ในสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา แต่การแข่งขันในโลก E-Commerce ที่ดุเดือดขึ้นทั้งใน และต่างประเทศ ไปจนถึงพฤติกรรม และความคาดหวังของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ก็นับว่าเป็นปีที่ท้าทายสำหรับเหล่านักการตลาด ผู้ประกอบการ และพ่อค้าแม่ค้าไม่น้อย ทาง RAiNMaker เลยจะพามาอัปเดต และทำความเข้าใจ Top Commerce Trends 2024 จากข้อมูลของ Wunderman Thompson Commerce & Technology กันว่าควรจะปรับตัวให้อยู่รอดกันอย่างไรบ้าง
AI Chatbot
ตอนนี้มีการพัฒนาเทคโนโลยี AI และโมเดล Large Language Models (LLM) เพิ่มมากขึ้น จากจุดเริ่มต้นของ OpenAI ที่ ChatGPT ได้รับความนิยม และกลายเป็นฟังก์ชันที่ใครหลาย ๆ คนนิยมใช้ในชีวิตประจำวันไปแล้ว
เช่นเดียวกับโลก E-Commerce ที่แบรนด์ หรือเหล่า SME ตัวเล็ก ๆ ก็สามารถใช้ AI Chatbot อัปเกรด User Experience ได้เช่นกัน อย่างที่ Naji El-Arifi, head of innovation จาก Wunderman Thompson Commerce & Technology เชื่อว่า AI จะช่วยสร้าง Value ให้กับประสบการณ์ของลูกค้ามากขึ้น
เพราะแบรนด์สามารถนำ AI เข้ามารวมกับระบบที่ตัวเองใช้ได้ เพื่ออัปเดตลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และรอน้อยลง เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคในตอนนี้ชอบที่จะสั่งวันนี้ และส่งวันพรุ่งนี้เป็น Norm ใหม่ โดยคาดหวังให้แบรนด์มีการ Interact ที่เร็วขึ้น
DE&I
ยุคที่ผู้บริโภคหันมาสนใจเรื่องของความหลากหลาย ความเท่าเทียม และสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้นในการสนับสนุนแบรนด์ ก็ทำให้แบรนด์ หรือเหล่า SME ต้องสร้างประสบการณ์ที่ทำให้พวกขาเข้าถึงเรื่องที่สนใจได้ในโลกออนไลน์ด้วย
ซึ่งในอนาคตน่าจะได้เห็น AI ในเชิงบวกมากขึ้น เพื่อทำให้แน่ใจว่าเนื้อหาของแบรนด์เป็นไปตามความคาดหวังของสังคม และทำให้ผู้บริโภคอยากเข้าถึงแบรนด์มากขึ้นเอง แทนที่จะใช้การตรวจสอบด้วยตัวเองแบบเดิม AI ก็จะมีบทบาทในการช่วยประมวลผล และคัดกรองความถูกต้องในเวลาภายในไม่กี่นาที
Social Commerce
เมื่อโซเชียลมีเดียไม่ได้เป็นเพียงแค่โซเชียลมีเดียอีกต่อไป แต่จะเป็นพื้นที่ที่สร้างโอกาสให้กับแบรนด์ได้เขาถึงผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยเฉพาะหน้าร้านออนไลน์ที่น่าดึงดูด และมีตัวตนของแบรนด์ชัดก็จะทำให้ได้เปรียบ และโดดเด่นกว่าคู่แข่งในตลาดเดียวกันได้
และเมื่อแบรนด์เข้ามาในโลกแพลตฟอร์ม หรือโซเชียล ตั้งแต่ TikTok, Facebook, Instagram, YouTube และ Lemon8 ก็ไม่ได้มีแค่ยอดขายเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น แต่อาจได้ขยายฐานคอมมูนิตี้ และทำให้เกิด Brand Loyalty ต่อให้จะเป็นเพียงแค่แบรนด์ SME ธุรกิจเล็กก็ตาม
เพราะแพลตฟอร์มยังเปรียบเสมือกับแหล่งข้อมูลที่ทำให้เข้าใจจากการวิเคราะห์ทั้งตลาด คู่แข่ง และกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดด้วย ทำให้โอกาสจะตกอยู่กับคนที่มองเห็นช่องว่าง และประยุกต์ใช้ได้เท่านั้น
Marketplace Dominance
ดูเหมือนอำนาจเหนือตลาดของแบรนด์ และผู้ประกอบการในโลกออนไลน์จะลดลงจากเดิมที่ 42% เป็น 35% หลังต้องเผชิญกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่หลายคนคาดว่าจะส่งผลถึงปี 2024 ที่ชี้ให้เห็นว่าตลาดออนไลน์อย่าง Amazon หรือ Alibaba จะครองตลาดอีกครั้งในปีหน้า
แต่ก็อาจจะไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะในรายงาน Future Shopper ระดับโลกฉบับล่าสุดพบว่า ผู้บริโภคมีช่องทางอื่นในการเลือกซื้อของออนไลน์มากขึ้น พร้อมมีวิจารณญาณในการเลือกซื้อ และเปรียบเทียบราคา กับความยั่งยืน ก็เลยมีการคิดถึงความคุ้มค่าก่อนซื้อมากขึ้น
ในขณะเดียวกันเทรนด์ BNPL (Buy Now, Pay Later) ในกลุ่มผู้บริโภค Gen Z ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน ฉะนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่าแบรนด์มีกลุ่มเป้าหมายแบบไหน และเข้าใจการใช้จ่ายของพวกเขามากเท่าไหร่จะได้เปรียบ
Direct-to-consumer (DTC)
เมื่อการขายตรงถึงผู้บริโภค (DTC) กลับมาอีกครั้ง เพราะผู้บริโภคมักจะมองหาข้อมูล และการแก้ไขปัญหาจากแบรนด์อย่างจริงจัง ทำให้แบรนด์ต้องคอยเสิร์ฟประสบการณ์ “Sales Journey” โดยตรงให้กับผู้บริโภคตลอดช่วงการขายอย่างสม่ำเสมอ
เพราะผู้บริโภคต่างก็มองหา และกล้าที่จะเปิดใจให้ได้รู้จักกับแบรนด์ใหม่ ๆ ที่มีความหลากหลายมากขึ้น เนื่องจากมีเวลาในการเปรียบเทียบความคุ้มค่าแต่ละแพลตฟอร์มได้เร็วขึ้นแล้ว
โดยสรุปแล้วทั้ง 5 เทรนด์นี้ต่างก็เป็นเทรนด์ที่ทั้งแบรนด์ ผู้ประกอบการ และเหล่า SME ต้องคอยปรับตัวให้เข้ากับธุรกิจที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นการ Reached Out ไปยังแพลตฟอร์ม หรือตลาดใหม่ ๆ รวมถึงให้ความสำคัญกับความสนใจของสังคมมากขึ้นว่ากำลังโฟกัสไปยังทิศทางไหนนั่นเอง
ดาวน์โหลด ‘Top Commerce Trends for 2024’ Report ได้ที่นี่: https://www.vml.com/insight/ecommerce-trends-2024
ที่มา: https://lbbonline.com/news/wunderman-thompson-commerce-technology-shares-top-predictions-for-2024
