Guy Kawasaki อดีต Chief Evangelist ของ Apple ผู้ที่สร้าง Culture ความศรัททาให้กับ Apple จนกลายมาเป็นแบรนด์แห่งความศรัททาและการชักจูงสาวกทั้งหลายได้อย่างประสบความสำเร็จ ได้เขียนหนังสือชื่อว่า The Arts of Social Media เพื่อแนะนำวิธีการเล่น Social Media ทั้งสำหรับแบรนด์ ธุรกิจ จนไปถึงสำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการเรียกร้องความสนใจ
คำว่าเรียกร้องความสนใจอาจจะฟังดูเป็นเชิงลบ แต่จริง ๆ แล้วบนโลก Social Media ออกแบบมาให้คนต้องการความสนใจไม่ว่าจะเป็นในทางตรงอย่างการกดไลค์กดแชร์ หรือในทางอ้อมอย่างการเพิ่มยอดขายสินค้าหรือการนำผู้คนใหม่ ๆ เข้ามาสู่แบรนด์ จนไปถึงการเรียกร้องความสนใจในระดับบุคคลก็ทำให้เกิดปรากฏการณ์ Inclulancer ที่สามารถชักจูงบรรดาเหล่าผู้ติดตามให้นำไปสู่การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งและถูกนำมาใช้ในเชิงธุรกิจอย่างมากในปัจจุบัน
วันนี้ทีมงาน RAiNMaker จะนำเทคนิคดังกล่าวมาแนะนำผู้อ่านทุกท่านให้สามารถสร้างความน่าสนใจให้กับตัวเองบนพื้นที่โลกออนไลน์ได้
1.ให้รู้ว่าตัวเองโพสไปเพื่ออะไร
ก่อนที่เราจะโพสหรือแชร์คอนเท้นอะไรลงไปให้เรารู้ตัวเองก่อนว่าคอนเท้นลักษณะนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร ซึ่งคุณ Kawasaki ได้แบ่งลักษณะของคอนเท้นออกเป็นดังนี้
- Information คือการให้ข้อมูล บอกว่าใคร ทำอะไร ที่ไหนอย่างไร “Apple เปิดตัวสินค้าใหม่”, “Trump สั่งลดงบประมาณสถานีอวกาศนาชาติ” ประมาณนี้
- Analysis จะมากไปกว่าการให้ข้อมูล เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลว่าข้อมูลนั้นบอกอะไรกับเรา เช่น “Facebook ปรับอัลกอริทึม ทำให้โพสของเราคนจะเห็นลดลง”
- Assistance เป็นการช่วยเหลือเช่น Tips, How to วิธีทำข้าวผัด, วิธีแคปหน้าจอบน iPhone
- Entertainment คือการให้ความบันเทิง เช่นเรื่องตลกหรือ Meme ต่าง ๆ
เมื่อรู้เช่นนี้แล้วเราจะสามารถจัดระเบียบของคอนเท้นของเราและเข้าใจมันได้มากขึ้น และนำไปสู่การวัดและประเมินผลว่าคนที่อ่านได้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่เราตั้งไว้หรือเปล่า
2.อย่ายึดติดกับรูปแบบ
อาจจะมีคำถามว่า ฉันทำเพจรีวิวอาหารต้องรีวิวแต่อาหารหรือไม่ หรือเปิดร้านขายมือถือต้องลงแต่เรื่องมือถือหรือไม่ อันนี้บอกเลยว่าไม่ แต่จงมีความสร้างสรรค์ในการเลือกคอนเท้นมาลง เช่นถ้าทำเพจรีวิวอาหารอาจจะมีคอนเท้นพวก “วัฒนธรรมและภาษาที่แฝงอยู่ในอาหาร” หรือ “รู้จักกับบริการส่งอาหารในไทย” จะทำให้คนอ่านรู้สึกว่าคอนเท้นของเราหลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น
เทคนิคนี้หลายครั้งเราจะเห็นในเว็บไซต์ของสายการบินที่บางทีพอเข้าไปหน้าเว็บแต่ไม่ได้โชว์รูปของเครื่องบินหรือสนามบินเลย แต่โชว์รูปสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศที่สวยงามและน่าสนใจมากกว่า หรือร้านอาหารบางร้านอาจจะทำให้คนอ่านรู้สึกแปลกใจด้วยหัวข้อแนว ๆ “วิธีตัดพิซซ่าให้เท่ากันโดยใช้การอินทิเกรดทางคณิตศาสตร์” อะไรแบบนี้
3.ตั้งหัวข้อให้น่าสนใจ
หนึ่งในวิธีที่ถูกใช้งานมากที่สุดของเว็บหรือเพจที่ประสบความสำเร็จคือการเลือกใช้คำไม่ว่าจะเป็นหัวข้อของโพสเองหรือแคปชั่นที่น่าสนใจและดึงดูดคนให้อ่าน ซึ่งถ้าพูดออกมาแล้วอาจจะทำให้แนวทางการเขียนหัวข้อโพสคล้าย ๆ กันไปหมด แต่ก็น่าแปลกที่วิธีนี้ยังคงได้ผลดีในทุกการใช้งานเสมอ สำหรับตัวอย่างของการตั้งหัวข้อก็ประกอบไปด้วยคำเหล่านี้ก็ได้แก่
- 5 วิธีการ ________
- รวมสิ่งที่คุณควรรู้ก่อน ________
- อย่า _______ ถ้าคุณยังไม่ได้อ่านบทความนี้
- รวมเรื่อง _____ ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน
- ความลับที่ _______ ไม่เคยบอกคุณ
- สูตรสำเร็จของการ ______
ซึ่งนอกจากนี้การเลือกเปิดหัวข้อด้วยคำว่า “Exclusive” , “เจาะลึก”, “พิเศษ” ในบางโอกาสก็จะช่วยให้คนสนใจเนื้อหาที่เราจะโพสมากขึ้น แต่ก็อย่าใช้บ่อยเกินไปจนรู้สึกว่าเว็บนี้มันจะ Exclusive ไปหมดซะทุกบนความเลยหรือไง
4.รูปภาพยังคงสำคัญ
พยายามอย่าโพสอะไรก็ตามโดยที่ไม่มีรูปประกอบ เพราะคนมักสะดุดตากับภาพสวย ๆ งาม ๆ ที่จะเพิ่มความน่าสนใจให้กับโพสของคุณ หรือแม้กระทั่งการแชร์ลิ้งต่าง ๆ ก็ต้องแน่ใจว่าเมื่อแสดงผลบนทั้งจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือจะต้องมี Thumbnail หรือภาพ Preview ปรากฏให้เห็น อย่าให้ขึ้นแต่ตัวอักษรหรือขึ้นแต่ตัวลิ้งอย่างเดียว อย่างน้อยหากนึกอะไรไม่ออกให้ลองเปิดใช้ภาพจาก Photostock ก็ยังดี ซึ่งปัจจุบัน Stock Free ก็มีให้เราใช้งานได้อยู่ทั่วไป
ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ พยายามให้ภาพเป็นภาพอย่าให้เป็นตัวอักษรอาจจะมีตัวหนังสือวางทับได้บ้างแต่อย่าให้มากเกินไป เพราะคนเรายังไงก็ต้องการดูรูปอยู่ดี ในส่วนนี้อาจจะต้องใช้เทคนิคที่หลากหลาย ซึ่งทีมงาน RAiNMaker จะนำมานำเสนอมนโอกาสถัดไป
5.ต้อง Active อยู่เสมอ
คำว่า Active นั้นไม่ได้หมายความว่าให้โพสไปบ่อย ๆ อย่างไรจุดหมาย แต่การ Active ที่ดีจะต้องสนใจในตัวคอนเท้นที่ตัวเองโพสไปด้วย การโพสอะไรเหมือนเดิมซ้ำ ๆ ไปอาจจะสร้างภาพลักษณ์ด้านลบให้กับเพจของเราได้ ดังนั้นพยายามหลีกเลี่ยงการโพสอะไรซ้ำ ๆ ที่ไม่มีความหมายหรือแค่ตั้งใจว่าจะโพสให้ได้ซัก 10 โพสต่อวัน อันนี้เป็นเรื่องที่ไม่แนะนำอย่างมาก และทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบและลักษณะของเพจและคอนเท้นด้วย การโพสลงในต่าง Social Network ก็แตกต่างกันไป Twitter อาจจะโพสได้เยอะหน่อย แต่ Facebook อาจจะโพสไม่ได้เยอะเท่า Twitter เพราะสร้างความรำคาญให้กับผู้อ่านได้
ดังนั้นคำว่า Active ไม่ได้หมายความถึงปริมาณการโพส แต่หมายถึงคุณภาพในการโพสแต่ละครั้ง ถ้าเป็นคอนเท้นที่ใช้เวลานานจริงหรือเป็นเรื่องละเอียดการเว้นช่วงระยะในการโพสก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้ Active หรือไม่สนใจที่จะโพส เพราะก็ขึ้นอยู่กับภาพที่นมองด้วย ถ้าเราทำคอนเท้นที่เป็นบทวิเคราะห์เจาะลึกมาก ๆ จะมาโพสบ่อย ๆ ก็คงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก และที่สำคัญก็คือเราควรศึกษาช่วยเวลาการโพสต่าง ๆ ให้เหมาะสมด้วย ไม่ใช่ว่าทำคอนเท้นเสร็จแล้วอยากจะลงก็ลงได้เลย
สรุปแล้วเราจะเห็นว่าเทคนิคต่าง ๆ ที่กล่าวมาล้วนแต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวผู้อ่านเป็นหลัก เพราะการทำคอนเท้นที่ดีนั้นคือการทำสิ่งที่ผู้อ่านอยากอ่าน ไม่ใช่คนทำอยากทำ เทคนิคเหล่านี้เมื่อถูกนำไปปรับใข้อย่างสมเหตุสมผลแน่นอนว่าจะช่วยเพิ่มยอดไลค์แชร์หรือ Reach ให้กับโพสของเราได้
อ้างอิง The Art of Social Media, Guy Kawasaki
