ทุกวันนี้เชื่อว่าหลายคนคงดูจะโปรกับการทำเพจบน Facebook, การเขียน Blog และการเล่น Twitter แต่ยังมีอีกหนึ่งดินแดนที่น้อยคนมากที่จะรู้จักและโปรกับมัน และคนที่โปรก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่ใช่กลุ่มของผู้ทำคอนเทนต์เท่าไหร่ ดินแดนนั้นคือ Instagram หลังจากที่เปิดตัวมา 2010 เพียงแค่ 3 ปีหลังจากที่ Apple มาเขย่าโลกด้วยการเปิดตัว iPhone หลังจากนั้น 2 ปี Instagram ก็ถูกซื้อโดย Facebook
ทุกวันนี้ Instagram มีการเติบโตที่สูงมาก ในปีที่ผ่านมา ข้อมูลจาก Wisesight บอกเราว่า ในประเทศไทยมีผู้ใช้งาน Instgram ทั้งหมด 13.6 ล้านคน และมีการเติบโตจากเดิม 24% ในขณะที่ Facebook เติบโตแค่ 4%
- การใช้งาน Instagram ของไทยอยู่ที่อันดับ 14 ของโลก
- วันและเวลาที่คนไทยใช้ IG คือ วันเสาร์อาทิตย์ (กิน ชอป เที่ยว)
สิ่งนี้เป็นการบ่งบอกว่า Instagram กำลังจะมาแรงมากในช่วงปีนี้และปีต่อ ๆ ไป เราจะเริ่มเห็นว่าหลาย ๆ สำนักข่าวเช่น Workpoint หรือสำนักคอนเทนต์ออนไลน์อย่าง The MATTER และ The Standard ก็หันไปใช้งาน Instagram กันมากขึ้น ยังไม่นับรวมแบรนด์ต่าง ๆ เช่น SCB ที่ทุ่มทุนทำแคมเปญโฆษณา “แนวตั้ง” เพื่อเล่นบน Instagram
วันนี้ทีมงาน RAiNMAKER จะพาไปดู 5 เหตุผลที่ให้เราจำไว้เลยว่า เราต้องหันมาจริงจังกับ Instagram ให้มากขึ้น และควรจริงจังตอนนี้เลยก่อนที่จะถูกทิ้งในโลกแห่งคอนเทนต์ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
1. Instagram คืออนาคตของ Social Media
Instagram คือ Social Media ที่เกิดขึ้นมาในยุค Smart Phone คือหลังยุค Blogging (Facebook เปิดตัวมาในยุค Blogging) ทำให้คนสามารถดึงศักยภาพของ โทรศัพท์มือถือออกมาได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน เช่นการอัพโหลดรูปที่ถ่าย ณ ขนาดนั้น (ที่ภายหลังยังคงคอนเซปเดิมแต่ในรูปแบบของ Story) ซึ่งจะพบว่าทุกวันนี้มันก็ยังคงทำหน้าที่ในแบบที่มันควรจะเป็น คนใช้งาน Story กันเยอะมาก และ Story นี่แหละที่จะเป็นอนาคตของ Content
และแม้กระทั่ง Facebook เอง ยังมีความพยายามที่จะทำ Story ให้กลายมาเป็นฟีเจอร์หลักของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
2. ทุกวันนี้ยังไม่มีใครโปรบน Instagram และคุณจะได้เป็นคนทำคอนเทนต์รายแรก ๆ ที่อาจจะโปรกับมัน
อย่างที่บอกไปว่านอกจากดารา, คนดัง, แม่ค้า ในบรรดา Content Creator ยังไม่มีใครที่ดูเหมือนว่าจะทำคอนเทนต์ที่ออกแบบมาสำหรับ Instagram เฉพาะได้อย่างดี ซึ่งแน่นอนว่า Instagram ยังใหม่มาก เราอาจจะต้องใช้เวลาซักพักในการเรียนรู้กับมัน “อย่าให้ Instagram เป็นแค่ช่องทางที่เอารูปจาก Facebook ไปลง หรือเอา Story ที่เป็นภาพชุดของ Facebook ไปลง” เราต้องพยายามจับทางให้ได้ว่า Instagram มันเป็นยังไงกันแน่
นี่คือช่วงโอกาสที่เราจะได้ยิ่งชิงทักษะการทำสื่อบนโซเชียลตัวใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงมากอย่าง Instagram
3. Instagram ชนะสงครามกับ Snapchat ไปแล้ว และกำลังจะครองโลก
ก่อนหน้านี้เราอาจจะรู้ดราม่าว่า Instagram ก็อปฟีเจอร์ Story ของ Snapchat ไปเรียบร้อยแล้ว รวมถึงการทำ Direct message ต่าง ๆ ที่ก็เพิ่มเข้ามาทีหลัง แต่อย่างว่า Good Artist Copy, Great Artist Steal ตอนนี้ฟีเจอร์พวกนี้ได้กลายมาเป็นฟีเจอร์ของ Instagram ไปเรียบร้อยแล้ว และหลายคนก็ไม่ได้สนว่ามันจะมาจาก Snapchat หรือใคร
ข้อมูลจาก Statista บอกเราว่าในช่วงต้นปี 2017 ยอดผู้ใช้งานต่อวันของ Instagram Story ได้สูงเอาชนะ Snapchat Story ไปแล้ว และยังคงเติบโตอย่างพุ่งทะยานเปรียบเทียบกับ Snapchat ที่แน่นิ่งราวกับว่าไม่มีใครสนใจมันอีกแล้ว
การเอาชนะอย่างเลือดเย็นของ Instagram นั้นคือความ Global ของมัน ที่มีทั้งฐานผู้ใช้เดิมอยู่แล้ว และการใช้ “เพื่อน” เป็นตัวดึงดูดให้ผู้ใช้งานที่ยังไม่เล่น Instagram มาเล่น Instagram แน่นอนว่าในไทย เราชวนเพื่อนเล่น Instagram ง่ายกว่าชวนเพื่อนเล่น Snapchat อยู่แล้ว ดังนั้น ทั้งในด้านการดึงดูดและปริมาณ ทำให้ Instagram ตอนนี้ชนะสงครามกับ Snapchat ไปแล้วเห็น ๆ
4. Social Media กับข่าวจะแยกกันโดยสมบูรณ์ ดังนั้นจะเหลือดินแดนสำหรับคอนเทนต์ Lifestyle เท่านั้น และนั่นคือ Instagram
อีกหนึ่ง Trend ที่น่าสนใจก็คือต่อไปนี้ เราอาจจะได้เห็นการแบ่งแยกระหว่าง News กับ Social Media มากขึ้นเนื่องจากที่ผ่านมาเราได้พิสูจน์กันมาแล้วว่า News บน Social Media นั้นเป็นเรื่องที่สามารถสร้างความวุ่นวายได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น Fake News หรือ ปรากกฏการณ์ Echo Chamber ต่าง ๆ แม้กระทั่ง Facebook เองยังพยายามลด ๆ คอนเทนต์พวกข่าวหรือบทความให้ผู้ใช้งานเห็นเรื่องราวของเพื่อนมากขึ้น ส่วน Publisher ก็หันมาพึ่งพาตัวเองด้วยการทำช่องทางของตัวเองให้แข็งแกร่ง และนำคอนเทนต์ไปลงในแอพอ่านข่าว เช่น Apple News, Google News
ในขณะที่ Instagram นั้น ความน่าสนใจของมันอยู่ตรงที่ลักษณะการทำคอนเทนต์จะเป็นในเชิงเนื้อหา, ข่าว หรือประเด็นที่มีความ relate กับชีวิตหรือ lifestyle ซึ่งก็เป็นประเด็นน่าสนใจอีกว่า เราจะทำคอนเทนต์ยังไงให้อยู่บน Instagram ได้อย่างไม่ฝืน และกลายเป็นช่องทางให้คนเข้าหาคอนเทนต์ในช่องทางอื่น ๆ ของเรา
5. เรากำลังก้าวสู่ยุคที่คอนเทนต์เปลี่ยนใหม่ทั้งหมด เมื่อคนในยุค Digital Native เติบโตขึ้นมา ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหมด
ก่อนหน้านี้ผู้เขียนเคยเขียนบทความเรื่อง ยุค Post-Facebook เมื่อสถานะทางสังคมออนไลน์ได้มาแต่กำเนิด ซึ่งมันได้อธิบายหัวข้อนี้ไว้หมดแล้วว่า สิ่งที่เราต้องโฟกัสเลยก็คือ วิธีการเสพข่าวสารของคนและธรรมชาติของการรับรู้ข่าวสารในยุคปัจจุบัน ยังของข้อมูล ยุคที่เราเสพข้อมูลกันใน 1 วันมหาศาลและต้องตัดสินใจกันแทบ ณ ตอนนั้น เราจะมีวิธีทำคอนเทนต์อย่างไรเพื่อรองรับยุคที่กำลังจะเกิดขึ้น คือยุคที่ Social Network ไม่ใช่สิ่งใหม่ที่น่าตื่นเต้นอีกต่อไป แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราอย่างแรกไม่ออกแล้ว
ดังนั้นจากเหตุผลทั้งหมดนี้ คงทำให้หลาย ๆ คนเริ่มคิดที่จะหันมาทำคอนเทนต์แบบจริงจังลงใน IG มากขึ้น ไม่ใช่แค่เป็นช่องทางเสริมจาก Facebook หรือ Twitter เพราะเราเชื่อว่าโอกาสเติบโตของ Instagram ยังมีอีกเยอะและน่าสนใจตรงที่วันหนึ่ง มันอาจจะกลายเป็นอนาคตของโลกโซเชียลจริง ๆ