทาง RAiNMaker จะพามาหาคำตอบกัน
เมื่อ 10 ปีก่อน Facebook ถูกนิยามว่าเป็นโซเชียลมีเดียรุ่นบุกเบิกที่ทุกคนมีความคุ้นเคยกันดีว่าช่วยในการเชื่อมต่อ รวมถึงเพิ่มความใกล้ชิดกันบนโลกอินเทอร์เน็ตมากแค่ไหน
จนกระทั่งมาถึงวันที่ Facebook กลายเป็น Meta ทุกอย่างก็เริ่มชัด ว่าทั้งครีเอเตอร์ และแบรนด์ หรือแม้แต่ผู้ใช้เองก็ควรรู้เอาไว้ว่าต้องรับมือ และปรับตัวกับสัญญาณเหล่านั้นจาก Facebook อย่างไรบ้าง
Facebook กับการโฆษณาที่มาก (เกินไป)
เมื่อแพลตฟอร์มโซเชียลไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง และการทำคอนเทนต์ของครีเอเตอร์ต้องมีการพึ่งพาอาศัยกันระหว่างแบรนด์ และโฆษณา ทำให้ Facebook เริ่มเพิ่มการเข้าถึงโฆษณาบนฟีดมากขึ้น ซึ่งมันมากเกินไป
จนทำให้แพลตฟอร์มนี้ขาดความเป็นมิตรกับผู้ใช้ เพราะโพสต์ของผู้ติดตามที่ควรจะเห็น กลับกลายเป็นฟีดที่เต็มไปด้วยโฆษณา แถมหลายคนยังตั้งข้อสังเกตว่าพักหลังมานี้โฆษณาจำพวกพนันก็มีให้เห็นมากขึ้นด้วย
ครีเอเตอร์และแบรนด์จึงควรดูทิศทางของกลุ่มเป้าหมายตัวเองให้ดี ท่ามกลางโฆษณาที่ล้นหลามหน้าฟีด
และค่อยเลือกลงทุนกับการโฆษณาบนแพลตฟอร์มนั้น ๆ นอกจาก Facebook ที่ไม่มีความแน่นอนที่การันตีได้ว่าคนที่มองเห็นเราจะเป็นกลุ่มเป้าหมายจริง ๆ
(พยายาม) เป็นระบบทุกอย่างยกเว้น Creator Studio
แม้การอัปเดตของ Facebook จะมีไว้เพื่ออัปเดตให้มีความเป็นระบบมากขึ้น แต่กลับตรงกันข้ามกับเครื่องมือหลังบ้านอย่าง Creator Studio ที่มีปัญหาแบบไม่รู้จบ
ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ทิพย์ หรือตั้งโพสต์ไว้แล้วหายไป บางครั้งปัญหาเหล่านั้นก็ยังคงเกิดขึ้นซ้ำ ๆ และไม่ได้ถูกแก้ไขแต่อย่างใดฉะนั้นครีเอเตอร์ และแบรนด์ควรมีการตรวจสอบทั้งก่อน และหลังโพสต์เสมอ
เพราะไม่มีใครคาดเดาปัญหาหลังบ้านได้ว่ามันจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ ทำให้ Creator Studio กลายเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนเจ็บปวดกับระบบไม่น้อยเลย
ปรับลดยอด Reach แบบตามใจฉัน
ยอด Reach นับว่าเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่เหล่าครีเอเตอร์ และแบรนด์ต้องติดตามผลลัพธ์อยู่เสมอ แต่สำหรับยอด Reach บน Facebook มันไม่ง่ายขนาดนั้น
เพราะในปัจจุบันเริ่มมีการปรับลดยอด Reach ลงแบบตามใจฉันมากเกินไป จนหากลยุทธ์ปรับตัวตามไม่ได้ จากโพสต์ที่เคยปังก็กลายเป็นพังได้
ดังนั้นครีเอเตอร์ และแบรนด์ควรกระจายความเสี่ยงในการลงคอนเทนต์ไปยังแพลตฟอร์มอื่น ๆ ด้วย เพราะ Facebook อาจจะไม่ได้เป็นแพลตฟอร์มหลักในการดึงดูดความสนใจกลุ่มเป้าหมายได้เท่าเดิมแล้ว
ระบบ AI สุดล้ำพร้อมสแปมเพียบ
Facebook นับว่าเป็นแพลตฟอร์มหนึ่งที่มีระบบ AI อัจฉริยะคอยตรวจสอบ และแบนคอนเทนต์ที่ผิดข้อกำหนดอย่างแท้จริง แต่ดูเหมือนว่าระบบ AI นั้นจะทำงานผิดที่ผิดทางไปหน่อย
เพราะนอกจากสแปมจะเพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีแอคเคานท์ที่ถูก Restrict โดยไม่ดูบริบทมากขึ้น พอ ๆ กับโฆษณาที่ไม่ถูกกฎหมายขึ้นมาหน้าฟีดเลยด้วย
เซ็นเซอร์คอมเมนต์ให้ แต่ต้องลำบากกดดูทั้งหมดเอง
การคอมเมนต์ดพสต์โดยปกติแล้ว Facebook จะมีการแสดงคอมเมนต์ทั้งหมดให้เห็น แต่เมื่อมีการปรับเปลี่ยนระบบ ทำให้เราต้องเหนื่อยที่จะกดดูคอมเมนต์ทั้งหมด (All comments) เองอยู่เสมอ
และคอมเมนต์ส่วนใหญ่ที่แสดงมักจะถูกบังคับเป็นคอมเมนต์ที่เกี่ยวข้อง (Most relevant) มากที่สุด ทำให้ผู้ใช้หลายคนเริ่มที่จะอยากมีส่วนร่วมกับการคอมเมนต์น้อยลง และเป็นผลให้ตัวชี้วัดยอดเอ็นเกจเมนต์จากคอมเมนต์ไม่สม่ำเสมอเท่าที่ควรจะเป็น
ระบบหลังบ้านที่อัลกอริทึมเบลอหน่อย (และบ่อยด้วย)
ระบบหลังบ้านในส่วนของการจัดการไม่ว่าจะเป็น Creator Studio หรือ Business Suite ที่มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างบ่อย ๆ และไม่เสถียรในแง่ของการใช้งาน ทั้งเครื่องมือการจัดการ และส่วนอื่น ๆ เรียกว่าปัญหาไม่ซ้ำ จำบักซ์ไม่ได้ของจริง
นอกจากนี้ยังมีการปรับระบบอัลกอริทึมที่แสดงโพสต์บนหน้าฟีดให้มีโพสต์แนะนำมากขึ้น คล้ายกับหน้าเพจ For You บน TikTok ซึ่งจุดนี้หลายคนก็บ่นว่าสิ่งที่แนะนำนั้นไม่ได้ตอบโจทย์หรือทำให้ประสบการณ์ใช้งานดีขึ้นสักเท่าไหร่
ทีม Support ที่พร้อมช่วยเสมอ แต่ตอบเมื่อไหร่อีกเรื่อง
ถึงแม้ทีม Support จคอยช่วยเหลือผู้ใช้ทุกเรื่อง ตอบทุกคำถามก็จริง แต่การติดต่อทีม Support ที่ขึ้นชื่อว่าติดต่อยากsหลายขั้นตอน และบางกรณีก็ค่อนข้างใช้เวลากว่าจะได้คำตอบกลับมา จึงทำให้ผู้ใช้ที่ประสบปัญหาอาจรู้สึกถึงความไม่สะดวกในการช่วยเหลือในจุดนี้อย่างเต็มที่มากเท่าที่ควรนัก
I don’t care, I have METAVERSE
ตั้งแต่เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ก็เรียกได้ว่าทุกอย่างแทบจะทำเพื่อสร้างโลก Metaverse เป็นอันดับแรก ๆ ก่อนเสมอ จนหลายครั้งผู้ใช้มองว่านั่นมันมากเกินความจำเป็นหรือเปล่า?
ในแง่หนึ่งก็นับเป็นเรื่องดีที่บริษัทเตรียมพร้อมก้าวสู่โลก Metaverse เป็นที่แรก ๆ แต่อีกแง่มุมนึงก็กลับกลายเป็นว่าการพัฒนาในด้านอื่น ๆ เหมือนถูกลดลำดับความสำคัญลงไปทั้งที่ก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่แพ้กัน จนเกิดคำถามว่า Facebook กำลังสูญเสียจุดยืนตัวเองอยู่หรือไม่?
ส่ง Reels ลงสนามจนลืมจุดยืนที่แท้จริง
เมื่อตลาดวิดีโอสั้นกำลังมาแรง ด้าน Meta ก็ไม่ยอมน้อยหน้าส่ง Reels ตีตลาด โดยหวังว่าจะให้เป็นแหล่งรายได้สำคัญบนแพลตฟอร์ม ไม่เพียงแค่บน Instagram แต่ยังส่งมาถึง Facebook ด้วย
ซึ่งหลายคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า Reels ที่ขึ้นแนะนำมาระหว่างเลื่อนหน้าฟีดค่อนข้างรบกวนการใช้งาน แถมยังไม่ค่อยจะตรงความสนใจของผู้ใช้สักเท่าไหร่
สำหรับคนที่ใช้ทั้งสองรู้สึกว่าซ้ำซ้อน แถม Reels บน Instagram ยังสะดวกกว่าอีกด้วย และถึงแม้จะพยายามแข่งขันในตลาดวิดีโอสั้นเท่าไหร่ แต่สุดท้ายคลิปจำนวนไม่น้อยก็มาจาก TikTok ซะมากกว่า
จากสัญญาณทั้ง 9 ข้อ บ่งบอกได้ว่าผู้ใช้ Facebook ได้พบเจอปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ค่อยดีทั้งสำหรับผู้ใช้ทั่วไป และผู้สร้างคอนเทนต์มากนัก นอกจากจะต้องคอยปรับตัวตามอัปเดตต่าง ๆ กันอยู่ตลอดแล้ว ด้วยระบบที่ไม่เสถียร และอะไรหลายอย่างที่อยู่นอกเหนือการควบคุมทำให้ Facebook ไม่ใช่เซฟโซนของใครหลายคนอีกต่อไป
แต่เราไม่ได้มีเจตนาจะโจมตีแพลตฟอร์มแต่อย่างใด เพราะในฐานะผู้สร้างคอนเทนต์ เราเองก็อยากให้แพลตฟอร์มมีการพัฒนา และใจดีกับผู้ใช้มากขึ้น โดยที่ไม่ต้องคอยให้ผู้ใช้คอยนั่งลุ้นการเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลกระทบในอนาคตอีก