กลับมาอีกครั้งกับบทสรุปของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในช่วงสิ้นปี แต่! ครั้งนี้ RAiNMaker ไม่ได้มีแค่ภาพรวมของแต่ละแพลตฟอร์มมาส่งท้ายปีเท่านั้น เพราะยังมีแนวทางในอนาคตของทั้ง Facebook, Instagram, TikTok และ X มาให้ดูกันด้วยว่าจะปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงปี 2023 จนมาถึงต้นปี 2024 ทุกแพลตฟอร์มต่างก็เน้นไปที่คอนเทนต์วิดีโอกันเสียมากกว่า เพราะการบูมของ TikTok และคอนเทนต์ครีเอเตอร์สายวิดีโอคอนเทนต์ แต่เมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป การสร้างรายได้จึงสำคัญกว่า
แม้จะยังไม่ถึงยุคของ Automated General Intelligence (AGI) ก็ตาม แต่ในตอนนี้ การเข้ามามีบทบาทมากขึ้นของ AI ก็ทำให้หลายแพลตฟอร์มเริ่มปรับตัวมีฟีเจอร์ และเครื่องมือมากขึ้นแล้ว ซึ่งภาพรวมแพลตฟอร์มของแต่ละโซเชียลมีเดีย รวมถึงจุดเปลี่ยนที่น่าจับตาในปี 2025 จะเป็นอย่างไร มาเช็ก และเตรียมตัวไปด้วยกัน!
ภาพรวมในปี 2024
จากเดิมที่เรามักจะมอง Facebook เป็นเสมือนแพลตฟอร์มสร้างโปรไฟล์เพื่อให้ทุกคนมีตัวตน และเปรียบเสมือนที่พบปะเพื่อน และครอบครัวที่สนิทใจ แต่ในช่วงหลายปีมานี้ Facebook ที่ถูกรีแบรนด์เป็น Meta เมื่อนำมาควบควมกับ Instagram และ Threads ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว
ต่อให้ในโลกของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจะมีคู่แข่ง แต่แพลตฟอร์มที่อยู่มานานอย่าง Facebook ก็ยังคงเป็น “The Biggest Social Platform in The World” อยู่ ต่อให้จะสูญเสียเอกลักษณ์จากการเปลี่ยนแปลงเพื่อตามให้ทันความสนใจของผู้คนไปบ้างก็ตาม
แต่ก็ยังคงครองตำแหน่ง ‘The Most Active User’ ไปด้วย เนื่องจาก Facebook ยังคงเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อผู้คนกับหลาย ๆ คอมมูนิตี้ด้วย
และถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย แต่ Facebook ก็ละทิ้งกราฟการเติบโตในทิศทางของโซเชียลมีเดียไปค่อนข้างเยอะในปีนี้ เพราะกลับแสดงถึงด้านแพลตฟอร์มให้ความบันเทิง และแพลตฟอร์มที่เต็มไปด้วย AI มากขึ้น
จุดเปลี่ยนของปี 2025
- Meta AI และ AR/VR
หาก Facebook เป็นพื้นที่ในการเชื่อมต่อกับคอมมูนิตี้ ฝั่ง Meta ก็เปรียบเสมือนโลกใหม่ที่เต็มไปด้วย AI หลังมีการลงทุนเปลี่ยนโครงสร้างใหม่เพื่อให้มี AI เข้ามาช่วยในการใช้งานมากขึ้น ซึ่งเป็นคีย์สเตจต่อไปที่ Meta ตั้งใจจะทำให้ตัวเองกลายเป็นแพลตฟอร์มที่รู้ใจผู้ใช้
รวมถึงการผสานรวมกับ AR และ VR แบบ Physical ที่ไม่เหมือนกับ Metaverse เพราะสามารถนำไปใช้งานได้จริง อย่างเช่นแว่น AR ที่ทำให้ใช้งานแอปต่าง ๆ ได้ และเพิ่มความน่าสนใจให้โลก VR โดยการมี Digital Avatar เพื่อดึงดูดผู้ใช้เพิ่มด้วย
แต่ก็ยังต้องมีการพัฒนาอีกมากเพื่อเชื่อมต่อผู้ใช้กับ AI ในชีวิตประจำวันมากขึ้น เพราะในตอนนี้ผู้คนกลับเอนเกจกับ AI และอัลกอริทึมที่ AI แนะนำมากกว่าที่จะเอนเกจด้วยกันเอง ทำให้ประสบการณ์การใช้งานไม่ได้มาจากคอมมูนิตี้ที่ต้องการเชื่อมต่อได้ตรงจุด
รวมถึงฟีเจอร์บางอย่างของ AI ก็สร้างปัญหาในหน้าฟีด และทำให้ผู้ใช้บางคนรู้สึกว่าอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต เนื่องจาก AI มีการทำงานที่ไม่ได้ระมัดระวังมากพอ รวมถึงสามารถสร้างเฟคนิวส์ หรือเจนรูปปลอมเป็นสแปมขึ้นมาได้
ฉะนั้นการผลักดันของ Meta ที่อยากให้ผู้ใช้ได้ใช้ AI บนแพลตฟอร์มมากขึ้น ก็คงต้องเติมทั้งเรื่องของความปลอดภัย และการตรวจสอบที่รัดกุม เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อการใช้เครื่องมือ หรือฟีเจอร์ AI น้อยลงไปด้วย
- Video Content
ในปัจจุบันยอดเอนเกจเมนต์ที่มากที่สุดของ Facebook มักจะมาจากคอนเทนต์แบบวิดีโอมากกว่าโพสต์ปกติแล้ว นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ใช้มองเห็น AI Recommend หน้าฟีดมีแต่ Reels เพิ่มมากขึ้นทุกวัน หรือไม่ก็เป็นผลมาจากผู้คนชอบดูคลิป หรือเป็นคลิปที่ตรงกับความสนใจของเราเอง
และแน่นอนว่าในปี 2025 ทาง Meta จะเน้นไปที่การป้อนฟีดของผู้ใช้ด้วยคอนเทนต์วิดีโอมากขึ้น หลังมีการเพิ่มแท็บวิดีโอโดยเฉพาะด้านล่างปุ่มหน้าโฮมแล้ว
แต่ในช่วงนี้ดูเหมือนว่าคอนเทนต์ Short-form แบบ TikTok จะยังคงมาแรงกว่าคอนเทนต์แบบ Long-form บน Facebook ด้วย
รวมถึงสถานการณ์ที่อเมริกาเตรียมจะแบน TikTok ก็เอื้อต่อ Meta ที่จะทำให้ได้รับความสนใจจากผู้ใช้มากขึ้นด้วย ฉะนั้นใครที่ทำคอนเทนต์บน Facebook หรือ Instagram อยู่ ก็สามารโฟกัสไปที่คอนเทนต์วิดีโอเพื่อรับยอดเอนเกจเมนต์ที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้
- AI Ads
ในโลกของการโฆษณา Meta ก็มีการขับเคลื่อนด้วย Advantage+ หรือตัวเลือกที่สามารถปรับแต่งการโฆษณา หรือแคมเปญได้ โดจะช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถส่งแคมเปญไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช่มากขึ้น ซึ่ง Meta ก็พยายามที่จะผลักดันให้ผู้ใช้ที่เป็นแบรนด์ หรือครีเอเตอร์ใช้ตัวเลือกนี้กันมากขึ้น
และแม้อาจจะไม่ใช่เรื่องที่น่าสบายใจนักที่ต้องเชื่อเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพียงอย่างเดียวในการสร้างรายได้จากการยิงแอด แต่ Advantage+ ของ Meta ก็สามารถตั้งค่าให้ตรงตามความพอใจที่สุดได้ ไม่ว่าจะเป็นประเภทของกลุ่มเป้าหมาย งบประมาณที่ใช้ และสรุปผลลัพธ์ที่ได้หลังจากการยิงแอด เป็นต้น
ภาพรวมในปี 2024
ในตอนนี้ Instagram เปรียบเสมือนกับแพลตฟอร์มที่เป็น “The Middleman of Social Media Platform”ที่แม้จะไม่ได้โฟกัสอะไรเป็นพิเศษ เพราะมีครบแทบจะทุกอย่างในนี้แล้ว จากการเปลี่ยนผ่านของแอป Photo-sharing มาสู่แอปที่เต็มไปด้วยคอนเทนต์วิดีโอ
ซึ่งเรียกได้ว่าเอนเกจเมนต์ที่ได้รับจากคอนเทนต์วิดีโอนั้น ไม่ว่าจะเป็น Reels หรือ Stories ก็สามารถเพิ่มยอดเอนเกจเมนต์ได้ แต่ Reels จะเป็นตัวหลักที่ถูกโฟกัสมากกว่า
ส่วน Stories จะเป็นส่วนที่ทำให้ผู้ติดตามสร้างการมีส่วนร่วมมากขึ้น และเป็นฟีเจอร์ที่อัปเดตคอนเทนต์ได้ทุกวัน หรือจะแชร์โพสต์ลง Stories ก็ทำได้เช่นกัน
ทำให้ตอนนี้ Instagram เป็นเหมือนแพลตฟอร์มที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง TikTok และ Facebook ไปด้วย เพราะยังคงเป็นโซเชียลมีเดีย แต่ในขณะเดียวกันก็โฟกัสพาร์ตคอนเทนต์วิดีโอ และการสนทนา หรือแชร์คอนเทนต์ระหว่างกันบน Direct Messages (DM) ไปด้วย Instagram จึงไม่ได้เป็นแพลตฟอร์มที่มีไว้โพสต์รูปแบบเดิมแล้ว
จุดเปลี่ยนของปี 2025
- Gen AI
เพราะ Meta ในตอนนี้เชี่ยวชาญการดึงดูดให้ผู้คนเจอกับ AI หน้าฟีดมากขึ้น หรือถ้าไม่เจอหน้าฟีดก็จะได้ใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ ผ่านเครื่องมือที่มี AI ด้วย อย่างที่เรามักจะเห็นหน้าฟีดเชิญชวนให้สร้างรูปภาพจากการเจน หรือใช้ AI อยู่บ่อย ๆ แต่ผู้ใช้หลายคนก็ไม่ได้เข้ามาบนแพลตฟอร์มเพราะเหตุผลนี้
แต่ AI ยุคต่อไปของ Instagram อาจจะมี AI Filters สำหรับรูปภาพที่โพสต์ลง Instagram มากขึ้น ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้บน Instagram ที่ใช้ AI จะไม่ได้เป็นการสร้าง หรือเจนรูปใหม่ แต่จะเป็นการปรับแต่งรูปภาพ หรือวิดีโอที่มีอยู่แล้วด้วยฟิลเตอร์จาก AI แทน
- Movie Gen
ฟีเจอร์ใหม่ที่สามารถเปลี่ยนฉากหลัง และชุดด้วย AI โดยจะสามารถแก้ไขวิดีโอทั้งการเปลี่ยนฉากหลัง, ชุด และลักษณะรูปร่างตามที่ต้องการ และแก้ไขได้ครบจบใน Instagram ทีเดียว โดยฟีเจอร์ Movie Gen จะเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปใช้งานได้ภายในปีหน้า
- Integration & AR/VR
นอกจาก Meta จะกำลังง่วนอยู่กับการพัฒนา AR กับอุปกรณ์ที่สวมใส่ได้แล้ว Instagram ก็จะมาในทิศทางนี้เช่นกัน เพื่อเพิ่มระดับการเชื่อมต่อมากขึ้น เช่น การลงคอนเทนต์แบบ cross-post จากแว่น Ray Ban รวมถึงการประสานไลฟ์สตรีมแบบฟังก์ชันเพิ่ม
ส่วนฝั่ง AR และ VR ทาง Meta ก็ช่วยให้ผู้ใช้สร้างวัตถุแบบ 3D แบบ in-stream ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องผ่านโปรแกรมหรือเครื่องมือที่ซับซ้อน พร้อมประสบการณ์แบบโลกเสมือนจริง และยังเป็นการเชื่อมระหว่างโลกโซเชียลมีเดียกับโลกของ Immersive มากขึ้นด้วย
- Threads
แม้แอป Threads ของ Meta จะเปิดตัวมาได้ไม่นานนักหากเทียบกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ และยังคงตามหลังอันดับของ Instagram อยู่ แต่การแสดงคอนเทนต์หน้าฟีดในปี 2025 จะมีการลดคอนเทนต์การเมือง หรือข่าวสารลง
และเพิ่มเอนเกจเมนต์ให้กับคอนเทนต์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข่าว หรือการเมืองมากขึ้น รวมถึง Threads จะมีการโฟกัสการนำเสนอคอนเทนต์หน้าฟีดแบบเรียลไทม์ด้วย เพื่อคงความลื่นไหลของบทสนทนาผู้ใช้ในแต่ละหัวข้อ
TikTok
ภาพรวมในปี 2024
แพลตฟอร์ม “The World’s Biggest Social Apps” ที่ไม่ว่าผลลัพธ์ในตอนหลังจะถูกแบนหรือไม่โดนแบนในอเมริกา จากที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านประธานาธิบดี แต่ก็สามารถสร้างอิมแพคให้กับผู้คนทั่วโลก รวมถึงคู่แข่งที่เปลี่ยนมาโฟกัสด้านคอนเทนต์วิดีโอ และการสร้างรายได้บนแพลตฟอร์มด้วย Affiliate Link มากขึ้น
ตอนนี้มีผู้ใช้กว่า 800 ล้านคนนอกอเมริกาที่ใช้ TikTok เป็นเสมือนกับแพลตฟอร์มสร้างรายได้หลัก ซึ่งหากถูกแบนจริงก็น่าจะส่งผลกระทบหลายอย่างสำหรับครีเอเตอร์ แบรนด์ และนักการตลาดไปพร้อมกันในปีหน้า แต่ความเสี่ยงโดนแบนก็ไม่แน่นอนนัก ทำให้ทุกคนที่มีแอ็กเคานต์ TikTok อาจจะต้องหาแผนสำรองเอาไว้ด้วย
จุดเปลี่ยนของปี 2025
- Shopping push
TikTok มีการผลักดันให้ผู้ใช้ชอป และจ่ายจบครบบนแพลตฟอร์มโดยไม่ต้องหนีออกนอกแอปไปไหน โดยเฉพาะแอป Douyin ของจีนที่สนับสนุนการไลฟ์ขายของ แปะลิงก์ Affiliate รวมถึงสร้างรายได้แบบแข่งขันกันอย่างดุเดือดระหว่างครีเอเตอร์
และเพราะโมเดลนี้ของ Douyin เลยทำให้ TikTok อยากที่จะเจาะตลาดฝั่งยุโรปมากขึ้น เนื่องจากผู้คนในเอเชียนั้นเป็นนักชอปออนไลน์ตัวยงกันอยู่แล้ว
โดย TikTok หวังจะทำให้การชอปปิงแบบ in-app สามารถเป็นแหล่งสร้างรายได้หลัก และเป็นโอกาสใหม่ ๆ ให้กับครีเอเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ แบรนด์ และนักการตลาดด้วย เพราะในมุมของผู้บริโภคที่ชอปปิงแบบ in-stream ก็เต็มใจที่จะจ่ายอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่
แถมในอนาคตก็คาดว่า TikTok จะมี live-stream avatars หรืออวตารไลฟ์ขายของด้วย AI ที่กำลังได้รับความนิยมในจีนบนแอป Douyin ด้วย เพื่อช่วยให้ลดต้นทุนแต่ได้ยอดเอนเกจเมนต์ และรับรายได้จากการโปรโมตสินค้าผ่านการไลฟ์มากขึ้น
ซึ่ง TikTok กำลังทดสอบฟีเจอร์นี้กับพาร์ตเนอร์บางกลุ่มอยู่ และคาดว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อมีการประกาศออกมาให้ทุกคนได้ใช้ และมีอวตาร AI เป็นของตัวเอง
- Mini Programs
เนื่องจากแอป Douyin มีการพัฒนากับ third-party ที่รวมกันแล้วเรียกว่า “Mini Programs” ที่เป็นแอปเวอร์ชันเล็ก และเบากับอุปกรณ์มากกว่า แต่ยังคงอยู่ในระบบนิเวศของแอป Douyin อยู่ ซึ่งการมีแอปแยกออกมาก็สามารถทำให้เป็นแอปเดลิเวอรี่อาหาร, ซื้อบัตรออนไลน์ หรือรับส่งได้
ทำให้ปี 2025 คาดว่า TikTok จะมีการดึงดูดกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจมากขึ้นด้วยโปรแกรม และฟีเจอร์ใหม่ ๆ นั่นเอง
- AI Search
จากการตามรอยแอป Douyin ของ TikTok ต่อไปก็จะเพิ่มการเสิร์ชด้วย AI เข้ามา เพื่อสามารถค้นหาในสิ่งที่ต้องการได้แบบไร้ข้อจำกัดมากขึ้น และไม่ใช่แค่การพิมพ์หาในช่องเสิร์ชอย่างเดียว แต่จะสามารถแคปรูปจากคลิปเพื่อค้นหาอะไรที่เกี่ยวข้อง หรือมีความคล้ายกันได้ด้วย
คล้ายกับเครื่องมือการเสิร์ชของ ‘Image Search’ จาก Google หรือ Pinterest ที่ไฮไลต์องค์ประกอบที่ต้องการ ครอบแล้วค้นหาต่อได้เลย
ซึ่ง TikTok คาดว่าจะทดลองกับกลุ่มผู้ใช้ฝั่งยุโรปก่อน แต่ก็เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสตอล์คเกอร์ หรือการตามหาคนอื่นผ่านคลิปได้ แต่จะใช้ได้ดีกับการค้นหาโปรดักต์ หรือสินค้าที่สนใจเพื่อเพิ่มยอดเอนเกจเมนต์ให้แบรนด์ รวมถึงอาจจะมีแชตบอท AI มาช่วยขยายในการเสิร์ชด้วย
X
ภาพรวมในปี 2024
แพลตฟอร์มโซเชียลในฐานะ “The Platform formerly known as Twitter” ที่แม้จะรีแบรนด์ทั้งชื่อ หรือโลโก้ และหน้าเว็บเบราว์เซอร์หรือแอปทั้งหมดก็ตาม แต่หลาย ๆ คนก็ยังต้องวงเล็บ หรือบอกชื่อต่อท้ายด้วย Twitter เพื่อความคุ้นเคยอยู่ดี
แต่ในตอนนี้ก็เริ่มสร้างความแตกต่างของแบรนด์ดิงให้แยกจาก Twitter แบบเดิม ๆ ได้แล้ว ตามความตั้งใจของ Elon Musk ที่ต้องการเปลี่ยนให้ Twitter กลายเป็น X หรือ ‘Everything App’ ที่ทำได้ทุกอย่างบนแพลตฟอร์มเดียว
ซึ่งในปีนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้น ทั้งเงื่อนไขการสมัครสมาชิกแบบ X Premium และ Grok AI ผู้ช่วยที่ตอบคำถามผู้ใช้ได้ ไปจนถึง ทดลองใช้ระบบการชำระเงินแบบ Peer-to-Peer ที่ตั้งใจจะให้ X สามารถเชื่อมต่อกับการใช้จ่ายในแอปได้
จุดเปลี่ยนของปี 2025
- Everything App 2025
แม้สโลแกนนี้ของ X จะมีมาตั้งแต่ที่รีแบรนด์ แต่วิชันในปี 2025 หรือการใช้จ่ายแบบ Peer-to-Peer จะชัดเจนมากขึ้น เพื่อเพิ่มการใช้จ่ายแบบ in-stream แต่ก็ต้องผ่านเงื่อนไข และยื่นใบอนุญาตกับรัฐบาลในแต่ละรัฐของอเมริกาก่อน ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในสเตจแรกอยู่ และคาดว่าแพลนนี้จะดำเนินต่อไปจนกว่าจะสำเร็จในช่วงครึ่งปี 2025
- Video first
Linda Yaccarino ซีอีโอของ X ได้แถลงการณ์ล่าสุดว่า X จะเป็นแพลตฟอร์มที่โฟกัสคอนเทนต์วิดีโอ หรือที่เรียกว่า ‘video first’ แต่ในทางตรงกันข้ามที่ภายในแอปยังไม่มีแม้แต่แท็บวิดีโอแยกออกมา เพื่อให้ไถหน้าฟีดที่มีแต่คอนเทนต์วิดีโอได้
ซึ่งคาดว่าในปี 2025 X จะพยายามสานต่อเรื่องการเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอมากขึ้น แต่ X ก็ได้มีการปรับเรื่องการรับชมแบบ picture-in-picture, มีการ playback และเลือกระดับความคมชัดในการเล่นวิดีโอสำหรับผู้ใช้แอ็กเคานต์พรีเมียมแบบเสียเงิน
ทำให้ตอนนี้คอนเทนต์วิดีโอบน X สามารถไดร์ฟเอนเกจเมนต์ได้ และเป็นพาร์ตสำคัญกว่า 80% บนแพลตฟอร์มด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ X อยากจะโฟกัส แต่ในตอนนี้มีแท็บใหม่ที่เพิ่มเข้ามาอย่าง “Community” และ “Grok” เพื่อให้ได้ทดลองการสนทนากับคอมมูนิตี้ที่สนใจ หรือผู้ช่วย AI ไปก่อน
- AI Search
เหมือนกับบริษัทเทคโนโลยีทั่วไป X ก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่ต้องการผลักดันเรื่องการเสิร์ชด้วย AI เช่นกัน รวมถึงมีองค์ประกอบ และเครื่องมือ หรือฟีเจอร์ที่มี AI ด้วย ทำให้ AI เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าจับตาในปี 2025 สำหรับ X
ซึ่งตอนนี้ก็เปิดให้ Grok AI ของตัวเองสามารถใช้งานได้ฟรีกับผู้ใช้ทุกคนโดยไม่ต้องเสียเงินแล้ว รวมถึงยังตั้งค่าให้ Grok เป็น Search Engine แบบเริ่มต้นสำหรับทุกคนด้วย
- Donald Trump
แม้จะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงโดยตรง แต่ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนระหว่าง Elon Musk และ Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนล่าสุด ก็สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงบางอย่างบนแพลตฟอร์มได้ เพราะ X ก็นับเป็นตัวซัพพอร์ตช่วยให้การเลือกตั้งมีคนมองเห็นมากขึ้น รวมถึงการออกตัวสนับสนุน Trump อย่างตรง ๆ ของ Musk ด้วย
ซึ่งในปี 2025 ก็คาดว่า X จะมีโปรเจกต์ใหม่ ๆ หรืออาจมีการควบรวมกับโซเชียลมีเดียของ Trump อย่าง “Truth Social” ก็เป็นได้
จากภาพรวม Social Media Predictions ทั้งในปี 2024 และแนวโน้มในปี 2025 ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แต่ละแพลตฟอร์มนั้นมีการเปลี่ยนแปลง และเติบโตไปมากน้อยแค่ไหน หรือจะโฟกัสอะไรมากขึ้นในปีหน้า
แต่สิ่งที่ทุกแพลตฟอร์มมีเหมือนกันก็คงจะเป็นเรื่องการให้ความสำคัญกับคอนเทนต์วิดีโอ และการพัฒนาฟีเจอร์ หรือเครื่องมือ AI ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สร้างคอนเทนต์ได้ง่าย และสะดวกขึ้น
ทั้งนี้ไม่ว่าคุณจะมีแหล่งสร้างรายได้อยู่บนแพลตฟอร์มไหน การได้รู้ทัน และเตรียมตัวก่อนจะช่วยให้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่คาดเดาไม่ได้ด้วย
ที่มา: https://www.socialmediatoday.com/news/26-predictions-social-media-marketing-2025/731576/