หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทีมงาน RAiNMAKER เคยพูดถึงวิดีโอแนวตั้งมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ BBC ปรับวิดีโอเนื้อหาข่าวเป็นแนวตั้ง หรือแนะนำรูปแบบการทำวิดีโอต่าง ๆ ลงบน เฟสบุ๊คเพจ เราก็จะพบว่าปัจจุบันเนื้อหาแนวตั้งมีเยอะขึ้นมาก ๆ
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลล้วนแล้วแต่มาจากแอพตัวหนึ่งที่ชื่อว่า Snapchat ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นโซเชียลในยุคมือถือ ซึ่งแน่นอนว่าเราถือมือถือกันแนวตั้งแต่วิดีโอและรูปที่แชร์กันกลับเป็นแนวนอน หลังจากที่ฟีเจอร์ Story เป็นที่นิยมมาก ๆ ลามไปถึง Facebook และ Instagram บรรดา Publisher ก็เริ่มใช้ Story ในการส่งต่อคอนเทนต์ให้ผู้ชมกันมากขึ้น และโซเชียลต่าง ๆ ก็เริ่มเพิ่มช่องทางการทำคอนเทนต์แนว Story ซึ่ง Snapchat ก็ได้มีฟีเจอร์ Discover ที่ให้บรรดาแบรนด์และ Publisher ทำ Story พร้อมเพิ่มลิ้งไปยังเว็บของตัวเองได้ และ Facebook ก็เปิดให้เพจใช้ Story ได้รวมถึงเปิดโอกาสให้อัพโหลด Story จากคอมพิวเตอร์ได้ด้วย
AMP Story จากคอนเทนต์บทความสู่รูปและวิดีโอแนวตั้ง
จากที่วิดีโอแนว 1:1 กำลังฮิต เป็นไปได้ว่าในอนาคตคอนเทนต์แนวตั้งจะมาแรงกว่านี้อีก ก่อนหน้านี้ Google ก็ได้ทำการเปิดตัว AMP Story ซึ่ง AMP ก็คือ Accelerated Mobile Page ที่เป็นรูปแบบของคอนเทนต์ที่มาตรฐานทำโดย Google คล้าย ๆ กับ Facebook Instant Article สำหรับตัว AMP Story นี้จะมีความแตกต่างจาก Story ทั่วไปเล็กน้อย โดยปกติ Story จะเป็นวิดีโอหรือรูป แต่ AMP Story นั้นจะเป็น HTML (ซึ่งจะเหมือนกับการทำเว็บมากกว่าตัดต่อรูปหรือวิดีโอ)
นั่นหมายความว่า AMP Story นั้นจะเน้นไปที่การแสดงผลบนเว็บ หรือบนแอพ (ซึ่งก็น่าจะเป็นแอพฝั่ง Google เช่น Google News) ซึ่ง Google โชว์ด้านนี้ว่าเนื่องจากเป็น HTML ทำให้สามารถนำ base เดิมจาก AMP ที่เป็นบทความมาทำต่อได้ แล้วยังสามารถทำ Analytic ได้แบบละเอียดด้วย
Google บอกว่า AMP Story นี้จะสร้างประสบการณ์การเข้าชมเว็บแบบใหม่ ที่เน้นไปที่ Engagement เป็นหลัก โดย ณ ตอนนี้ได้มีหลาย Publisher เริ่มมาทำ Story บน AMP แล้ว ซึ่งก็เป็นเวลากว่า 6 เดือนที่ Google เปิดให้ (และให้เงิน) บรรดา Publisher ระดับโลกอย่าง VOX, Wired, CNN หรือ Mashable ใช้นั้น อาจจะยังไม่เวิร์คเท่าที่ควร รวมถึงยังไม่เป็นที่รู้จักและยังเข้าถึงได้ยากกว่า Story บน Facebook หรือ IG อ้างอิงจากรายงานของ Digiday
Google เองก็ยังบอกว่า AMP Story นั้นเป็นเหมือนกับการ Demo Technology มากกว่า การนำไปใช้จริง ๆ ซึ่งก็เป็นตามสไตล์ Google อยู่แล้ว ที่ชอบทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้านออกมา ซึ่งถ้ามันเวิร์คก็จะดีไป (แต่น้อยอันทีจะเวิร์ค) แต่ถ้ามันไม่เวิร์คมันก็จะหายไป แต่อันที่มันเหมือนจะมาจากความบังเอิญมันก็ดันเวิร์ค (ซึ่ง Google AdSense ก็เป็นอะไรที่มาจากสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเวิร์คเหมือนกัน) Google บอกว่า Google AMP Story นั้นเป็นเหมือนการเปิดโอกาสให้ Publisher ได้มาลองอะไรใหม่ ๆ แล้วรู้ว่ามันมีเทคโนโลยีนี้อยู่ ซึ่งไม่ได้หวัง Traffic ขนาดน้ัน
สรุปอนาคตของคอนเทนต์แนวตั้ง
อย่างไรก็ตามการที่ Google AMP Story ไม่ฮิตเท่าไหร่ อาจจะไม่ได้หมายความว่าคอนเทนต์แนวตั้งไม่ฮิต Snapchat และ Facebook ยังคงแสดงความเป็นผู้นำด้านการทำ Story อยู่ ถึงขนาดมีข่าวที่ว่า Facebook จะปรับรูปแบบการแสดงผลทั้งหมดให้กลายเป็น Story ก็เป็นการทำนายอนาคตว่า Story นั้นจะกลายเป็นอนาคตของคอนเทนต์บนโซเชียมีเดียจริง ๆ
แม้เรื่องนี้จะดูไกลตัว แต่ก็อย่าลืมว่าแทบจะเป็นเรื่องปกติที่อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในอเมริกา อีกซัก 6 เดือนถึง 1 ปี จะกลายเป็นอะไรที่ฮิตเข้ามาในประเทศไทย ดังนั้น Publisher ในไทยเราก็ควรเตรียมพร้อมต่อเรื่องนี้เช่นกัน และเท่าที่เห็นหลาย Publisher ทั้งฝั่งออนไลน์อย่างเดียว หรือทาง TV หรือสื่อใหญ่ ก็เริ่มทำคอนเทนต์แนวตั้งเช่นนี้กันบ้างแล้ว
อ้างอิง
Not what we hoped it was going to be’: Google’s AMP stories comes out of the gate slowly
