จับตา Social Media แต่ละแพลตฟอร์มตอบสนองอย่างไรกับวิกฤตในยูเครน?

จากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ที่รัสเซียบุกยูเครน ทำให้ทหารต้องออกมาปฏิบัติหน้าที่ปกป้องประเทศกันอีกครั้ง ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้อาจนำไปสู่การสู้รบครั้งใหญ่แห่งทศวรรษก็เป็นได้

แต่ในยุคนี้ สิ่งที่แตกต่างออกไปคือ การต่อสู้ไม่ได้เกิดขึ้นแต่เพียงในสนามรบเท่านั้น เพราะปัจจุบันขึ้นชื่อว่าเป็นยุคของโซเชียลมีเดีย ทำให้ทุกเหตุการณ์และข้อมูลต่าง ๆ ถูกแชร์ไปอย่างรวดเร็ว ทั้งข้อมูลที่เป็นความจริงและเท็จ

ซึ่งข้อมูลที่ผิดเพี้ยนเหล่านั้นอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในวงกว้างได้ จึงเป็นสาเหตุที่โซเชียลมีเดียแต่ละแพลตฟอร์มต้องออกมาควบคุมการแพร่ของข้อมูลมากขึ้นนั่นเอง โดยแต่ละแพลตฟอร์มก็ไม่นิ่งเฉย รีบหาวิธีออกมาจัดการกับข้อมูลผิด ๆ ที่อาจส่งผลกระทบได้อย่างรวดเร็ว

Meta

บริษัทใหญ่อย่าง Meta ที่ดูแลทั้ง Facebook และ Instagram ซึ่งมีผู้ใช้ Facebook ในรัสเซียจำนวน 70 ล้านคน และ 24 ล้านคนในยูเครนโดยประมาณ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลรัสเซียได้ประกาศว่าจะจำกัดการเข้าถึง Facebook เนื่องจาก Meta ปฏิเสธที่จะลบป้ายกำกับเตือนข้อมูลที่ผิดบนโพสต์จากสื่อในเครือของรัฐ

ซึ่งนอกจาก Meta จะไม่ลบป้ายกำกับออกแล้ว ยังยกระดับไปอีกขั้นด้วยการห้ามสื่อโฆษณาจากรัสเซีย และทำลายบัญชีเหล่านั้นทิ้ง ถึงแม้รัสเซียจะมีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของตัวเอง แต่นี่ก็ถือเป็นการตัดกำลังในการแพร่กระจายข่าวสารจากทางรัสเซียไม่น้อยเลยทีเดียว

นอกจากนี้ Meta ยังตั้งศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าของภาษาทั้งรัสเซียและยูเครน เพื่อคอยตรวจสอบเนื้อหาที่มีแนวโน้มก่อให้เกิดอันตราย รวมถึงเพิ่มป้ายกำกับใหม่ เพื่อเตือนเมื่อผู้ใช้โพสต์ภาพที่เกี่ยวข้องกับสงคราม

Meta ได้ระบุฟีเจอร์ความปลอดภัยต่าง ๆ ให้กับผู้ใช้ในยูเครน รวมถึงความสามารถในการล็อกโปรไฟล์ ลบความสามารถในการมองเหตุและค้นหารายชื่อเพื่อน และเครื่องมืออื่น ๆ เพิ่มเติมใน Messenger อีกด้วย

YouTube

จากคำร้องขอจากรัฐบาลยูเครน YouTube ได้ประกาศจำกัดการเข้าถึงสื่อที่ควบคุมโดยรัฐบาลรัสเซียสำหรับผู้ใช้ในยูเครน นอกจากนี้ยังทำการลบช่องออกจากการแนะนำ และจำกัดการอัปโหลดข้ามแพลตฟอร์มอื่น รวมถึงยังระงับการสร้างรายได้ของบัญชีชาวรัสเซียไปหลายช่องเช่นกัน

Twitter

ด้าน Twitter เองก็หาวิธีเพื่อสร้างความมั่นใจว่าช้อมูลที่เป็นสาธารณะจะปลอดภัยและเป็นโฆษณาที่ปราศจากการฝักใฝ่ในฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพื่อให้ข้อมูลบนแพลตฟอร์มมีความถูกต้องเหมาะสม และเป็นกลางมากที่สุด โดยการประกาศแบนโฆษณาทั้งหมดทั้งจากยูเครนและรัสเซียชั่วคราว

นอกจากนี้ ยังทำการตรวจสอบทวีตเชิงรุก พร้อมดำเนินการกับสื่อที่เสนอข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนความจริง เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารบน Twitter มีความโปร่งใสและลื่นไหลมากขึ้น

TikTok

อีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่น่าจับตามองอย่าง TikTok ก็ได้รับการรายงานว่ามีกลุ่มในรัสเซียที่พยายามใช้แพลตฟอร์มเป็นช่องทางในการแพร่ข้อมูลบิดเบือน ยิ่ง TikTok มีรางวัลจูงใจในการสร้างรายได้ ยิ่งเกิดการเผยแพร่ข้อมูลปลอม เพื่อหลอกล่อให้คนเข้ามาดูคลิปเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งของผู้ใช้ยูเครนยังใช้ TikTok เพื่อสื่อสารกับกองทัพทหารรัสเซียกับนักสู้ยูเครน อย่างไรก็ตาม TikTok ยังไม่ได้ให้ความเห็นกับประเด็นนี้ รวมถึงวิธีการใช้งานบนแพลตฟอร์มในยามวิกฤตนี้อย่างเป็นทางการ

อาจเนื่องจาก TikTok เองก็เป็นบริษัทลูกของ Bytedance ซึ่งตั้งอยู่ประเทศจีน และจีนเองก็สนับสนุนการกระทำของรัสเซียในระดับหนึ่ง จึงอาจส่งผลให้แพลตฟอร์มไม่สามารถแสดงจุดยืนได้อย่างแน่วแน่มากนัก

จนหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า ความขัดแย้งบนแพลตฟอร์มครั้งนี้อาจสร้าง TikTok War ขึ้นก็เป็นได้ ทั้งนี้ก็คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า TikTok จะมีการเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป

ที่มา: Social Media Today

Copyright © 2024 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save