ก่อนหน้านี้ได้มีข่าว ภาพหลุดเครื่องมือที่ Facebook จะเปิดให้แบรนด์ใช้ในการค้นหา influencer เพื่อมาร่วมทำ Branded Content กับแบรนด์มาซักพักแล้ว แต่ล่าสุด Facebook ก็มาทำการเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบกับ Brand Collabs Manager ซึ่งก็ตามที่เคยมีข่าวมาว่า Facebook กำลังพยายามจับคู่ Influencer กับ Brand ให้มาทำคอนเทนต์ร่วมกันได้อย่างง่ายขึ้น
Facebook ทำการประกาศผ่าน Facebook Newsroom ว่า Facebook ต้องการช่วยให้ Creator หรือคนทำคอนเทนต์ ถูกหาเจอโดย Brand ได้ง่ายขึ้น โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งก็คือ เครื่องมือสำหรับ Brand และหน้าการจัดการสำหรับ Creator หรือ influencer ให้เราได้เห็นหน้าตาของเครื่องมือนี้แบบเต็ม ๆ กันซักที
สำหรับหน้าตาของเครื่องมือในฝั่งแบรนด์ ก็จะเห็น Creator หรือ influencer ายต่าง ๆ
- สามารถเลือก Search, Filter และกดติดดาวเอาไว้ได้
- ทำการแบ่ง influencer ที่เหมาะกับแต่ละแคมเปญได้
- แสดงค่าความเหมาะสมเป็น % จำนวน Follower และคำโปรอวดอ้างสรรพคุณ
- ยังไม่ปรากฏว่าอัลกอริทึมที่ Facebook เลือกมาแสดงผลเป็นอย่างไร และใช้อะไรเป็นตัววัด
อีกหน้าตานึงที่ปรากฏให้เราเห็นก็คือโปรไฟล์ของ influencer แต่ละคนในฉบับเต็ม หรืออธิบายง่าย ๆ ก็คือ Portfolio ของ Creator หรือ Influencer ที่ให้แบรนด์เข้ามาดู
จะเห็นว่าหน้า Portfolio จะเป็นการนำ Post ต่าง ๆ เข้ามาแสดงร่วมกับข้อมูลอื่น ๆ ที่เราต้องการให้ Brand ใช้เป็นตัวพิจารณาเราเข้ามาทำคอนเทนต์ในแคมเปญนั้น ๆ
- แสดงข้อมูลโพสต์จาก Timeline และคอนเทนต์ทั่วไป
- แสดงชื่อ ภาษา อายุ รายละเอียดต่าง ๆ
- กำหนดราคาค่าจ้างขั้นต่ำได้
- มี Insight ให้ดู (คร่าว ๆ) และ Insight Breakdown ที่คาดว่าน่าจะเป็นการต้องขอให้ Influencer รายนั้นกด Approve ก่อนถึงจะดูได้
- สามารถแนะนำ Influencer รายอื่น ๆ ที่ทำคอนเทนต์แนวเดียวกันได้ (แนะนำเพื่อน)
สำหรับตัว Collabs Manager นี้ Facebook ยังไม่ได้ทำการเปิดให้ใช้งานแบบ Public แต่จะเป็นการเริ่มต้นทดลองใช้กับ Brand และ Influencer ในประเทศสหรัฐอเมริกาก่อน และน่าจะปล่อยออกมาให้ทุกคนได้ใช้ในเร็ว ๆ นี้
ปัจจุบันตลาด Influencer กำลังมาแรงมาก ๆ เนื่องจากเป็นที่พิสูจน์แล้วว่าการเล่าเรื่องของแบรนด์กับจากมุมมองของผู้ใช้งานจริง ๆ นั้นแตกต่างกัน แม้กระทั่งในประเทศไทยเอง Influencer ก็กลายเป็นอีก Trend ที่ทุกแพลตฟอร์มพูดถึงโดยเฉพาะ Platform ยอดนิยมสำหรับคนไทยอย่าง Pantip และ LINE ก็มีโครงการ Influencer และ Branded Content เป็นของตัวเองเช่นกัน
อีกหน่อยเราในฐานะคนทำคอนเทนต์อาจจะต้องทำ FEO หรือ Facebook Engine Optimization กันแน่ ๆ เพื่อให้ Facebook มองว่าเราเป็น Influencer ที่มีคุณภาพเพื่อให้เป็นที่เข้าตาของบรรดาแบรนด์ทั้งหลาย
เรียบเรียโดย ทีมงาน RAiNMAKER