Facebook นับเป็นแพลตฟอร์มหนึ่งที่บุกเบิกตั้งแต่ยุคที่อินเทอร์เน็ตกำลังบูมใหม่ ๆ มาจนถึงปัจจุบันได้ ก็เพราะมีการปรับตัวและมีอะไรใหม่ ๆ เสมอ โดยเฉพาะตั้งแต่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Meta ก็สะท้อนให้เห็นว่าเป้าหมายต่อไปจะมุ่งเน้นโลกดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งเทรนด์ปี 2022 ที่น่าจับตามองจะมีอะไรบ้าง ทาง RAiNMaker ได้รวบรวมมาไว้ให้ที่นี่แล้ว
หลายคนอาจจะสงสัยว่ายุคที่คอนเทนต์วิดีโอสั้นมาแรงแบบนี้ แล้ว Facebook จะมีอะไรมาสู้ได้บ้าง? ซึ่งจากอัปเดตล่าสุดในปี 2022 พบว่า Facebook ได้ตระหนักถึงการตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากขึ้น เช่น การแสดงคอนเทนต์จากคนที่เรามี Interact ด้วยบ่อยครั้ง หรือสามารถกด I don’t want to see this, Hide post หรือ Hide ad เมื่อเห็นโฆษณาหรือโพสต์บ่อยเกินไป
เลยทำให้มีผู้ใช้งานถึง 2.91 พันล้านคนที่ใช้เวลากว่า 19.6 ชั่วโมงต่อเดือนอยู่กับ Facebook ทั้งการอ่านโพสต์ ดูคลิป กดไลก์ และไถฟีด ซึ่งจะมีเทรนด์อะไรที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นใช้เวลากับแพลตฟอร์มนี้ได้บ้าง ตามไปดูกันเลย!
Metaverse World
โลกใหม่ที่เน้นความเสมือนจริง
เมต้าเวิร์สหรือจักรวาลนฤมิต ถือเป็นโลกใหม่ที่ Facebook เริ่มบุกเบิกเลยก็ว่าได้ ซึ่งแม้อาจจะฟังดูไกลตัว หรือยังเข้าถึงไม่ได้ทุกคน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฟีเจอร์ และฟังก์ชันต่าง ๆ ก็เริ่มเอื้อให้กับอุตสาหกรรมและคนบางกลุ่มเริ่มเข้าถึงโลกเสมือนจริงได้บ้างแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นเอฟเฟกต์ แว่น AR หรือการสร้างคาแรกเตอร์และอีเวนต์เสมือนจริงต่าง ๆ เช่น คอนเสิร์ต ก็ดูเกมือนเริ่มจะทำให้สิ่งที่ไกลตัวนี้เริ่มใกล้ตัวขึ้นมาบ้าง ซึ่งเราในฐานะแบรนด์และครีเอเตอร์ก็คงต้องจับตามองต่อไป เพื่อจะได้ทำการตลาดได้ครีเอทีฟและยืดหยุ่นเมื่อเทรนด์โลกเสมือนจริงนี้สามารถเข้าถึงได้ทุกคน
Reels are Moneymaker
การสร้างรายได้จากคลิป
Reels เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่ Facebook มีการนำมารวมกันกับ Instagram และสามารถแชร์ข้ามแพลตฟอร์มกันได้เพื่อเพิ่มยอดเอ็นเกจเมนต์ให้กับเหล่าครีเอเตอร์และแบรนด์มากขึ้น
จากแพลตฟอร์มที่มีไว้สร้างสรรค์คอนเทนต์ก็ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการสร้างรายได้ไปแล้ว เพราะสามารถดึงดูดความสนใจกลุ่มเป้าหมายได้พอ ๆ กับที่ TikTok สามารถทำได้ด้วย แต่แค่มีการเน้นคอนเทนต์ไปที่ไลฟ์สไตล์ และโชว์ความเป็นแบรนด์แบบมีโปรดักชันมากกว่านั่นเอง
More Connect by Group
เชื่อมต่อกันมากขึ้นผ่านแชตกลุ่ม
หลังจาก Facebook เพิ่มการจัดการเกี่ยวกับ Group Chat มากขึ้น ก็ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นศุนย์กลางของคอมมูนิตี้ไปแล้ว
เพราะ Group Chat ในปัจจุบันมีความสามารถเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมาตรการเพิ่มความปลอดภัย และการจัดการภายในกลุ่มที่แอดมินสามารถควบคุมและสแกนได้ เช่น การนำสมาชิกออกจากกลุ่ม หรือการปฏิเสธโพสต์ที่ไม่ประสงค์แบบอัตโนมัติ เป็นต้น ซึ่งในอนาคตก็อาจจะมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้น่าติดตามอีกเป็นแน่
Brand Information
พื้นที่ค้นหาและทำความรู้จักแบรนด์
แต่ก่อน Facebook อาจจะเป็นเพียงแค่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียปกติ แต่ตอนนี้คนรุ่นใหม่ Gen Z ได้ยกให้ Facebook กลายเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับแบรนด์ไปแล้ว
เพราะหากไม่รู้จักแบรนด์ไหน ก็จะใช้ Facebook ในการค้นหาชื่อแบรนด์มากกว่าจะไปยังหน้าเว็บไซต์ของแบรนด์ ซึ่งแบรนด์ไหนที่มีโปรไฟล์ Facebook ก็จะดูน่าเชื่อถือ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นแบรนด์หรือครีเอเตอร์ ต้องจัดการหน้าโปรไฟล์ให้ดูดีอยู่เสมอด้วย
Messenger Commerce
รู้สึกใกล้ชิดกับแบรนด์ผ่านแชต
Messenger ฟีเจอร์หนึ่งที่อยู่คู่กับ Facebook มานานไม่น้อย แต่แม้จะเป็นฟีเจอร์ไว้สำหรับแชตและติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ในยุคสมัยนี้บทบาทของ Messenger ก็ได้เปลี่ยนไปเป็นฟีเจอร์ Social Commerce เรียบร้อยแล้ว
เพราะเป็นอีกฟีเจอร์ที่แบรนด์ใช้เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารกันกับผู้บริโภค และผู้บริโภคเองก็เชื่อมั่นในแบรนด์มากขึ้นด้วยเมื่อมีการส่งข้อความหรือโปรโมชัน และกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านในฟีเจอร์นี้ ฉะนั้นแบรนด์และครีเอเตอร์ก็สามารถใช้ Messenger ในการแชร์ CTA ได้เช่นกัน เพราะไม่แน่ในอนาคตอาจจะมีฟังก์ชันที่รองรับการค้าขายในนี้มากขึ้น
Live Shopping
ช้อปปิ้งจากการไลฟ์ขายของ
การช้อปปิงออนไลน์ที่ดูรีวิวเพื่อกดสั่งซื้อแล้วก็ได้ของเลยอาจจะธรรมดาไปแล้วสำหรับยุคนี้ เพราะเนื่องจากอิทธิพลของคอนเทนต์วิดีโอที่มาแรงแซงโค้งทุกแบบตอนนี้ เลยส่งผลให้การไลฟ์เป็นที่นิยมไปด้วย โดยเฉพาะไลฟ์ขายของ
ซึ่ง Live Shopping ของ Facebook เป็นฟีเจอร์ที่แมสมากสำหรับคนชอบเอฟของ เนื่องจากจำนวนคนเล่นเฟสที่อยู่มาทุกยุคทุกสมัยของโซเชียลสามารถรับชมไลฟ์ขายของที่สนใจได้ โดยไม่ต้องไปส่องจากแอปไหนเพิ่ม และแค่ติดตามแบรนด์หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่ชอบเท่านั้น
และเพราะความแมสนี้เลยทำให้ Live Shopping เป็นอีกฟีเจอร์ที่น่าจับตามองว่าจะมีฟังก์ชันอะไรใหม่ ๆ ให้น่าเล่น เพื่อเอื้อต่อการขายของในอนาคต หรือการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์ ครีเอเตอร์และผู้ติดตาม
Facebook Marketplace
การตลาดเข้าที่เข้าถึง Local
Facebook Marketplace เปรียบเสมือนตลาดหรือหน้าร้านขายของออนไลน์บนโซเชียลเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะขายของตามละแวกที่เราอยู่แล้ว ยังมีสินค้าหลากหลายประเภทให้เลือกช้อปด้วย ซึ่งของมือสองก็สามารถพบได้ในนี้เช่นกัน
เลยถือเป็นอีกคอมมูนิตี้หนึ่งที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบช้อปของแบบ Local มาก ๆ เพราะกลุ่มคนที่ลงของขายค่อนข้างมีความเป็นกันเอง และราคาถูก พร้อมการดีลและจัดส่งถึงบ้านได้ด้วย
ที่สำคัญผู้ขายไม่จำเป็นต้องมีหน้าเพจของตัวเองก็สามารถลงขายได้ หรือหากมีเพจร้านก็โปรโมตหรือบูสต์โพสต์ได้เช่นกัน และยังมีความน่าเชื่อถือในการซื้อขาย เพราะเข้าไปดูโปรไฟล์หน้า Facebook ได้เลยนั่นเอง
หากมีแบรนด์หรือครีเอเตอร์คนไหนอยากจะเจาะกลุ่มตลาด Local มากขึ้น ฟีเจอร์ Facebook Marketplace ก็นับว่าตอบโจทย์พอสมควร
ที่มา: Hootsuite
