สำหรับพฤติกรรมของผู้บริโภคช่องทางหลักในการรับรู้สินค้าและบริการต่างๆ คงหนีไม่พ้นโซเชียลมิเดียที่สามารถอัปเดตข้อมูลได้มหาศาลในแต่ละวัน แต่อย่าลืมว่าหากผู้บริโภคมีข้อสงสัยหรืออยากรู้อะไรก็ยังต้องกลับไปที่เว็บเสิร์ชเอ็นจิน (Search Engine)
การค้นหาของผู้บริโภคจึงเป็นที่มาของการมีหมวดบล็อก (Blog) ในเว็บไซต์ของธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร ธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์ ธุรกิจขายสัตว์เลี้ยง หรือธุรกิจอาหาร เนื่องจากบล็อกไม่ได้เพิ่มเพียงปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์และโปรโมทสินค้าหรือบริการเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจกับผู้ที่มีโอกาสจะมาเป็นลูกค้าในอนาคตอีกด้วย
ทำไมเว็บไซต์ของธุรกิจจึงควรมีหมวดบล็อก แล้วการมีบล็อกช่วยส่งเสริมธุรกิจอย่างไร ไปดูกันครับ
1.ส่งเสริม SEO เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่
SEO (Search engine optimization) หรือกระบวนการเพิ่มปริมาณเข้าชมเว็บไซต์ไม่ใช่เรื่องใหม่แล้ว เพราะไม่ว่าธุรกิจของคุณจะขนาดเล็กหรือใหญ่ ข้อมูลพื้นฐานอย่าง ตำแหน่งที่ตั้ง เวลาทำการ ช่องทางติดต่อ ลูกค้าควรสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว
บล็อกเป็นตัวช่วยสำหรับ SEO ได้เป็นอย่างดี การสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่เชื่อมโยงกับธุรกิจของคุณเพื่อให้ผู้คนเข้ามาเยี่ยมชม ซึ่งนอกจากจะได้คำตอบหรือสิ่งที่ค้นหาแล้ว ยังรับรู้ถึงสินค้าและบริการของแบรนด์ ซึ่งมีโอกาสเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าได้ในอนาคต
2.เปลี่ยนภาพลักษณ์ผู้เชี่ยวชาญและลูกค้านึกถึงเป็นสิ่งแรก
เมื่อเว็บไซต์ของธุรกิจมีหมวดบล็อกแล้วก็สามารถตั้งตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องเหล่านั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการเงิน การเลี้ยงสัตว์ หรือแม้แต่การออกกำลังกาย เช่น การอัปเดตเทรนด์การแต่งตัวหน้าหนาว เคล็ดลับการดูแลแมว เรื่องที่ต้องรู้ก่อนสร้างบ้าน ฯลฯ เมื่อผู้คนเข้ามาอ่านเนื้อหาในเว็บไซต์แล้ว และต้องการจับจ่ายใช้สอยในหมวดนั้นๆ ก็จะนึกถึงแบรนด์หรือธุรกิจของเราเป็นสิ่งแรก เนื่องจากได้รับความไว้วางใจและมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ
3.สร้างเนื้อหาที่แชร์ได้ไม่รู้จบ
อย่างที่รู้กันว่าโซเชียลมีเดียนั้นอัปเดตตลอดเวลา มีข้อมูลมากมายมหาศาล แต่ว่าทุกอย่างมาไวก็ไปไวเหมือนกัน ซึ่งแตกต่างกับการเสิร์ชเว็บบล็อก การที่ผู้คนยังคงสงสัยในคำถามเดิม อยากเรียนรู้เฉพาะเรื่อง หรือต้องการเคล็ดลับในเรื่องเหล่านั้นเป็นโอกาสของธุรกิจที่จะเข้าไปเติมความต้องการของลูกค้าอีกรูปแบบหนึ่ง
อีกทั้งยังเป็นเนื้อหาที่ไม่มีวันหมดอายุ คนสามารถเสิร์ชและค้นพบเมื่อไหร่ก็ได้ หากลองเสิร์ชความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์จะพบว่าเนื้อหาเมื่อ 5-10 ปีที่แล้วก็ยังสามารถใช้ได้อยู่ หากมาลองคำนวณถึงจำนวนคนที่เข้าถึงข้อมูลนี้ก็คงมากตามไปด้วย