ทวิตเตอร์ได้วิเคราะห์ทวีตในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ก.ค. 2018 – มิ.ย. 2021) และได้เจาะลึ
จากรายงานพบว่า 6 เทรนด์ที่กำลังเป็นหัวข้อบทสนทนาด้วยกัน ซึ่งเทรนด์ต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยให้แบรนด์และนักการตลาดเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย และหาวิธีการสร้างความเชื่อมโยงเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มเอ็นเกจมากขึ้นจนนำแบรนด์ไปสู่ความสำเร็จ ซึ่ง 6 เทรนด์ที่กล่าวไป มีดังนี้
Wellbeing
ผู้คนจะไม่ปล่อยให้ชีวิตผ่านไปแบบง่าย ๆ อีกแล้ว บทสนทนาส่วนใหญ่พบว่าผู้คนใส่ใจเกี่ยวกับการมีชีวิตที่ดีขึ้น ถึง 16% ทั้งในด้านสุขภาพกายและจิตใจ รวมถึงการลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย การมองร่างกายตัวเองในเชิงบวก และการค้นหาตัวเอง
ดังนั้นแบรนด์จึงควรใส่ใจเรื่อง Wellbeing มากขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสอดคล้องกับความคิดของกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการใส่ใจเรื่องความเครียด, Mental Health และสุขภาพ เป็นต้น
Creator Culture
วัฒนธรรมของครีเอเตอร์เติบโตมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่ครีเอเตอร์หน้าใหม่จนครีเอเตอร์มืออาชีพ จนทำให้บทสนทนาเกี่ยวกับวัฒนธรรมของครีเอเตอร์เพิ่มขึ้นถึง 26% โดยเฉพาะเกมเมอร์ก็เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่ทำให้ทวิตเตอร์กลายเป็นแพลตฟอร์มของคนที่ชื่นชอบการเล่นเกม
การที่คนล็อกดาวน์ ทำให้คนกลายเป็นเชฟที่บ้าน หรือเป็นฟรีแลนซ์ ซึ่งส่งผลให้มีบทสนทนาที่เกี่ยวกับครีเอเตอร์อาชีพต่าง ๆ มากขึ้นถึง 48% ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของแบรนด์ในการสร้างแรงบันดาลใจในการมอบเครื่องมือ หรือมอบโอกาส เพื่อช่วยสนับสนุนผลงานของเหล่าครีเอเตอร์
Everyday Wonder
ผู้คนบนทวิตเตอร์พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เพิ่มขึ้นถึง 45% ที่มีการพูดถึงวิธีการรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมถึงมุมมองแง่บวกเกี่ยวกับอนาคต ด้วยการที่คนไทยอยากหลีกหนีจากความเครียดในชีวิตประจำวัน และก้าวออกไปยังโลกแฟนตาซี จึงทำให้เกิดบทสนทนาเกี่ยวกับโลกจินตนาการเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้บทสนทนาเกี่ยวกับซีรีส์วายยังเพิ่มขึ้นถึง 381% ในส่วนของการดูดวง สายมู และข้อความที่ให้กำลังใจก็ช่วยให้คนไทยปรับตัวได้กับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บทสนทนาที่เกี่ยวกับด้านจิตวิญญาณในชีวิตประจำวันจึงเพิ่มขึ้น 10%
แบรนด์สามารถใช้โอกาสตรงนี้ช่วยสร้างความสุข เพื่อให้ผู้บริโภคหลีกหนีจากสถานการณ์ตึงเครียด ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายด้วยทวีตที่มีอารมณ์ขัน สนุกสนาน
One Planet
บทสนทนาเกี่ยวกับสิ่
แบรนด์มีโอกาสที่จะเป็นผู้บุ
Tech Life
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผลักดันให้คนไทยก้าวไปข้างหน้าตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้บทสนทนาเกี่ยวกับชีวิตด้านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 31% ซึ่งสามารถแบ่งเป็นเทรนด์ได้ 3 เรื่อง คือ ชีวิตแบบดิจิทัล การใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาดด้วยเทคโนโลยี และการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างสิ่งดี ๆ
รวมถึงข้อจำกัดในการเดินทาง และการ Work from Home ทำให้ผู้คนไม่จำเป็นต้องมีรูทีนแบบเดิม ๆ อย่างที่เคยเป็นอีกต่อไป ทำให้ผู้คนมองหาเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายภายใต้ข้อจำกัดต่าง ๆ
เช่น มีการพูดคุยเกี่ยวกับ Smart Home, ตัวช่วยด้านความบันเทิ
ดังนั้นแบรนด์จึงควรโฟกัสในสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีที่สุดและให้ความสำคั
แต่ขณะเดียวกันก็ควรปรับปรุ
My Identity
ผู้คนมีความมั่นใจมากขึ้นและสามารถแสดงออกถึงความเป็นตัวเอง บทสนทนาที่เกี่ยวกับ My Identity หรืออัตลักษณ์ของตนเอง จึงเติบโตขึ้น 72% นอกจากนี้ บทสนทนาที่เกี่ยวกับพลังของแฟนคลับเพิ่มขึ้น 21% เนื่องจากคนไทยให้การสนับสนุนไอดอลอยู่แล้ว
รวมทั้งบทสนทนาที่เกี่ยวกั
แบรนด์สามารถใช้โอกาสนี้ในการเชื่อมต่อระหว่างผู้คน โดยการแบ่งปันความสนใจและให้คุณค่าต่าง ๆ แบรนด์จำเป็นต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย ในแง่ของพฤติกรรมและความชอบ มากกว่าค้นหาข้อมูลทางประชากรศาสตร์ เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงทางวั