ท่ามกลางการทำการตลาดของแบรนด์ต่าง ๆ แม้จะต่างอุตสาหกรรมกัน แต่ก็สามารถมีวิธีคิดที่ทำให้แบรนด์มีความหมายเหมือนกัน หรือเข้าใจผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเหมือนกันได้ ซึ่งทาง Kantar มองว่าควรทำให้แบรนด์มีการเติบโตแบบ ‘Meaningfully different to more people’ อย่างที่ Global Brand 2024! จาก Kantar BrandZ Global Report จะช่วยให้โดดเด่นในแต่ละอุตสาหกรรมมากขึ้น
ซึ่งจากเฮดไลน์ที่กล่าวมานั้น มีเส้นทางในการนำไปใช้เพื่อให้แบรนด์แข็งแรงมากขึ้นได้ โดยเฉพาะเวลาที่กลุ่มเป้าหมายเริ่มเข้าถึงแบรนด์ดิงจนเกิด ‘Brand loyalty’ มากขึ้น เพราะพวกเขาพร้อมที่จะสนับสนุนแบรนด์ที่เชื่อใจบ่อยขึ้น ต่อให้จะมีราคาสูงก็ตาม โดยสามารถยึดจาก 3 หลักให้แบรนด์เติบโตได้ ดังนี้
- More People: กล้าที่จะลงทุนกับโฆษณา เพื่อโปรโมต และสร้างประสบการณ์ให้กับกลุ่มเป้าหมาย ว่าแบรนด์นี้พร้อมขาย
- More Present: ทำให้แบรนด์สามารถง่ายต่อการโน้มน้าวให้ถูกเลือกในมุมมองของผู้บริโภค
- More New Space: เพิ่มความต้องการของลูกค้าเสมอ และเปิดตัวโปรดักต์หมวดใหม่ ๆ ตามโอกาสเพื่อสร้างความแอ็กทีฟให้กับการสร้างแบรนด์ดิง
Blueprint for Brand Growth
Emotive connections
เพราะแบรนด์มักจะมีตัวตนมากที่สุดในความคิดของผู้บริโภค การแข่งกันเป็น ‘Top of mind’ จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับแบรนด์ในทุก ๆ อุตสาหกรรม เพราะเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่สามารถรู้สึก และเชื่อมต่อกันได้ โดยเฉพาะเมื่อแบรนด์มีข้อความ (message) ที่อยากจะสื่อสารด้วย
Difference matters
การที่แบรนด์สามารถสร้างความแตกต่างได้ จะช่วยทำให้แบรนด์สร้างคุณค่า (value) ต่อผู้บริโภคได้มากขึ้น ทั้งในแง่การได้รู้จักแบรนด์ และโดดเด่นในธุรกิจเดียวกัน โดยเฉพาะการสร้างคุณค่าในเชิงครีเอทีฟ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคนึกถึงแบรนด์เป็นอันดับแรก โดยลดความเสี่ยงการให้ความสนใจแบรนด์รองที่คล้ายกัน อยู่ที่ว่าจะเริ่มสร้างความแตกต่างด้วยอะไร
Meaningful brands
การจะทำให้แบรนด์มีความหมายมากขึ้น ต้องไม่ได้ตอบโจทย์ด้านการใช้งาน (function needs) เท่านั้น แต่ต้องตอบโจทย์ด้านอารมณ์ และความรู้สึกที่จะได้รับจากแบรนด์ด้วย (emotional needs) ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคอินได้ก็ต้องมีความเชื่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้ชัดเจน และความเชื่อนั้นต้องเป็นพลังบวก (positive) ไม่ว่าจะถูกนำเสนอ หรือเรียบเรียงการเล่าเรื่องอย่างไรก็ตาม
Meaningful Difference
หลักการในการสร้างแบรนด์ดิงแบบเข้าใจผู้บริโภคให้แตกต่างอย่างมีความหมาย โดยวัดจากประสบการณ์ และคำถามที่ถามกับตัวเองว่าอยากให้ประสบการณ์กับกลุ่มเป้าหมายอย่างไรให้แตกต่างได้บ้าง
- Effectiveness: การวัดจากคำมั่นสัญญาที่ให้กับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อส่งออกโปรดักต์ และการบริการที่มีคุณภาพสำหรับผู้บริโภค เพราะผู้บริโภคมักจะมีควเามคาดหวังต่อแบรนด์เสมอ
- Ease: การวัดจาก Interact ของผู้บริโภคต่อแบรนด์ ซึ่งแบรนด์จะต้องมีการโฟกัส และลดทอนบางอย่างเพื่อให้เข้าถึงช่องทางของแบรนด์ได้ง่ายที่สุด
- Affinity: การวัดจากระดับ empathy และ personal ที่เข้ามา Interaction กับแบรนด์ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อใจให้กับผู้บริโภคด้วย
- Uniqueness: การวัดจากการรับรู้ (perception) ที่แบรนด์โดดเด่นจากคู่แข่งในตลาดเดียวกัน และเข้าใจเหตุผลที่ผู้บริโภคไม่ยอมเปลี่ยนไปสนับสนุนแบรนด์อื่น
- Authenticity: การวัดที่โฟกัสจากความชัดเจน มั่นคง และความโปร่งใสของแบรนด์ ที่สอดคล้องไปกับ core value ที่ตั้งขึ้นมา
- Inspiration: การวัดจากความสามารถของแบรนด์ที่ตอบโจทย์ความคาดหวังของผู้บริโภคได้เสมอ อย่างการสร้าง magic moment ให้รู้สึกเซอร์ไพรส์ตลอด
Brand Building
- Product Placement 2.0: เรียนรู้การใช้ Generative AI ในการบูสต์ความครีเอทีฟสำหรับโฆษณาบนมีเดีย และแพลตฟอร์มเอนเตอร์เทนเมนต์มากขึ้น โดยเฉพาะการสื่อมากขึ้นผ่าน Video Content
- Allow Partners Room to Play: มีพื้นที่ให้เหล่าพาร์ตเนอร์ได้ปล่อยของ และเพิ่มความโดดเด่นให้กับแบรนด์ได้ทำอะไรใหม่ ๆ ที่ฉีกจากกรอบเดิมมากขึ้น
- Go Live: การแข่งขันขายพร้อมไลฟ์สตรีมเริ่มดุเดือดมากขึ้น แบรนด์ไหนที่ยังไม่ได้ลงสนามนี้ก็จะพลาดการสร้างเอ็กซ์คลูซีฟโมเมนต์กับผู้บริโภคไป
Category Brand Value
ประเภทของแบรนด์ที่มีการเติบโต และสร้างเม็ดเงินมากที่สุดเมื่อเทียบกับทุกอุตสาหกรรม เพราะได้รับความสนใจจากทั้งผู้บริโภค และการลงทุนด้วยเม็ดเงินโฆษณา
- Alcohol: 5% ($232,743 M)
- Apparel: 5% ($180,485 M)
- Automotive: 5% ($210,176 M)
- Business Technology And Services Platform: 45% ($2,336,695 M)
- Consumer Technology And Services Platform: 15% ($1,238,544 M)
- Fast Food: 15% ($392,025 M)
- Financial Services: 10% ($803,942 M)
- Food And Beverages: 0% ($288,037 M)
- Luxury: 8% ($356,936 M)
- Media And Entertainment: 34% ($1,347,214 M)
- Personal Care: -1% ($174,357 M)
- Retail: 4% ($631,571 M)
- Telecom Providers: -1% ($432,789 M)
Most Valuable Brand
Top 10 Brands
- Apple
- Microsoft
- Amazon
- McDonald’s
- Nvidia
- Visa
- Oracle
- Tencent
Top Risers
- Nvidia
- Google Cloud
- Uber
- Adobe
- Pinduoduo
- Sap
- Oracle
- AMD
Media And Entertainment
- Netflix
- YouTube
- TikTok
- Disney
- V.QQ.COM
จากสถิติของแบรนด์ระดับโลกไม่ว่าจะเป็น Top 10 หรือแบรนด์ในหมวดหมู่ไหนก็ตาม จะเห็นได้ว่าแต่ละแบรนด์นั้นแค่เห็นชื่อก็สามารถรู้ได้ว่าแบรนด์ทำอะไร มีคาแรกเตอร์อย่างไรในอุตสาหกรรมนั้น ๆ
ฉะนั้นการสร้างแบรนด์ดิงจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ว่าอยากให้กลุ่มเป้าหมายมองแบรนด์เป็นแบบไหน หรือวาง Position ให้โดดเด่นจากคู่แข่งตลาดเดียวกันได้อย่างไร เพื่อให้เป็นที่อยู่ในใจของผู้คน และสร้างคุณค่าบางอย่างให้กับสังคมนี้ได้