SEOTips

Avatar

doyoumind February 3, 2021

10 หลักการทำ SEO สำหรับมือใหม่

ทุกคนคงคุ้นหูกับคำว่า SEO แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่ แล้วมีส่วนช่วยอะไรในการทำคอนเทนต์ วันนี้ RAiNMaker จะมาอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ พร้อมกับไกด์ 10 หลักการทำ SEO สำหรับมือใหม่ให้นำไปใช้ได้จริงแน่นอน

SEO หรือ ‘Search Engine Optimization’ คือ กระบวนการในการทำให้เว็บไซต์ของเราติดอยู่ในหน้าแรกของผลการค้นหาบนกูเกิล จากการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ด ลองนึกภาพตามว่าหากบทความติดอยู่ในหน้าแรกก็จะยิ่งทำให้มีผู้คนเห็นบทความของเราได้มากขึ้นนั่นเอง

การทำ SEO จะทำให้บทความสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่มได้ตรงมากขึ้น เนื่องจากเป็นการค้นหาจากคีย์เวิร์ดเฉพาะ แถมยังเป็นการช่วยเพิ่มยอดให้คนเข้าถึงเว็บไซต์แบบไม่เสียเงินอีกด้วย

ซึ่งหลักการที่จะนำมาแนะนำกันในวันนี้ เป็นแนวทางเบื้องต้นสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มศึกษาและอยากลองทำ SEO ด้วยตัวเอง ต้องทำยังไงกันบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

1. เลือกใช้คีย์เวิร์ดให้เหมาะสม

การเลือกคีย์เวิร์ดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เนื่องจากส่วนมากคนจะค้นหาบทความของเราเจอได้จากคีย์เวิร์ดนั่นเอง ที่สำคัญคือควรเลือกคีย์เวิร์ดที่คนส่วนใหญ่ใช้ในการค้นหา เช่น จะทำบทความเกี่ยวกับไอศกรีม แต่ถ้าผลการค้นหาคำว่าไอติมสูงกว่าก็ควรจะปรับเปลี่ยนคีย์เวิร์ดให้เข้ากับบทความของเราดู หรือไม่ก็นำไปใช้เป็ยคีย์เวิร์ดรอง ภายในบทความแทน เพื่อให้บทความของเราติดอยู่ในหน้าค้นหานั่นเอง

2. ใส่คีย์เวิร์ดในชื่อบทความ

เนื่องจากชื่อบทความจะเป็นสิ่งที่ไปปรากฏอยู่บนหน้าการค้นหา ยิ่งมีคีย์เวิร์ดอยู่ในชื่อเลยยิ่งดีแน่นอน!

3. จัดเนื้อหาให้เป็นระเบียบ

การจัดระเบียบบทความโดยการแยกเนื้อหาเป็นหัวข้อย่อย และมีการใช้แยกสัดส่วน โดยอาจใช้ Bullet มาช่วย รวมถึงมีการเขียนสรุปท้ายบทความ จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถอ่านได้สะดวกและเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นการแยกหัวข้อย่อยยังสามารถทำให้เราสามารถแทรกคีย์เวิร์ดย่อยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไปภายในเนื้อหาได้อีกด้วย

อีกหนึ่งข้อที่สำคัญคือควรจัดเนื้อหาให้แต่ละพารากราฟไม่ยาวจนเกินไป อาจจะซักประมาณ 4-5 บรรทัดต่อพารากราฟก็พอ เพื่อความสะดวกในการอ่านมากขึ้น

4. เลือกทำบทความให้เหมาะสมกับช่วงเวลา

เพราะสิ่งที่คนค้นหามาก บ่งบอกได้ว่าสิ่งนั้นกำลังเป็นประเด็นที่ผู้คนสนใจ หากเราทำบทความที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดเหล่านั้น ก็อาจเพิ่มโอกาสให้คนค้นหาและเจอบทความของเราได้ง่ายขึ้น

5. ทำบทความที่ตอบคำถามหรือข้อสงสัย

คนส่วนใหญ่มักใช้กูเกิลในการค้นหาสิ่งที่สงสัย หรือต้องการค้นหาคำตอบบางอย่าง การทำบทความในเชิงที่เป็นคำตอบหรือวิธีทางแก้ไข จึงค่อนข้างตอบโจทย์การค้นหาของกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น การตั้งชื่อบทความเป็นคำถามไปเลยก็อาจยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึง

6. หน้าเว็บไซต์ต้องโหลดเร็ว

การทำให้หน้าเว็บเปิดได้ภายในเวลารวดเร็ว จะช่วยให้ผู้คนมีประสบการณ์ที่ดีในการเข้าชมเว็บไซต์ของเรา หากหน้าเว็บโหลดช้า มีโอกาสสูงมากที่คนจะเลือกที่จะปิดหน้าเว็บและเข้าไปหาเว็บไซต์อื่นแทนทันที

7. ตั้งชื่อ URL ให้เข้าใจง่าย

ชื่อ URL เองก็เป็นหนึ่งตัวที่สามารถบ่งบอกความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ได้เช่นกัน สามารถใช้ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แต่ควรใช้เป็นภาษาอังกฤษมากกว่า และใช้คำให้กระชับ เข้าใจง่ายที่สุด สามารถตัดทอนคำขยายต่างๆ เช่น A, The, To หรือการผันรูปออกไปได้

8. ใช้ Internal และ External link

External link คือการเชื่อมลิงก์ไปยังเว็บไซต์อื่น เช่น กรณีที่เอาข้อมูลจากแหล่งอื่นมา ซึ่งจะทำให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังควรใส่ Internal link เพื่อเป็นตัวเชื่อมบทความไปยังบทความอื่นๆ ของเว็บไซต์ตัวเอง เช่น ลิงก์แนะนำบทความที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้กูเกิลเห็นความสัมพันธ์กันในแต่ละหน้าของเว็บไซต์ และยิ่งทำให้มียอดการเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้นอีกด้วย

9. ใส่ภาพปกและภาพประกอบบทความ

ที่สำคัญเลยคือบทความควรจะมีภาพปกและภาพประกอบเล็กน้อยตามความเหมาะสม นอกจากจะช่วยส่งเสริมให้บทความมีความสมบูรณ์มากขึ้นแล้ว ยังสามารถเพิ่มโอกาสที่บทความของเราจะไปแสดงผลอยู่ในหน้าค้นหารูปภาพได้อีกด้วย

10. ใส่ ALT Text

การใส่ ALT Text ประกอบในทุกๆ ภาพเวลาอัปโหลดลงเว็บไซต์ ซึ่งกูเกิลจะอ่านตรงนี้และวิเคราะห์ว่าภาพของเราคือภาพอะไร นอกจากนี้ในกรณีที่อัปโหลดไปแล้วภาพไม่โหลด เจ้าตัว ALT Text นี่แหละจะเป็นตัวช่วยบอกคนอ่านว่ามันคือภาพอะไร

นี่ก็เป็นเพียงหลักการเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยในการทำ SEO ในแบบง่ายๆ ซึ่งยังมีอีกหลายปัจจัยที่จะช่วยให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับมือใหม่ก็ลองนำลิสต์ที่แนะนำไปปรับใช้กับบทความบทเว็บไซต์ของตัวเองกันก่อนได้นะคะ!

ข้อมูลจาก: Padwee Web School, Moz.com

Copyright © 2024 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save