TikTok

Avatar

Thesky January 29, 2025

แชร์ ‘What’s Next Trend Report 2025’ จาก TikTok สิ่งที่ครีเอเตอร์ และแบรนด์ต้องปรับตัว

สำหรับ TikTok แล้วเรื่องของเทรนด์ไม่ได้มีแค่การเก็บมาจากอินไซต์ของผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังมีการรวบรวมมาจาก impact, culture และ methodlogy พร้อมสรุปออกมาเป็น Trend Moments, Trend Signals และ Trend Forces มาแชร์ให้รู้กันว่าเทรนดปี 2025 ต้องพร้อมรับมือกับอะไรบ้าง!

ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องของความครีเอทีฟ และ TikTok มักจะเป็นสิ่งที่มาคู่กันเสมอ ทำให้ปี 2025 เรื่องของ ‘Creative Storytelling’ ยังคงเป็นสิ่งที่ TikTok ให้ความสำคัญอยู่ เพื่อทำให้คอมมูนิตี้ของเหล่า TikToker ใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยมีส่วนผสมสำคัญ เพื่อประกอบขึ้นมาเป็นเทรนด์ปี 2025 ดังนี้

BRAND CHEM

‘เคมีกับแบรนด์’ เป็นสิ่งที่ถูกสร้าง และเชื่อมโยงมากับเคมีที่เข้ากันระหว่างแบรนด์ และครีเอเตอร์ ที่ต้องบาลานซ์ระหว่างสิ่งเหล่านี้

  • listening: การรับฟังความคิดเห็นระหว่างกัน
  • adapting: การปรับตัว และเปลี่ยนแปลงอย่างยืดหยุ่น
  • transforming: การสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ดิง หรือตัวตนของครีเอเตอร์

ซึ่งทั้ง 3 องค์ประกอบเหล่านี้จะเริ่มต้นได้ ก็ต่อเมื่อแบรนด์เปิดรับตัวตน และคอมมูนิตี้ของครีเอเตอร์เข้ามาด้วยความเข้าใจ พร้อมกับมีความตั้งใจที่จะขยายพื้นที่โอบรับกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ได้เป็นการเชื่อมต่อกันเท่านั้น แต่ต้องเป็นการก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นด้วยกลยุทธ์การตามหาสัญญาณ (signal)  คือ

BRAND FUSION

หรือที่เรียกกันว่าการสร้างไดนามิกของแบรนด์ที่ทำให้แข็งแรง และได้รับการตอบสนองมากขึ้น ผ่านการสร้างความสัมพันธ์ และเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งแบรนด์ที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์แบบนี้ จะต้องเชื่อมโยง และลดช่องว่างระหว่างการพรีเซนต์แบรนด์ดิง และการเชื่อมโยงในการโฆษณา หรือผ่านแคมเปญมากขึ้น

  • Signal 1: Creator Spread

ในตอนนี้ ‘Social voice’ เป็นสิ่งสำคัญ แต่ ‘Creators voice’ ก็สำคัญไม่แพ้กันในการสร้างความน่าเชื่อถือ เพราะผู้คนในส่วนใหญ่ตอนนี้กลายมาเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์เยอะขึ้น การมีเสียงที่ดังที่สุดในการโน้มน้าวได้ ก็มักจะมาจากเหล่าครีเอเตอร์กว่า 50% ที่ช่วยอัปสเกลในการสร้างอิทธิพลต่อแบรนด์ด้วย ต่อให้แบรนด์นั้นจะอยู่ใน niche market ก็จะสามารถกลายเป็น mass market ได้

  1. Campaign Objective: บูสต์ยอดเอนเกจเมนต์ที่ปรับแต่งไปตามครีเอเตอร์แต่ละคนตามลักษณะช่อง และคอนเทนต์ เพื่อดึงดูดความสนใจ และรีแอ็กชันต่าง ๆ จากกลุ่มเป้าหมายได้
  2. Visual Cues: กลุ่มเป้าหมายมักจะชอบคอนเทนต์ที่ครีเอเตอร์แชร์ความรู้สึก หรือความคิดเห็นแบบไม่ตัดต่อ หรือตามบรีฟเยอะ เพราะดูน่าเชื่อถือมากกว่า
  • Signal 2: Trust Fund

การสร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์ บางครั้งการใช้แค่โปรดักชันเล่าเรื่องอาจไม่เพียงพอในยุคนี้ แต่ต้องมีกลยุทธ์ที่ทำให้รู้สึกว่าแบรนด์นั้นเข้าถึงง่ายขึ้น เช่น street interviews หรือการสัมภาษณ์ผู้คนที่เดินไปมาแบบแรนด้อม หรือการแชร์อินไซต์ และเบื้องหลังของแบรนด์ให้ได้รู้

  1. Campaign Objective: ลุยทำการตลาดตามร้านค้า (store) และละแวกที่ ๆ กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์อยู่มากขึ้น เพื่อสร้างโมเมนต์แบบเอ็กซ์คลูซีฟให้แบรนด์มีความเฟรนด์ลี่
  2. Visual Cues: ยุคนี้ผู้คนชอบอะไรที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง และให้ความรู้สึกเรียล การที่แบรนด์มีคอนเทนต์สัมภาษณ์ตามท้องถนน หรือตามอีเวนต์ต่าง ๆ จะทำให้ความคิดเห็นเหล่านั้นถูกชักจูงได้มากขึ้น
  • Signal 3: Constant Confident

เพราะคอมมูนิตี้ และครีเอเตอร์เป็นสิ่งที่ต้องเติบโตควบคู่กันไปกับแบรนด์ที่ใช่ ฝั่งครีเอเตอร์ และคอมมูนิตี้ต่างก็คาดหวังให้แบรนด์เป็นพันธมิตรที่ดีในการร่วมลงทุน และพากันเติบโตไปในทิศทางที่ต้องการ ซึ่งจากเดิมที่กลุ่มเป้าหมายมักจะรอแบรนด์เข้ามาขาย ตอนนี้ต้องการแบรนด์ที่อยู่ตรงนั้นเพื่อพวกเขาให้มากที่สุด

  1. Campaign Objective: มีการเรียนรู้จากคอมมูนิตี้ของครีเอเตอร์ และกลุ่มเป้าหมายเสมอ ตั้งแต่ความต้องการ ภาษา และแรงจูงใจที่จะทำให้ไว้ใจแบรนด์ได้
  2. Visual Cues: สร้างคาแรกเตอร์ให้กับคอนเทนต์ของแบรนด์ เพื่อสื่อสารถึงแบรนด์ดิงเสมอ ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษร เพลง หรือมาสคอต และอีโมจิที่ใช้ เป็นต้น

Creative Supply Chain

คือ ระบบของการพัฒนาผู้คน กระบวนการ และเทคโนโลยีควบคู่กัน เพื่อทำให้เข้าใจ และสร้างตัวเลือกที่หลากหลายในการปลดล็อกศักยภาพ รวมถึงโอกาสใหม่ ๆ ให้กับแบรนด์

  1. Planning: ตามหาจุดประสงค์ และยกระดับบรีฟที่ต้องการเสมอ
  2. Ideation: เพิ่ม creative direction ในการสร้างคอนเซปต์
  3. Production: สร้าง และตัดต่อด้วย content assets
  4. Approvals: ตรวจสอบ และตามหาพาร์ตเนอร์ที่ใช่
  5. Delivery: จัดหาแพลตฟอร์ม หรือช่องทางที่เหมาะสมในการนำเสนอคอนเทนต์
  6. Measurement: ติดตามผลลัพธ์ของคอนเทนต์ หรือแคมเปญอย่างสม่ำเสมอ เพื่อวางแผนกลยุทธ์ในอนาคต

IDENTITY OSMOSIS

แบรนด์ในปัจจุบันเริ่มมีการปรับตัว และเปลี่ยนแปลงที่ยืดหยุ่นไปตามกระแส และเทรนด์ที่มาจากความสนใจของผู้บริโภคมากขึ้นแล้ว แถมยังมีการรีเฟรชให้เกิด ‘brand identity’ ใหม่ ๆ อยู่ตลอดด้วย

  • Signal 1: Power of Perspectives

ตอนนี้การทำแค่คอนเทนต์เดียว หรือนำเสนอแคมเปญจะต้องมีการมองให้รอบด้าน และครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งแบรนด์จะต้องมองให้กว้าง และมองแบบระยะยาวมากขึ้นไปด้วย เพราะความสนใจของคนดูไม่มีขอบเขต และถูกโน้มน้าวกับสิ่งใหม่ได้ตลอดเวลา เช่นเดียวกับที่ TikTok มักจะมีอัลกอริทึมแนะนำคอนเทนต์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ

  1. Campaign Objective: แบรนด์สามารถประยุกต์ใช้คอนเทนต์แบบ POV เพื่อนำเสนออีกมุมมองหนึ่งได้ โดยเฉพาะช่วงเวลานำเสนอโปรดักต์ใหม่ หรือต้องการกระชับความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย เพราะทุกความคิดเห็นที่แม้จะต่างมุมมองกันล้วนสำคัญทั้งหมด
  2. Visual Cues: ยิ่งคอนเทนต์สั้น ก็ยิ่งทำให้ความเข้าใจง่ายขึ้น เพราะช่วงเวลาที่กลุ่มเป้าหมายจะสนใจ และถูกดึงดูดได้จะเริ่มสั้นลง คอนเทนต์จึงต้องมีภาพ และเสียงที่น่าดึงดูดมากพอในช่วง 3-7 วินาที
  • Signal 2: Girls are Girlling

ในตอนนี้เรื่องของ ‘Girlhood’ และ ‘Women empower’ ถูกขับเคลื่อนมากขึ้น เพราะโลกของผู้หญิงไม่ได้มีแค่สีชมพูอย่างที่เข้าใจกัน แต่มีอินไซต์ หรือคอนเซปต์ที่แบรนด์สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้มากกว่านั้น

  1. Campaign Objective: แบรนด์สามารถประยุกต์ใช้คอนเทนต์แบบ POV เพื่อนำเสนออีกมุมมองหนึ่งได้ โดยเฉพาะช่วงเวลานำเสนอโปรดักต์ใหม่ หรือต้องการกระชับความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย เพราะทุกความคิดเห็นที่แม้จะต่างมุมมองกันล้วนสำคัญทั้งหมด
  2. Visual Cues: ควรมีทรานซิชัน หรือวิชวลบางอย่างที่เชื่อมโยงกับความรู้สึก หรือให้แรงบันดาลใจเกี่ยวกับการใช้ชีวิต
  • Signal 3: In OUR Era

ผู้คนใน TikTok ให้ความสำคัญกับการตลาดที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จ และสุขภาพจิตแบบส่วนบุคคลมากขึ้น เพื่อทำการพัฒนาตัวเองได้มากขึ้น ทำให้คอนเทนต์เกี่ยวกับแนวทางการใช้ชีวิต และรักตัวเองมีความหมายมากกับคนในยุคนี้

  1. Campaign Objective: การทำความเข้าใจบุคลิก และความสนใจแบบรายบุคคล ที่กำลังหานิยาม หรือเป้าหมายใหม่ในการใช้ชีวิตจะช่วยทำให้กลุ่มเป้าหมายอยากเปิดใจให้กับแบรนด์ หรือโฆษณา และแคมเปญมากขึ้น เพราะมีคีย์ หรือโมเมนต์ในการสร้างการเติบโตให้ได้
  2. Visual Cues: มีการใช้คำศัพท์ หรือแนวคิดเชิงบวก (positive thinking) ประกอบในคอนเทนต์เพื่อสื่อสารอยู่เสมอ รวมถึงสามารถสร้างมู้ดที่สงบ และทำให้ทบทวนชีวิต ในการต่อยอดสู่การสร้างแรงบันดาลใจได้

CREATIVE CATALYSTS

ความครีเอทีฟมักจะมาพร้อมกับข้อจำกัด หรือขอบเขตบางอย่างที่ไม่สามารถไปถึง หรือทำให้เกิดขึ้นจริงได้ปะปนอยู่เสมอ แต่หากรู้จักใช้เครื่องมือ หรือเทคโนโลยีเข้ามาช่วยก็จะก้าวข้ามผ่านอุปสรรคเหล่านั้นไปได้

  • Signal 1: AI Eases Everyday

ชาว TikToker ในตอนนี้เริ่มใช้ AI เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้สิ่งที่จินตนาการเกิดขึ้นจริงได้มากขึ้น เพราะบางครั้งความครีเอทีฟก็ถูกจำกัด เพราะไม่สามารถถูกทำให้เกิดขึ้นจริงได้ แต่ AI สามารถทำได้

  1. Campaign Objective: แบรนด์ต่าง ๆ เริ่มมีการใช้ AI เข้ามาสร้าง personalized เรื่องของ customer experiences ภายในแอป หรือคอนเทนต์ และแคมเปญมากขึ้น เพื่อให้แมทช์กับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ
  2. Visual Cues: ใช้ AI ในการช่วยสร้างคาแรกเตอร์ หรือสถานที่ที่เกินความเป็นจริง เพื่อทำให้แบรนด์เสมือนมีโลกของตัวเอง และให้ผู้คนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ในการสร้างเรื่องราว หรือต่อยอดแบรนด์ดิงใหม่ ๆ
  • Signal 2: Remix Recycle

เพราะเทศกาลต่าง ๆ มักจะมาไว และไปไว้ บางครั้งแบรนด์ และนักการตลาดก็อาจจะต้องมีการปรับตัว เพื่อให้คอนเทนต์นั้นไม่สูญเปล่า และสามารถต่อยอดได้ในระยะยาวมากขึ้น

  1. Campaign Objective: ด้วยต้นทุนการทำตลาดมักจะถูกใช้ในระยะสั้น และมากเกินความจำเป็น การบริหารให้ต้นทุนสามารถถูกควบคุม และรีมิกซ์คอนเทนต์ในระยะยาวมากขึ้น จะช่วยให้แบรนด์ประหยัดได้
  2. Visual Cues: บางครั้งคอนเทนต์ก็ไม่จำเป็นต้องมากับโปรดักชันที่ยิ่งใหญ่ แต่หากมีคอนเซปต์ และการสื่อสารที่แข็งแรงพอ ต่อให้เป็นคอนเทนต์มีมที่มีโปรดักชันแค่กล้องโทรศัพท์เครื่องเดียว ก็สามารถดึงความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย และเป็นไวรัลได้
  • Signal 3: Comment to Cart

เสียงของกลุ่มเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นที่ดี หรือไม่ดี ทุกอย่างล้วนเป็นการแนะนำที่ดีต่อแบรนด์เสมอ เพราะฟีดแบ็กเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ปบรนด์เกิดการพัฒนาได้

  1. Campaign Objective: การรับฟังความคิดเห็นทั้งด้านบวก และลบ รวมถึงมีการแก้ไข และพัฒนาจากเสียงกลุ่มเป้าหมายเสมอ จะทำให้แบรนด์สร้างความเชื่อใจ และนำไปสู่การสร้าง ‘brand loyalty’ ต่อผู้บริโภคได้
  2. Visual Cues: เมื่อมีการอัปเดตโปรดักต์ใหม่ ๆ ที่มาจากคอมเมนต์ใน TikTok ผู้บริโภคก็มักจะอยากที่จะสร้างอิทธิพล และเห็นผลลัพธ์ที่แนะนำไปจากแบรนด์ที่แสดงความใส่ใจต่อผู้บริโภค

จากสัญญาณทั้งหมดที่ทำให้ครีเอเตอร์ หรือแบรนด์ได้มีการพัฒนา และเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น เรียกได้ว่า TikTok ได้แชร์มาให้หมดแล้วไม่มีกั๊กในรีพอร์ตนี้ ซึ่งใครที่ทำคอนเทนต์บน TikTok อยู่ RAiNMaker ก็เชื่อว่าจะนำไปสู่การต่อยอดที่ดี เพื่อให้การสร้างแบรนด์ดิง และตัวตนที่มั่นคงได้อย่างแน่นอน

หรือใครที่ต้องการผู้ช่วยบน TikTok ในการหาไอเดีย หรือช่วยสร้างคอนเทนต์ที่มีสว่นผสมของเทรนด์ปี 2025 ก็สามารถใช้แอ็กเคานต์ TikTok Business ในการเข้าไปใช้งาน ‘Symphony Assistant’ ใน Creative Center ได้เลย!

ที่มา: https://www.discover-tiktok.com/whats-next-2025

Copyright © 2025 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save