ในยุคที่หลายแพลตฟอร์มหันไปเน้น Short Video มากขึ้น ก็ส่งผลให้ความสำคัญของฟอร์แมตอื่น ๆ เริ่มลดลง แต่ไม่ใช่กับพอดแคสต์ โดยเฉพาะพอดแคสต์ที่รับชมเป็นคลิปได้บน YouTube นั้น กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในตอนนี้!
ESPN did 1.7M views during our first month on YouTube in 2017. This weekend we're a little north of that… pic.twitter.com/aa7019md0c
— Mike Foss (@foss) March 12, 2023
ซึ่งข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยโดยสื่ออย่าง ESPN, NPR และ Slate ที่กำลังทดสอบลงพอดแคสต์ที่รับชมได้บน YouTube ของอเมริกา และพบว่ามียอด และ Traffic พุ่งกว่าที่คิด เพราะเดือนแรกในปี 2017 มียอดผู้ฟัง 1.7 ล้านคน แต่ตอนนี้กลับมียอดผู้ฟังและรับมากถึง 206,469,357 คนเลยทีเดียว (เยอะมาก!)
โดยผลวิจัยบอกว่าผู้คนในอเมริกามักจะชอบฟัง และรับชมพอดแคส์ไปด้วยในเวลาเดียวกันมากกว่าฟังเพียงแค่เสียงอย่างเดียว เพราะการมีสีหน้าคนให้มองไปด้วยนั้น ดึงดูดความสนใจได้มากกว่า ซึ่งยอดเฉลี่ยของอายุผู้ฟังอยู่ที่ 18-34 ปี ฟังพอดแคสต์ที่มีทั้งความยาว 30-40 นาที ไปจนถึงยาวเป็นชั่วโมง
ในขณะเดียวกันก็มีผู้ฟังพอดแคสต์บน YouTube ที่เปิดจอ แต่ย่อจอให้เล็กลงเพื่อทำอย่างอื่นไปด้วย และมีเสียงพูดให้ฟังเป็นแบ็กกราวด์ก็มี จึงมีแนวโน้มว่า YouTube จะสามารถสร้างรายได้จากโฆษณาให้กับครีเอเตอร์เร็วกว่าแพลตฟอร์มโซเชียลอื่น ๆ เพราะวิดีโอพอดแคสต์ไม่เน้นสวย แต่เน้นความเรียล และมีคุณภาพของเสียงที่ดีได้
เนื่องจากวิดีโอพอดแคสต์ที่ถูกอัปโหลดก็มีบางคลิปที่ไม่ได้คมชัด หรือซูมโฮสต์ และแขกรับเชิญด้วย บางคลิปก็มีเพียงภาพนิ่ง หรือคลื่นเสียงแบบแอนิเมชันประกอบบ้างแตกต่างกันไป
นี่จึงเป็นเหตุผลให้ YouTube มีครีเอเตอร์ทั้งสายวิดีโอสั้นอย่าง YouTube Shorts และวิดีโอยาว ไปจนถึงไลฟ์สตรีมมิง รวมถึงพอดแคสต์อยู่ในที่เดียวได้ โดยที่ไม่ต้องแยกฟีเจอร์เพื่อฟังพอดแคสต์เพียงอย่างเดียวเหมือนกับ Twitter ที่มี Spaces
แต่ทาง YouTube ก็แพลนที่จะมีแท็บพอดแคสต์โดยเฉพาะด้วย เพื่อทำให้ช่องพอดแคสต์ต่าง ๆ โดดเด่น และถูกมองเห็นมากขึ้น เช่น The New York Times และ NPR กับองค์กรสื่ออีกมากมาย ซึ่งคงต้องจับตามองต่อไปว่ายุคของพอดแคสต์จะไปสุดที่ตรงไหน
อ้างอิง: NielmanLab