แม้จะประกาศให้ “ PANTONE 17-1230 Mocha Mousse” จะเป็นสี PANTONE ประจำปี 2025 ที่สะท้อนการอยู่ร่วมกันในสังคม การเชื่อมต่ออยู่ แต่มีความเรียบหรูปนอบอุ่นสำหรับเทรนด์ที่สะเทือนวงการครีเอทีฟ และออกแบบทั่วโลกกันไปแล้ว แต่ในปีนี้ ‘Color Trends’ ก็ยังมีสีอื่นที่น่าสนใจในการนำไปออกแบบเช่นกัน RAiNMaker เลยจะมาแชร์ให้รู้กันผ่านบทความนี้!
สำหรับ Color trends ในปี 2025 เพื่อที่จะทำให้ Creative landscape มีอิทธิพลมากขึ้นในงานออกแบบประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นออกแบบภายใน หรือแฟชั่นก็ตาม นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้การอัปเดต และทันเทรนด์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับวงการครีเอทีฟ เพื่อทำให้งานออกมาสดใหม่อยู่เสมอ
Color trends ในบทความนี้จึงจะรวมสีที่นำไปต่อยอดให้โดดเด่น และแตกต่างจากคู่แข่งได้ โดยในปี 2025 จะเป็นปีที่เทรนด์สีโทนเข้มทำให้น่าดึงดูดมากขึ้น เพียงแค่นำไปใช้เสิรมองค์ประกอบในการสื่ออารมณ์ให้ได้ เพราะแต่ละสีจะสร้างความรู้สึก และให้ประสบการณ์ในการตีความแตกต่างกันไป
อย่างสี Mocha Mousse จะโดดเด่นในการนำไปใช้กับการออกแบบภายใน ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น มีความเป็นธรรมชาติ และยิ่งนำไปจับคู่กับสีโทนธรรมชาติก็ยิ่งทำให้เป็นโทนที่ดูมีอิทธิพลไปด้วย แต่ก็มีพาเลทสีอื่น ๆ ที่อยู่ในลิสต์ Color trends 2025 เช่นกัน
Ethereal blues
สีโทนคู่ตรงข้ามกับ Mocha Mousse ที่อยู่ใน ‘Blue shades’ ให้ความรู้สึกนุ่มนวล สงบ และเข้าถึงสภาพจิตใจอย่างสุขุมเมื่อได้มอง ในขณะเดียวกันก็สามารถส่งต่อพลังงานแบบสุขุมนุ่มลึกได้
การนำไปใช้
สี Ethereal blues นำไปใช้กับอุตสาหกรรมสุขภาพได้ทั้งด้าน wellness และ health หรือ technology ที่มีความสงบ และความน่าเชื่อถือเป็น key emotional ของโทนนี้ ที่ให้ความรู้สึกแบบ 2 บุคลิกที่มีทั้งความทันสมัย และดูเหนือกาลเวลาไปด้วย จึงเหมาะไปประยุกต์ใช้กับเว็บดีไซน์ และการออกแบบภายในด้วย
หากใครที่ทำงานเกี่ยวกับด้านสุขภาพ หรือการออกแบบที่ให้ความรู้สึกสุขุม และสงบได้ เช่นแอปสำหรับทำสมาธิ หรือสปาก็จะช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลายได้ ด้วยสีฟ้าอ่อน สีขาว หรือสีเทาสว่าง เป็นต้น
Warm yellows
เมื่อใช้สีโทน ‘Warm yellows’ การทำให้ความรู้สึกที่มองเห็นมีความบาลานซ์กันนั้นสำคัญมาก และยังเป็นสีที่ตัดได้ดีกับสี Ethereal blues หรือ Mocha Mousse ด้วย เพื่อไม่ให้มู้ดโทนมีความเรียบเกินไป
การนำไปใช้
เนื่องจากสีเหลืองเป็นสีโทนร้อน และมีเฉดที่สว่าง เมื่อการออกแบบให้มีสีโทนนี้มากเกินไปก็จะทำให้รู้สึกไม่สบายตา การมีสีโทนธรรมชาติเข้ามาเบรกก็จะทำให้งานดูมีอารมณ์ และความรู้สึกที่บาลานซ์มากขึ้น จนทำให้โทนสีเหลืองที่ดูสว่าง สามารถดูสงบลงได้
การนำไปใช้กับโปรดักต์ที่เปิดตัวใหม่ และต้องการสร้างพลังบวก หรือบ่งบอกถึงความสดใหม่ก็สามารถนำสี Warm yellows ไปใช้เป็นโทนเดียว หรือผสมกับโทนเย็นเพื่อสร้างความบาลานซ์ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบภายใน หรือด้านแฟชั่นก็ตาม
Creamy pastels
แม้ Mocha Mousse จะเป็นเทรนด์สีแห่งปี 2025 แต่สีโทนพาสเทลแบบ ‘Creamy pastels’ ก็ยังไม่เคยตกเทรนด์ไปไหน และยังคงถูกนำมาใช้ได้ไม่รู้จบ เพื่อทำให้การออกแบบดูมีมิติ นุ่มนวล และมีความแข็งแรงในการนำไปประยุกต์ใช้กับทุก ๆ ด้าน
การนำไปใช้
เนื่องจากสี Creamy pastels มีความนุ่มนวล และละเอียดอ่อนในตัวเองอยู่แล้ว จึงเหมาะนำไปใช้กับการออกแบบ UX/UI หรือด้านโซเชียลมีเดีย และการตลาดที่ต้องการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้ ซึ่งเป็นโทนที่แตกต่างจาก ‘Brighter pastels’ ที่โทน Creamy pastels จะให้ความรู้สึกอบอุ่น และระลึกถึง (Nostalgia) มากกว่า
งานออกแบบที่ต้องการมู้ดโทนที่สะอาดตา แต่ในขณะเดียวกันก็มีความทันสมัย สบายตาที่จะมองได้ตลอด Creamy pastels นับว่าตอบโจทย์มาก ๆ ซึ่งมักจะถูกนำไปใช้เป็นสีพื้นหลัง (Background) หรือสีของแพ็กเกจโปรดักต์ และจะยิ่งดูมีมิติมากขึ้นเมื่อนำไปจับคู่กับสีเบจ หรือสีเทา
Burnt oranges
สี ‘Burnt oranges’ นับเป็นสีที่แสดงถึงความโดดเด่น และเป็นตัวเองอย่างมั่นใจที่สุดแห่งปีนี้เลยก็ว่าได้ แต่นอกจากความโดดเด่นแล้ว Burnt oranges โทนเข้มยังให้ความรู้สึกอบอุ่น เพราะมีเฉดของสีน้ำตาลไหม้ผสมเข้ามาด้วย
การนำไปใช้
แม้จะเป็นสีที่ให้ความรู้สึกโดดเด่นมากกว่าสีอื่น ๆ ของปีนี้ แต่สี Burnt oranges ก็นับว่าเป็นสีที่สร้างความโดดเด่น แต่ก็ไม่ได้เด่นตะโกนจนเกินไป และยังให้ความรู้สึกถึงพลังของความครีเอทีฟ และความมั่นใจอีกด้วย จึงเป็นสีที่เหมาะไปใช้กับอุตสาหกรรมครีเอทีฟ ตกแต่งบ้าน และแบรนด์ที่เป็นไลฟ์สไตล์มาก ๆ
อีกนัยยะหนึ่งก็สามารถสร้างความโมเดิร์นให้งานออกแบบได้เช่นกัน ซึ่งเหมาะนำไปจับคู่ใช้กับสีเบจ สีน้ำตาลอมเทา หรือสีเทาก็จะทำให้สีนี้โดดเด่นมากขึ้น
Moonlit greys
สี ‘Moonlit greys’ เป็นสีที่ให้ความรู้สึกหรูหราแบบเรียบง่าย และชวนฝันในเวลาเดียวกัน จึงเหมาะนำไปใช้กับงานครีเอทีฟที่ต้องดารความลึกลับ และน่าค้นหาให้กับโปรดักต์ หรือการออกแบบ
การนำไปใช้
ถึงสี Moonlit greys จะดูเป็นสีที่ให้ความรู้สึกสะอาด ไร้พิษภัย แต่กลับให้ความรู้สึกมีความตื้นลึก และมีมิติ โดยไม่ได้ให้ความรู้สึกหม่นหมอง หรือไร้ชีวิตชีวาจนเกินไป เหมาะนำไปประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมที่ต้องการแสดงความมืออาชีพ เช่น อุตสาหกรรมการเงิน หรือที่ปรึกษา
นอกจากนี้สี Moonlit greys ยังเหมาะไปใช้เป็นฉากหลังเพื่อชูความโดดเด่นของสีอื่น ๆ ได้ด้วย โดยเฉพาะโทนสีเข้ม สีนี้จึงเป็นอีกสีหนึ่งที่งานออกแบบต้องลองเลยก็ว่าได้
Glossy black
สี ‘Glossy black’ ที่ทำให้ความเป็นธรรมชาติถูกยกระดับไปอีกขั้น เพราะแสดงถึงความหรูหรา และโดดเด่นอย่างมีระดับ แถมยังซ่อนความลึกลับเอาไว้ด้วย แตกต่างจากสีดำด้าน เพราะมีมิติในการนำไปใช้กับงานออกแบบมากกว่า
การนำไปใช้
หากต้องการสีเหมาะสมในการใช้งานกับพื้นที่น้อย ๆ หรือต้องการชูบางส่วนของโปรดักต์ หรือพื้นที่ไม่เยอะ สี Glossy black นับว่าตอบโจทย์มาก ๆ โดยเฉพาะกับพื้นที่แบบ high-contrast ที่จะช่วยให้องค์ประกอบของการออกแบบมีจุดเด่นนำสายตาด้วย
แต่หากถูกนำมาใช้มากเกินไป ก็อาจจะทำให้สี Glossy black กลายเป็นสีที่ครอบคลุมการออกแบบ จนทำให้ไม่มีมิติได้
Deeply rich reds
เมื่อสีแดงไม่ได้จำเป็นต้องเป็นสีแดงตะโกนจนเกินไป อย่างที่ ‘Deeply rich reds’ หรือสีไวน์แดงสามารถทำงาไนด้ดีกับการออกแบบในปริมาณ และพื้นที่ที่เหมาะสมก็จะสามารถสร้างจุดสนใจได้
การนำไปใช้
สำหรับแบรนด์ที่ใช้สี Deeply rich reds ในการออกแบบก็จะให้ความรู้สึกของความมีพลังที่ร้อนแรงอย่างอบอุ่น แต่ลักษณะในการใช้ก็ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเหมือนกับสี Glossy black เพื่อทำให้มู้ดโทนไม่ได้ดูฉูดฉาด หรือมีพลังที่ร้อนแรงจนเกินไป
การจะสร้างบาลานซ์ให้กับงานออกแบบที่ใช้สี Deeply rich reds จึงมักจะนำไปใช้คู่กับโทนสว่างกว่า หรือไม่ก็เป็นโทนเข้มกว่าไปเลย ไม่ว่าจะเป็นสีครีม หรือสีดำ เพื่อให้สี Deeply rich reds เป็นเฉดที่เพิ่มสีสันให้น่าดึงดูด
Wheatfield beige
‘Wheatfield beige’ เป็นสีที่แสดงถึงความเรียบง่าย แต่ดูสง่าง่ามที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นใจเมื่อได้มอง โดยเฉดสีไม่ได้เป็นสีน้ำตาลที่เข้มเกินไป หรือสีขาวที่สว่างเกินไป แต่มีมวลของเฉดสีที่เป็น ‘neutral color palettes’ อยู่
การนำไปใช้
เพราะเป็นเฉดสีธรรมชาติแบบเป็นกลาง เข้ากันกับทุกเฉดสีได้มากกว่าทุกสี การนำไปใช้จึงเหมาะกับอุตสาหกรรมที่ต้องการความสง่างามแบบเรียบง่าย เช่น ความงาม การตกแต่งบ้าน และไลฟ์สไตล์ที่แสดงตัวตนถึงความเรียบง่ายชัดเจน
แถมยังเป็นสีที่เหมาะสมไปใช้เป็นพื้นหลัง (background) แบบโทนร้อน (warm tone) เช่นเดียวกับสีน้ำตาล หรือ burnt oranges ในการออกแบบที่หลากหลายด้วย
จาก Color trends 2025 ทั้ง 8 เฉดสี แม้จะมีเฉดสีที่ค่อนข้างแตกต่างกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคนี้ก็เริ่มเห็นเฉดสีเหล่านี้ปรากฎอยู่ในงานออกแบบที่หลากหลายมากขึ้น เพราะแต่ละสีก็สามารถสร้างตัวตน และคาแรกเตอร์ของงานออกแบบได้ไม่ยาก ใครที่เป็นสายครีเอทีฟ หรืออยู่ในวงการออกแบบก็สามารถนำไปลองใช้กันได้เลย!