SHEIN เป็นแบรนด์ที่โดนคนแบนในโซเชียลแบนมากที่สุด แม้จะผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นราคาจับต้องได้ แต่ก็สร้างผลงานเลียนแบบแบรนด์ดังมานับไม่ถ้วน ทำให้ครั้งนี้ได้จ้างอินฟลูเอนเซอร์อเมริกันไปทำคลิปทัวร์โรงงานที่จีน จนโดนทัวร์ลงเสียเองด้วย
ในยุคที่มีการรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อม และแบนอย่างจริงจังหากแบรนด์ไหน หรือใครสร้างผลผลิตเพื่อผลประโยชน์มากกว่าสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะ SHEIN แบรนด์ที่มีประเด็นเรื่องการก็อปปี้ ใช้แรงงายอุยกูร์ และสร้างขยะให้กับวงการแฟชั่นมากที่สุดก็ต้องหาทางล้างมลทินทำให้แบรนด์มีจุดยืนที่โปร่งใส และน่าเชื่อถืออีกครั้งด้วย
การสร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์จึงเกิดเป็นแคมเปญใหม่ขึ้นมา โดยการจ้างอินฟลูเอนเซอร์อเมริกันมาสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับบริษัท ผ่านการถ่ายคลิปเดินทัวร์โรงงานในกว่างโจว ประเทศจีน ว่า SHEIN มีการปรับตามฟีดแบ็กของผู้บริโภคจริง เพราะไม่ได้ใช้แรงงรนทาสอุยกูร์ แต่กลับมีหุ่นยนต์ในบางแผนกเข้ามาช่วยพนักงาน
แต่กระแสก็ตีกลับ และสร้างความสงสัยให้ชาวโซเชียลว่านี่อาจไม่ใช่โรงงานจริงของ SHEIN แต่เป็นการสร้างขึ้นมาเพื่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ แถมอินฟลูเอนเซอร์คนไหนที่ลงคลิปก็จะถูกทัวร์ลงด้วย เพราะถูกมองว่าเป็นการสนับสนุนแบรนด์ Fast Fasion ที่คุกคามสิทธิมนุษยชน และสิ่งแวดล้อม
ด้านอินฟลูเอนเซอร์ และครีเอเตอร์ที่ได้ไปถ่ายทำคอนเทนต์ในโรงงานของ SHEIN ก็ได้รับผลกระทบทางสุขภาพจิตเช่นกัน หลังโดนทัวร์ลงอย่างหนัก แต่ก็ยังยืนยันว่าการทำงานของพนักงานที่โรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีหลังได้พูดคุยกัน เพราะมีความเป็นธรรมกับพนักงาน และไม่มีการเอาเปรียบใช้แรงงานเด็กแต่อย่างใด
ส่วนประเด็นการเป็นแบรนด์ Fast Fashion ที่ผลิตตามเทรนด์ทุกซีซันก็เริ่มมีการลดจำนวนการผลิตลงแล้ว เว้นแต่สินค้าไหนขายดีก็ค่อนเพิ่มปริมาณ พร้อมตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจก 25% ภายในปี 2030 ด้วย
ซึ่งแสดงให้เห็นได้ว่า กลยุทธ์การตลาดที่ใช้อินฟลูเอนเซอร์มาเป็นกระบอกเสียงนั้น หากแบรนด์ไม่สามารถการันตีความโปร่งใสด้วยตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์หรือครีเอเตอร์เบอร์ท็อปแค่ไหนมาพูด ยุคที่เต็มไปด้วยผู้บริโภค Gen Z ก็ยังคงไม่ไว้ใจ และแบนรุนแรงกว่าเดิมแน่นอน
อ้างอิง: EDITION.CNN.COM