หากใครทำงานอยู่ในแวดวง Content Creator ไม่ว่าจะเป็น ครีเอเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ คนในวงการภาพยนตร์ หรือศิลปะงานสร้างสรรค์แขนงต่าง ๆ คงต้องเคยมีความคิดว่า “หากมีนโยบายภาครัฐสนับสนุนพวกเราในส่วนนี้มากขึ้นคงจะดีไม่น้อย”
อุตสาหกรรมครีเอเตอร์และงานสร้างสรรค์ในปัจจุบัน นับว่าเติบโต และขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ไม่แพ้อุตสาหกรรมอื่น แถมอาชีพครีเอเตอร์ยังกลายเป็นอาชีพในฝันอันดับหนึ่งของเด็กไทยอีกด้วย ทุกวันนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นครีเอเตอร์กระจายตัวอยู่ทุกแพลตฟอร์ม
วันนี้เมื่อถึงเวลาจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เราเลยไปศึกษานโยบายน่าสนใจของว่าที่รัฐบาลที่เกี่ยวกับครีเอเตอร์ และคนในแวดวงที่เกี่ยวข้องมาให้ดูกันถึง 12 นโยบายด้วยกัน มาศึกษาและเตรียมพร้อมรับความเจริญกันเถอะ!
คุ้มครองเสรีภาพทางศิลปะ ยกเลิกการเซนเซอร์
หลายครั้งการเซนเซอร์ได้ตัดโอกาสการเข้าถึงผลงานดี ๆ ได้ ด้วยมาตรฐานการเซนเซอร์ที่ไม่ชัดเจน ทั้งในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เกม หรือสื่ออื่น ๆ ที่ต้องเจอกับปัญหาการเซนเซอร์เพราะรัฐบาลแช่แข็งวัฒนธรรม และนำบรรทัดฐานสมัยเก่ามาตัดสิน
บางครั้งผลงานดี ๆ คนไทยไม่ได้ดู เพราะโดนเซนเซอร์หรือแบน เพียงเพราะอาจมีเนื้อหาที่ไม่เข้าตากลุ่มคนที่มองวัฒนธรรมเป็นเพียงเครื่องมือที่ถ่ายทอดเฉพาะสิ่งที่รัฐต้องการให้ประชาชนรับรู้เท่านั้น จึงทำให้ผลงานสร้างสรรค์ต้องหยุดชะงัก แทนที่จะต่อยอด แสดงความสามารถ สร้างรายได้ จนถึงขั้นอาจสร้างซอฟต์พาวเวอร์ที่รัฐบาลอ้างว่าผลักดันมาโดยตลอดได้
นโยบายของพรรคก้าวไกล
- รื้อ พ.ร.บ. ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ 2551 ยกเลิกมาตราที่เปิดช่องให้รัฐสามารถแบนภาพยนตร์ที่ขัดต่อความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีได้
- ยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อเสรีภาพในการแสดงออก เช่น พ.ร.บ. คอมฯ
ดูรายละเอียดนโยบายได้ที่: https://election66.moveforwardparty.org/policy/detail/policy_274
เพิ่มความหลากหลายทางศิลปะ รัฐไม่แทรกแซง-ไม่ทำตัวเป็นตำรวจศีลธรรม-ไม่แช่แข็งวัฒนธรรม
ตามความจริงประเทศไทยมีบุคลากรที่สร้างผลงานในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์อย่างมีศักยภาพมากมาย จนหลายครั้งไปสู้บนเวทีระดับโลก และได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ แต่ที่น่าแปลกตรงที่ทำไมเจ้าของผลงานถึงไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างที่ควรจะได้รับจากภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น อุปสรรคในการขอใบอนุญาต การปิดกั้นเสรีภาพการแสดงออก และการผูกขาดตลาด
รวมถึงไม่ได้รับการส่งเสริมอย่างเพียงพอที่จะไปแข่งขันในตลาดสากล จึงทำให้ศิลปินหลายคนพลาดโอกาสดี ๆ ในการเติบโต และเมื่อเทียบกับซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศอื่น ๆ ไทยก็ยังอาจสู้ไม่ได้ ทั้งที่ประเทศไทยมีวัฒรธรรมและผลงานสร้างสรรค์ที่ดีมากพอที่จะไปเวทีโลก
การส่งเสริมศิลปะในไทยที่ยังยึดติดกับรสนิยมและค่านิยมเดิม ๆ หรือเรียกได้ว่าเป็นการแช่แข็งวัฒนธรรม เมื่อเป็นแบบนี้แทนที่รัฐบาลจะส่งเสริมศิลปะ ก็กลับกลายเป็นเข้ามาแทรกแซงและผูกขาดวัฒนธรรมเสียมากกว่า จนจะทำให้วัฒนธรรมไทยแตะต้องไม่ได้ ประยุกต์เข้ากับยุคสมัยไม่ได้ และตายไปในที่สุด เพราะฉะนั้นการควบคุมไม่ให้รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงด้านวัฒนธรรมมากจนเกินไป จึงเป็นสิ่งที่ควรปรับเปลี่ยน
นโยบายของพรรคก้าวไกล
- กำหนดว่าเกณฑ์ในการส่งเสริมศิลปะ ต้องไม่ผูกติดกับรสนิยมหรือค่านิยมของรัฐบาล
- วางบทบาทของหน่วยงานสนับสนุนงานสร้างสรรค์ ให้มีระยะห่างจากรัฐเพื่อลดการแทรกแซง
- หยุดพฤติกรรมของรัฐในการผูกขาดการตีความวัฒนธรรมเหมือนในอดีต (เช่น การห้ามรำไทยในเกม การห้ามคลิปทศกัณฐ์เที่ยวไทย)
ดูรายละเอียดนโยบายได้ที่: https://election66.moveforwardparty.org/policy/detail/policy_275
เปลี่ยนกระทรวงวัฒนธรรม เป็นกระทรวงเศรษฐกิจและวัฒนธรรมสร้างสรรค์
จะดีแค่ไหน? หากเราสามารถนำวัฒนธรรมมาต่อยอด สร้างคุณค่า และส่งออกไปต่างประเทศจนมันกลายเป็นการเพิ่มมูลค่าให้เศรษฐกิจได้ จากเดิมที่เราเคยมีกระทรวงวัฒนธรรมไว้ส่งเสริมแค่วัฒนธรรมเดิม ๆ ที่รัฐบาลต้องการจะเก็บรักษาไว้โดยไม่ให้ใครแตะต้อง จนต้องกลายเป็นการแช่แข็งวัฒนธรรม
รวมถึงการส่งเสริมที่ไม่ได้ส่งผลงานทางวัฒนธรรมและศิลปินให้ไปไกลถึงสากลได้จริงอย่างที่อ้างไว้ สู่การปรับเปลี่ยนโครงสร้างให้เป็นกระทรวงเศรษฐกิจและวัฒนธรรมสร้างสรรค์ ที่เน้นให้คนนำวัฒนธรรมที่เปรียบเสมือนทรัพยากรมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน ต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เพื่อส่งออกให้ทั่วโลกได้เห็นจนกลายเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้ประเทศได้
นโยบายของพรรคก้าวไกล
- เปลี่ยนชื่อจาก “กระทรวงวัฒนธรรม” เป็น “กระทรวงเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมสร้างสรรค์” เพื่อเชื่อมโยงภารกิจของกระทรวงกับการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และการสร้างองค์ความรู้สำหรับสังคม
- กำหนดให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์รับบทบาทหลักในการกำหนดนโยบาย ทำวิจัยและข้อมูล
- เพิ่มสัดส่วนของคนจากอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องโดยตรง ในคณะกรรมการต่างๆ
ดูรายละเอียดนโยบายได้ที่: https://election66.moveforwardparty.org/policy/detail/policy_276
เพิ่มงบสนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 10 เท่า
หากเราสนับสนุนวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเพิ่มงบเพื่อเป็นต้นทุนในการผลิตมากขึ้น จะช่วยทำให้คนในวงการต่าง ๆ สามารถต่อยอดการผลิตออกมาเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ รวมถึงได้รักษาต้นทุนและทรัพยากรที่เป็นศิลปวัฒนธรรม ที่จะช่วยพัฒนาไปถึงด้านอื่น ๆ ตามไปด้วย
ยิ่งรัฐบาลสนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์มากขึ้นเท่าไหร่ คนในวงการยิ่งมีกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน เพื่อนำไปสู้ในตลาดโลกมากขึ้นเท่านั้น แถมยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้เหล่านักสร้างสรรค์มีต้นทุนในการผลิตผลงานที่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะไปเวทีระดับโลกได้
นโยบายของพรรคก้าวไกล
- จัดสรรงบประมาณใหม่ เพื่อเพิ่มงบทั้งหมดที่ใช้ในการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 10 เท่า จาก 500 ล้านบาท เป็นอย่างน้อย 5,000 ล้านบาท
ดูรายละเอียดนโยบายได้ที่: https://election66.moveforwardparty.org/policy/detail/policy_277
“ส่งออกได้ รัฐให้ bonus” รัฐส่งเสริมงานสร้างสรรค์ที่เจาะตลาดเวทีโลกได้
ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว เมื่อเราส่งเสริมและสนับสนุนงบที่เพียงพอต่อการสร้างสรรค์ผลงานที่มีศักยภาพมากพอที่จะไปเวทีระดับโลกได้แล้ว การที่รัฐบาลให้รางวัลเมื่อผลงานของคนในประเทศสามารถลงแข่งในตลาดโลกได้จริง ก็เป็นอีกวิธีในการสนับสนุน และสร้างแรงจูงใจให้คนอยากผลิตผลงานเพื่อส่งออกไปต่างประเทศมากขึ้น
ข้อดีคือ ทำให้ศิลปะและวัฒนธรรมไทยถูกเผยแพร่สู่สากลให้คนรู้จักมากขึ้น จนอาจเกิดเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่กลับมาสร้างมูลเพิ่มทางเศรษฐกิจได้ด้วย แถมยังกระตุ้นให้คนผลิตผลงานสร้างสรรค์ เพื่อสืบต่อวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่และกลมกลืนไปแต่ละยุคสมัย
การที่รัฐบาลให้โบนัสเมื่อผลงานถูกส่งออก ก็เหมือนการที่พนักงานในบริษัทได้โบนัส ทุกคนก็จะมีแรงจูงใจในการทำผลงานที่ดีขึ้น เพื่อที่ตัวเองจะได้รับผลตอบแทน รวมถึงบริษัทเองก็ได้มีผลงานที่ดีตามไปด้วยเช่นกัน
นโยบายของพรรคก้าวไกล
- รัฐจะช่วยสมทบงบประมาณให้กับผู้ผลิตงานสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ เพลง หนังสือ หรืองานศิลปะต่าง ๆ หากส่งออกไปตลาดต่างประเทศได้ รัฐจะช่วยสมทบในอัตรา 50% ของมูลค่าที่ส่งออก ( ส่งออกได้ 100 บาท รัฐสมทบ 50 บาท)
ดูรายละเอียดนโยบายได้ที่: https://election66.moveforwardparty.org/policy/detail/policy_278
เพิ่มพื้นที่ผลิตและแสดงงานสร้างสรรค์ (เช่น co-studio แกลเลอรี่)
เพราะประเทศไทยไม่ได้มีพื้นที่ให้เหล่านักสร้างสรรค์ได้โชว์ผลงานในประเทศกันมากนัก การมีพื้นที่แสดงอิสระภาพในการสร้างสรรค์ไม่ว่าจะเป็นแกลอรี หรือสตูดิโอ และพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ก็ย่อมทำให้มีนักสร้างสรรค์อยากจะแสดงผลงานให้กับคนในประเทศ และทั้งโลกได้มาค้นพบมากขึ้น
ซึ่งการแก้ไขที่ไม่ควรปล่อยให้พื้นที่สร้างสรรค์ผลงานไปกระจุกตัวแค่ในเมือง ก็ต้องกระจายการสนับสนุนของภาครัฐ แทรกซึมเข้าสู่ท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และดึงดูดนักท่องเที่ยวไปด้วยในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้พื้นที่ของเอกชน หรือของทางภาครัฐที่ยังว่างอยู่ ก็สามารถใช้จัดงานสร้างสรรค์ได้เช่นกัน หากมีแรงจูงใจมากพอให้พวกเขาอยากสนับสนุนวงการนี้
นโยบายของพรรคก้าวไกล
- เพิ่มพื้นที่สำหรับผลิตและแสดงงานสร้างสรรค์ ที่อุดหนุนโดยตรงจากรัฐส่วนกลาง
- เพิ่มความร่วมมือระหว่าง อปท. และมหาวิทยาลัยในการตกแต่งเมืองด้วยงานสร้างสรรค์
- เพิ่มงบสนับสนุนจากท้องถิ่นในการผลิตงานสร้างสรรค์ส่งเสริมเมือง (เช่น หนังส่งเสริมเมืองยุทธศาสตร์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและการลงทุน)
- ใช้กลไกส่วนลดภาษีที่ดิน (negative land tax) เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้เอกชนในการใช้พื้นที่เพื่องานสร้างสรรค์
ดูรายละเอียดนโยบายได้ที่: https://election66.moveforwardparty.org/policy/detail/policy_280
กองทุนภาพยนตร์ เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตหนังหน้าใหม่
ในยุคที่หนังไทยกำลังอยู่ในวังวนของคอมเมดี้ และมุกตลกที่เข้าถึงง่ายแบบไทย ๆ เพราะหากออกจากกรอบมากไปหนังจะขายไม่ได้ และไม่ทำเงิน แต่ปัญหานี้ก็มีผู้คนบางกลุ่มที่อยากจะเห็นเรื่องราวใหม่ ๆ โดยผู้กำกับหน้าใหม่ที่ไม่ได้ถูกตีกรอบหนังไทยมากเกินไปด้วย
ฉะนั้นการมีนโยบายเรื่องทุนมาคอยซัพพอร์ต และสร้างโอกาสให้กับผู้กำกับหน้าใหม่ก็ยิ่งกระตุ้นไฟแพสชันให้กับนักเรียน นักศึกษา หรือผู้คนที่อยากทำหนังของตัวเองแต่ไม่มีทุนได้มากขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยกล้าที่จะก้าวออกมาจากกรอบ และมีหนังไทยให้เลือกชมหลากหลายมากขึ้น เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมนี้ก็ควรมีช่องทางให้หารายได้ที่รัฐจัดให้ เพื่อคงไว้ซึ่งศิลปะ และภาพยนตร์ไทยต่อไปด้วย เพราะในยุคที่สตรีมมิงตีคู่มากับภาพยนตร์ในโรงนั้นก็อาจไม่เพียงพอให้โรงหนังไปต่อได้
นโยบายของพรรคก้าวไกล
- สนับสนุนการสร้างโอกาสให้กับภาพยนตร์หน้าใหม่ โดยการให้ทุนถ่ายทำหลายระดับ
- หารายได้จากภาษีที่เก็บโรงภาพยนต์หรือแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเนื้อหา (เช่น 1% ของค่าตั๋ว) และการสมทบในจำนวนที่เท่ากัน (1:1) โดยรัฐ
ดูรายละเอียดนโยบายได้ที่: https://election66.moveforwardparty.org/policy/detail/policy_281
ทลายการผูกขาดในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
จจุบันพื้นที่การเติมตลาดของผู้ประกอบการนั้นไม่ค่อยมีโอกาสได้ถูกค้นพบ และรายได้ไม่ได้กระจายสู่ร้านเล็ก ๆ เท่าที่ควร เพราะบางธุรกิจในประเทศไทยก็ถูกนายทุนผูกขาดมานาน ทำให้รายได้กระจุก ฉะนั้นการทลายทุนผูกขาดธุรกิจเหล่านี้ได้ จะต้องสร้างกฎหมายเพื่อการค้าเสรีอย่างจริงจังมากขึ้น
โดยกิจการเดียวกันไม่ได้ผูกขาดอยู่กับนายทุนเจ้าเดียว แต่ให้โอกาสกับธุรกิจเล็ก ๆ อย่าง SME ด้วย และไม่ควรมีใครมีอำนาจเหนือจากกฎหมายที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ การนำเข้าหนัง หรืออุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นโยบายของพรรคก้าวไกล
- บังคับใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้าอย่างจริงจัง ในกรณีการผูกขาดในกิจการเดียวกัน (horizontal) และ ข้ามกิจการ (vertical) ซึ่งทำให้มีอำนาจเหนือตลาดจากการมีส่วนสำคัญในทุกขั้นตอนของการผลิตภาพยนตร์ (เช่น ผลิตหนัง นำเข้าหนัง เผยแพร่หนัง ฉายหนังในโรงภาพยนตร์)
ดูรายละเอียดนโยบายได้ที่: https://election66.moveforwardparty.org/policy/detail/policy_283
คุ้มครองสวัสดิภาพและสิทธิแรงงานสร้างสรรค์และคนทำงานในกองถ่าย
หรับการประกอบอาชีพต่าง ๆ ในไทยนั้น ยังไม่มีความเท่าเทียมในเรื่องกฎหมาย และสวัสดิการสำหรับแรงงาน โดยเฉพาะกับอาชีพที่ไม่ได้เป็นที่นิยมในสังคม หรือฟรีแลนซ์ ก็ควรจะมีสัญญาจ้างที่เป็นธรรม และแม้แต่กองถ่ายภาพยนตร์ก็ควรได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการส่งออก Soft Power ของไทยด้วย
นโยบายของพรรคก้าวไกล
- กำหนดมาตรฐานและเพิ่มเงื่อนไขบังคับให้ทุกการจ้างงานผลิตสื่อต้องมี “สัญญาจ้างที่เป็นธรรม” (เช่น ปัญหาการจ้างรายวัน ชั่วโมงทำงาน เวลาพักผ่อน) โดยสตูดิโอที่ล่าช้าในการจ่ายค่าจ้างหรือไม่ใช้สัญญาจ้างแรงงานตามมาตรฐานจะไม่มีสิทธิได้รับการสนับสนุนจากกองทุนภาพยนตร์
- กำหนดมาตรฐานและบังคับใช้กฎหมายด้านความปลอดภัยและการป้องกันอุบัติเหตุในกองถ่าย และเพิ่มการตรวจสอบมาตราฐานความปลอดภัยของกองถ่ายด้วยหน่วยงานรัฐ
- กำหนดมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิเด็กและการทำงานของเด็กในกองถ่าย
- นำทุกคนเข้าสู่รับบประกันสังคมถ้วนหน้า – เจ็บป่วยได้เงินชดเชย-ค่าเดินทางหาหมอ
- คุ้มครองสนับสนุนการรวมตัวของคนในวงการเดียวกัน ที่ไม่ได้มีผู้ว่าจ้าง-คู่สัญญาคนเดียวกัน ตามแนวทาง “แรงงานทุกกลุ่มตั้งสหภาพได้”
- เพิ่มประสิทธิภาพและความรัดกุมในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา
- กำหนดมาตรฐานชั่วโมงทำงานของคนงานกองถ่าย – เวลาทำงานไม่เกิน 12 ชั่วโมงต่อวัน (เวลาปกติ 8 ชั่วโมง และ ล่วงเวลาสูงสุด 4 ชั่วโมง) / อย่างน้อย 12 ชั่วโมงหลังเลิกกองต้องเป็นเวลาพักผ่อนก่อนเรียกกลับมาทำงานใหม่
ดูรายละเอียดนโยบายได้ที่: https://election66.moveforwardparty.org/policy/detail/policy_284
แพลตฟอร์มเรียนรู้ตลอดชีวิต เรียนฟรีไม่จำกัด มีระบบจัดหางาน
เพราะการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าจะมีอายุเท่าไหร่ก็ควรมีโอากสได้เรียนรู้ และรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมให้ได้เช่นเดียวกับวัยเรียน ซึ่งแพลตฟอร์มเรียนรู้ตลอดชีวิตที่เข้าถึงฟรี จะช่วยให้ทุกคนเข้าถึงคลังความรู้ได้มากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายในการเรียน
นอกจากนี้บริการจับคู่กับผู้ประกอบการและจัดหางาน ที่คำนวณมาจากความสามารถ และความเหมาะสมกับตัวเองก็จะช่วยให้รู้จักกับตัวเองมากขึ้น ได้เรียน และได้ลองในสิ่งที่ชอบ โดยไม่ต้องถูกตีกรอบไปกับค่านิยมในสังคมไทยเพียงอย่างเดียวว่าโตไปต้องเป็นหมอด้วย
นโยบายของพรรคก้าวไกล
- สร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่ประชาชนทุกคนเข้าถึงและเรียนได้โดยไม่จำกัด ผ่านการรวบรวมคอร์สพัฒนาทักษะจากผู้ผลิตเนื้อหา แบบฝึกหัดและระบบทดสอบความรู้ ระบบสำรวจความถนัดตนเอง และบริการจับคู่กับผู้ประกอบการและจัดหางาน
ดูรายละเอียดนโยบายได้ที่: https://election66.moveforwardparty.org/policy/detail/policy_127