ปี 2020 นี้ ถ้าพูดกันจริง ๆ แล้วนับว่าโหดอยู่พอสมควร เนื่องจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา Trend การทำคอนเทนต์ทำให้เราต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอสั้น การปรับอัลกอริทึม นโยบาย รวมไปถึงการเข้ามาของแอพจีนอย่าง TikTok ที่ข้ามทวีตไกลไปนิยมในสหรัฐฯ จนได้ ทั้งในฝั่งของ Blogger, Creator, YouTuber และ Publisher อย่างเรา ถ้าหยุดนิ่งก็อาจจะมีโอกาสโดนทิ้งได้
ในตอนนี้เราจะมาลองวิเคราะห์กันว่า Trend ไหนกำลังมา ทักษะอะไรที่เราควรจะเรียนรู้ ปรับปรุงและพัฒนาตัวเองเพื่อให้ก้าวผ่านปี 2020 ไปได้อย่างสบายใจ และได้ทำคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ตามความประสงค์ที่เราต้องการ
1. เข้าใจธรรมชาติของแต่ละ Platform อย่างจริงจัง เพื่อการลงทุนการเหนื่อยที่คุ้มค่า
เราจะเห็นว่าในตอนนี้การทำคอนเทนต์ไม่ได้มีแค่ เพจ, เว็บ, Blog, YouTube อีกต่อไปแล้ว แต่เกิดการหลอมรวมกันเป็นรูปแบบใหม่ที่คนคนทำ YouTube อาจจะมีเพจบน Facebook หรือบล็อกเกอร์อาจจะมีบัญชี IG ที่คนฟอลเป็นล้าน เห็นว่าเราไม่ได้ยึดติดอยู่ที่ตัว Platform อย่างเดียวอีกต่อไป นั่นหมายความว่า 1 Creator อาจจะต้องมีหลายช่องทาง และในแต่ละช่องทางก็จะมีแนวของคอนเทนต์ที่แตกต่างกัน พอรู้แบบนี้แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือเราต้องเข้าใจธรรมชาติของแต่ละ Platform ว่าจะทำให้เกิด Engagment และส่งเสริมกันอย่างไรบ้าง ไม่เช่นนั้นเราอาจจะลงทุนทำคอนเทนต์ทุกอย่างจนสุดท้ายเราเองที่เหนื่อย
2. มองในมุมของธุรกิจ ตลาดของตัวเอง เล่นเกมและต่อรองเป็น
เศรษฐกิจไม่ดี เงินแบรนด์น้อย หลายคนบ่นแบบนี้มาเยอะแล้วในปีที่ผ่านมา นั่นหมายความว่าอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ ณ ตอนนี้คือการที่เรามองในมุมของธุรกิจ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือเข้าใจลูกค้า อย่าคิดว่าลูกค้าไม่มีเงินจ้าง แต่ให้คิดว่าเราจะเอาสื่อ ช่องทางที่เรามีไปช่วยแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้อย่างไร เข้าใจตลาดในกลุ่มคอนเทนต์แนวตัวเอง อะไรทำแล้วดี อะไรทำแล้วไม่ดี สุดท้ายคือควรเข้าใจทฤษฎีเกม (Game theory) และการเจรจาต่อรอง เพื่อให้ลูกค้าเชื่อว่าถ้ามาจ้างเรา เขาจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า และมากกว่าแค่การันตีด้วยยอด Reach, Like หรือ Engagement
3. กล้าทดลองแต่ยังไม่ทิ้งแก่นเดิมของตัวเอง
อย่างที่บอกไปว่า มีของเล่นใหม่ ๆ เข้ามาทุกวัน Story, Video, TickTok หรือฟีเจอร์นู่นนั่นนี่ ซึ่งจริง ๆ เราควรจะทดลองสิ่งที่เราคิดว่าเหมาะเพื่อเข้าใจธรรมชาติของมัน แต่สุดท้ายต้องอย่าลืมแก่นและวัตถุประสงค์ในการทำคอนเทนต์ของตัวเองที่มีตั้งแต่ต้น เช่น เราทำบทความ Longform แต่ดันมี Story เข้ามา เราจะทำอย่างไรให้ Story นั้น Lead ไปสู่บทความ Longform ของเรา ไม่ใช่การยกเอาบทความ Longform มาเป็น Story
4. มองมุมคอนเทนต์ในภาพใหญ่ ทำคอนเทนต์ให้โลกดีขึ้น แก้ปัญหาสังคม
อีกข้อนึงที่น่าคิด เรามองว่าการทำคอนเทนต์ ณ ปัจจุบัน คนเลิกมองในมุมแคบมากขึ้น แต่เราต้องตอบคำถามให้ได้ถึงเป้าหมายใหญ่ ว่าเราต้องการจะเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไร ในสังคม หรืออย่างน้อย ๆ ก็ในกลุ่ม Audience ของเรา นี่จะเป็น KPI ที่ดีกว่าแค่ยอด Reach, Like หรือ Engagment และเป็น Story ของแบรนด์เรา ว่าเราได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้าง
5. ทักษะในการจัดการกับความคาดหวัง และรับมือกับ Feedback
อาชีพการทำคอนเทนต์นั้น ขึ้นอยู่กับความคาดหวังเป็นหลัก และปฏิเสธไม่ได้ที่เราจะต้องรับมือกับ Feedback หรือผลตอบรับต่าง ๆ ซึ่งต้องยอมรับว่าเดี๋ยวนี้ทุกอย่างดูเร็วไปหมด เกิดอะไรขึ้น ข้อความ ความรู้สึก หรือ Message นั้นก็กระจายบนโลกอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว การรับมือกับเสียงตอบรับเหล่านี้ คือทักษะไม่ให้ปัญหาเล็กกลายเป็นปัญหาใหญ่ ปีที่ผ่านมา เราน่าจะได้เห็นกันหลายเคส ที่พลิกโอกาสให้เป็นวิกฤติ และพลิกวิกฤติให้กลายเป็นหายนะ แน่นอนว่าเราคงไม่อยากทำลายสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาในเวลาแปบเดียว
6. ยอมรับในพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไป และพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ
Key สำคัญที่ต้องจับตามองเลยก็คือพฤติกรรมของคน (Behavior) ซึ่งกำหนดว่าเขาจะทำอะไร จะดูอะไร จะเชื่อหรือไม่เชื่ออะไร เราในฐานะคนทำคอนเทนต์การเข้าใจและยอมรับว่าพฤติกรรมของคนเปลี่ยนไปตามสภาวะแวดล้อมที่เป็นอยู่ การมี Social ใหม่ ๆ เข้ามา ความเชื่อ ความเปลี่ยนแปลงที่มีกับ Platform ก็สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของคนได้ ให้ลองนึกไว้เลยว่า วันนึงถ้าปี 2020 Facebook หรือ Instagram เลิกโชว์ Like ขึ้นมาจริง ๆ เราจะเป็นอย่างไร Facebook เลิกการคอมเม้นแบบ Public และปรับไปเป็น DM หมดจะเป็นอย่างไร เราเองต้องพร้อมอยู่เสมอ
ทั้งหมดนี้ก็คือทักษะที่เราเชื่อว่าจะได้ใช้แน่ ๆ ในปี 2020 นี้ และท้ายที่สุด การไม่หยุดนิ่ง หาความรู้ และพร้อมปรับตัวอยู่เสมอก็อาจจะช่วยให้เราสามารถอยู่รอดในสงครามคอนเทนต์ที่ดุเดือดขึ้นมามากในแต่ละปี และในปีนี้เองอาจจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับตัว Platform เองก็ได้
เรียบเรียงโดย ทีมงาน RAiNMAKER