หลังจากที่เมื่อช่วงต้นปีบรรดา Publisher และเจ้าของเพจต้องเจอกับช่าว Facebook ลด Reach ซึ่งทำให้ยอด Reach ของตัวเองไปถึงกลุ่มเป้าหมายนั้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และส่งผลกระทบต่อหลายเว็บไซต์บางทีจนถึงขั้นต้องปิดตัวเลยทีเดียว
Facebook บอกว่าการปรับเปลี่ยนอัลอริทึมนี้จะเป็นการลงการแสดงผลจากเพจลง และเลือกเอาเรื่องราวจากเพื่อนหรือสิ่งที่ผู้ใช้งานสนใจมาแสดงบน News Feed มากขึ้น เพื่อให้ Facebook นั้นเป็นพื้นที่ของเพื่อน และลดการแพร่กระจายของข่าวปลอม ข่าวลวง และบรรดาโพสต์อันไม่พึงประสงค์ที่ Facebook ต้องการกำจัด และความซวยนี้ก็ดันส่งผลให้ยอด Reach ของเราลดลงตามไปด้วยนั่นเอง
Traffic จาก Facebook เพิ่มขึ้นเกือบ 10%
แต่ล่าสุด ผลรายงานจาก Parese.ly บริการ Analytic ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Traffic Reference หรือที่มาของการเข้าถึงจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ใช้บริการ Parese.ly สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ตั้งแต่ที่ Facebook ประกาศลด Reach ครั้งใหญ่ในเดือนกุมภาพันธ์นั้นที่ทำให้ Traffic จาก Facebook ตกฮวบแล้ว หลังจากนั้น Traffic Reference จาก Facebook ก็ดีขึ้นมาเรื่อย ๆ ตามลำดับ จนถึงในเดือนพฤษภาคม ยอด Traffic จาก Facebook สูงขึ้นไปแตะ ที่ 34% นับว่าเพิ่มขึ้นมาเกือบ 10% นับจากวิกฤตกาลในเดือนกุมภาพันธ์
อย่างไรก็ตาม Google ที่ยังคงเป็น Traffic อันดับหนึ่งแซงหน้า Facebook ไปเมื่อช่วงกลางปีที่แล้วก็ยังสูงกว่า Facebook อยู่ดี
แล้วสิ่งนี้บอกอะไรกับเรา
สิ่งนี้อาจจะไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถกลับมาพึ่งพา Facebook ได้เหมือนเมื่อก่อน หรือไม่ต้องหาช่องทางอื่น ๆ ในการนำเสนอคอนเทนต์ของเรา แต่สิ่งนี้หาก Facebook ไม่ได้ทำการปรับเปลี่ยอัลกอริทึม ก็หมายความว่าบรรดา Publisher สามารถหาแนวทางในการส่งช่องทางการเข้าถึงของตัวเองเข้าไปหาผู้ใช้งานได้ดีขึ้น อธิบายง่าย ๆ ก็คือบรรดาเจ้าของเว็บไซต์ต่างจับทางได้แล้วว่าจะมีวิธีการโพสต์ยังไงนั่นเอง
หรืออีกนัยนึงก็คือการปรับเปลี่ยนอัลกอริทึมเมื่อหลายเดือนก่อนนั้น แท้จริงแล้วก็เพื่อให้ผู้ใช้งาน Facebook ได้พบกับคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับตัวเองจริง ๆ จากประสบการณ์ของผู้เขียน พบว่า เพจที่ยอด Reach ไม่ตกลงมากนักคือเพจที่มีการโพสต์คอนเทนต์ในลักษณะเดียวกันมาก ๆ หรือมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนนั่นเอง
เราไม่มีทางรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป แม้ว่าผลรายงานนี้จะบอกว่า Facebook ปรับอัลกอริทึมอาจจะไม่แย่ขนาดนั้น แต่อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าคอนเทนต์บนเว็บไซต์ของเราเราสามารถควบคุมมันได้ และเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เป็นของเราจริง ๆ ไม่ว่าจะ Google, Facebook, Twitter หรือ Social Network อื่น ๆ เป็นเพียงแค่เครื่องมือหรือช่องทางในการเข้าถึงเท่านั้น
เรียบเรียงโดย ทีมงาน RAiNMAKER