TEMU ถือเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติน้องใหม่จากจีนที่มีศักยภาพการแข่งขันสูง หลังประสบความสำเร็จอย่างมากในการตีตลาดหลาย ๆ ประเทศ พร้อมแซง Amazon ในอเมริกาด้วยยอดดาวน์โหลดแอปฟรีสูงที่สุดในปี 2023 และลงทุนโฆษณาบน Super Bowl Ad มาแล้ว ซึ่งในตอนนี้กำลังบุกไทยด้วยการเน้นขายถูก และกระทบ SME แต่นี่ก็เป็นทั้งโอกาส และความท้าทายสำหรับไทยด้วย
เริ่มจากความท้าทายที่แม้ในไทยจะมีอีคอมเมิร์ซทั้ง Shopee และ Lazada แต่ TEMU ที่บุกไทยมาแบบเงียบ ๆ ด้วยการวางโมเดลธุรกิจแบบ “Next-Gen Manufacturing” จากการร่วมมือกับผู้ผลิตโดยตรง ทำให้สินค้าราคาถูกลงกว่าเจ้าอื่น ทำให้ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคไทยทั้งด้านราคา และโปรโมชันเปิดตัวแอปครั้งแรกโดยลดสูงสุดถึง 90%
และเพราะราคาที่ถูกเกินไป ซึ่งถูกกว่าราคาจากโรงงานไทยที่ผลิตด้วยก็ทำให้กระทบกับทั้ง SME หลายรายที่ขายสินค้าประเภทเดียวกัน รวมถึงผู้ประกอบการที่แข่งขันในตลาดนี้ยากขึ้น เมื่อต้องเจอกับแรงกดดันทางราคา ทำให้ต้องลดราคาสินค้าลงไปอีก
นอกจากนี้ TEMU ที่เป็นแพลตฟอร์มเต็มไปด้วยฐานลูกค้าที่ดาวน์โหลดแอปมา ก็มีแต้มต่อมากกว่า SME ที่ขาดทรัพยากรในการเข้าถึงลูกค้า แม้คุณภาพสินค้าของ TEMU บางรายการจะคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานก็ตาม ซึ่งจะส่งผลกระทบทั้งภาพลักษณ์สินค้าไทย และวงกว้างระดับเศรษฐกิจไทยในระยะยาวด้วยอย่างแน่นอน
แต่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ก็ได้โพสต์บน Facebook ว่า นี่อาจเป็นแนวโน้มและทิศทางการค้าของโลกที่กำลังเปลี่ยนไป การทำความเข้าใจ และปรับตัวจึงสำคัญที่สุดในโลกธุรกิจตอนนี้ ทางกระทรวงพาณิชย์ก็มีบทบาทในการกำกับดูแลและส่งเสริมการค้าออนไลน์ให้มีความเป็นธรรม จึงไม่ได้นิ่งนอนใจในปัญหานี้
อีกทั้งยังได้พิจารณาถึงผลกระทบของผู้บริโภค และผู้ประกอบการทุกแพลตฟอร์มที่ส่งเข้ามาในไทย ว่ามีสินค้าได้มาตรฐานมอก. มาตรฐานของ อย. หรือไม่ พร้อมทั้งจัดประชุมร่วมกับตัวแทนจาก กระทรวงการคลัง, กระทรวงดิจิทัลฯ, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงสาธารณสุข, กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI), สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.), สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ด้วย
และเพื่อป้องกันสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ หรือเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคที่จะเข้ามาในไทย ก็มีการพิจารณาถึงการจัดเก็บ “ภาษีอีคอมเมิร์ซ” เพื่อให้การแข่งขันอีคอมเมิร์ซในไทยมีความเป็นธรรม รวมถึงผู้ประกอบการ หรือ SME ก็ไม่ถูกเอาเปรียบ หรือรับแรงกดดันราคาเกินไปจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติ ที่ควรเสียภาษีอย่างถูกต้องและไม่เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ
แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีการส่งเสริมและสนับสนุน SME ไทยให้เข้าถึงช่องทางการตลาดใหม่ ๆ อย่างตลาดจีนที่กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญอยู่ ณ ตอนนี้ โดยการจัดมหกรรม Live – Commerce ในช่วงเดือนกันยายนนี้
เพื่อให้เหล่าอินฟลูเอนเซอร์จากต่างประเทศเข้ามาคัดสินค้าในไทย และนำไป Live ขายผู้บริโภคในจีนจำนวนกว่า 500 รายการ พร้อมตั้งเป้าหมายในการดึงเม็ดเงินจากการส่งออกสินค้าไทยครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 1,500 ล้านบาท และขอให้ประชาชนมั่นใจในรัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์จะเร่งประสานทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร่งด่วนที่สุด