ดูเหมือนว่าปี 2019 นี้สำหรับในฝั่ง Digital Content จะเริ่มต้นกันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หลังจากที่มีการประกาศเลิกจ้างจากบริษัทในฝั่ง Online Content กันมากมายตั้งแต่ BuzzFeed หรือ HuffPost ล่าสุด ก็ได้มีข่าวรายานมาว่า VICE ก็เตรียมปรับลดพนักงานเช่นกัน โดยจะมีพนักงานที่ได้รับผลกระทบมากกว่า 250 คน หรือนับเป็น 10% ของทั้งหมด ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบส่วนมากจะอยู่ในส่วนที่เป็น non-core หรือไม่ได้เป็นแกนหลักของบริษัท รวมถึงสำนักงานในต่างประเทศของ VICE
VICE นั้นนอกจากเว็บไซต์แล้ว เราก็จะรู้จักกันดีในแง่ของ Publisher ที่ทำสารคดีหรือ Longform Video ที่สนุกมาก ๆ รายหนึ่ง รวมเนื้อหาตั้งแต่ข่าวสารทั่วไปจนถึงคอนเทนต์สารคดีเจาะลึกในสงคราม (ถ้าใกล้ ๆ บ้านเรา ก็เช่นสารคดีสงครามกลางเมืองในฟิลิปินส์ที่มีการรบกับกลุ่ม ISIS) ซึ่งสิ่งนี้กลายเป็น Core หลักของ VICE ไปแล้ว รวมถึง VICE เองก็ยังได้ Licensed Content ไปให้ TV ด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งการลดพนักงานของ VICE นี้ Forbes ก็รายงานว่า เป็นการทำให้ VICE ได้โฟกัสกับคอนเทนต์ที่เป็นแก่นหลักคือ TV และ Branded Content มากขึ้น
อ้างอิงจาก Digiday ได้วิเคราะห์ว่า จริง ๆ แล้วการเลิกจ้างพนักงานของ VICE นั้นกระทบในทุกส่วน แต่ส่วนที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือส่วนที่เป็น non-core และ International โดยเฉพาะสำนักงานในต่างประเทศ ซึ่งในเว็บไซต์ VICE เองก็ได้ List รายชื่อสำนักงานในต่างประเทศทั้งหมดมากถึง 23 ประเทศ ที่อยู่นอกสหรัฐ (แม้กระทั่งในสหรัฐเองก็มีสำนักงานตั้งอยู่ถึง 3 ที่ได้ แก่ ไมอามี นิวยอร์ค และลอสแองเจลิส)
VICE นั้นเป็น Publisher รายใหญ่พอสมควร เป็นเจ้าของเว็บไซต์อีกหลายเว็บไซต์ รวมถึงเว็บแนวไอทีอย่าง Motherbord หรือคอนเทนต์เบา ๆ อย่าง Broadly และสำนักข่าว VICE NEWS แน่นอนว่า VICE อาจต้องลดการโฟกัสในส่วนนี้แล้วหันมาทำสิ่งที่ทำให้ตัวเองได้กำไรจริงจังอย่าง สารคดี หรือคอนเทนต์วิดีโอมากขึ้น ซึ่งก็อาจจะคล้าย ๆ การที่ BuzzFeed ต้องปรับลดพนักงานลงเพื่อหันไปโฟกัสกับสิ่งที่ตัวเองทำกำไรได้จริง ๆ จัง ๆ เหมือนกัน เพราะที่ผ่านมา รายได้ของ VICE ก็ไม่ได้น้อยเลย อยู่ที่ 600 – 650 ล้านเหรียญ นับว่าเยอะมาก รวมมูลค่าเม็ดเงินจากการลงทุนทั้งหมดสูงถึง 5 พันล้านเหรียญ รวมถึงมีผู้ลงทุนใหญ่ ๆ อย่าง Disney ร่วมอยู่ด้วย
น่าติดตามว่าอนาคตทิศทางของการทำคอนเทนต์ในต่างประเทศจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้เหมือนกับทุก Publisher กำลังปรับจากการทำทุกอย่างที่คิดว่าดี ไปหายึดเกาะกับสิ่งที่ตัวเองทำแล้วได้กำไรกันมากขึ้น ก็ไม่แน่ว่าสิ่งนี้อาจจะเกิดขึ้นกับ Online Publisher ของไทยในเร็ว ๆ นี้เช่นกัน