ADOBE ได้จัดงานเปิดตัว “ADOBE MAX 2021 : ปลดปล่อยพลังสร้างสรรค์สำหรับ ‘ทุกคน’ ด้วยครีเอทีฟคลาวด์เน็กซ์เจน (Next-Gen of Creative Cloud)” ขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 26-28 ตุลาคม ซึ่งมีการอัปเดตฟีเจอร์ และเครื่องมือมากมาย เพื่อช่วยปลดปล่อยพลังการสร้างสรรค์ และอำนวยความสะดวกการทำงานสำหรับทุกคน แถมครั้งนี้ยังโฟกัสไปที่การเชื่อมต่อที่ง่ายขึ้นผ่านเว็บเบราว์เซอร์อีกด้วย จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูกันดีกว่าค่ะ
Adobe Stock
- รวม Hub สำหรับ Creative assets ไว้ในที่เดียวทั้งภาพ เสียง วิดีโอ เวกเตอร์ต่าง ๆ
- การค้าหาด้วย “Audio Find Similar”
- เพิ่มการฟิลเตอร์ Shot Size และมุมวิดีโอ
- เพิ่ม Audio partners มากถึง 4 เจ้า
- มี Content partnership กับ Cultura
Adobe Creative Cloud
- Creative Cloud Spaces : พื้นที่ดิจิทัลสำหรับขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันระหว่างทีม เพิ่มการเข้าถึง การจัดการ และการแชร์ไฟล์ได้ง่ายขึ้น โดยรวมทุกสิ่งที่ต้องการไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นไฟล์โปรเจ็กต์ ไลบรารี และลิงก์ภายนอก โดยสามารถเข้าถึงได้จากเดสก์ท็อปและโทรศัพท์ผ่านทาง Creative Cloud Web ได้ทั้ง Photoshop, Illustrator, Fresco และ XD
- Creative Cloud Canvas : ทำให้เห็นภาพ ตรวจงาน และ Collaboration ได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญทำได้แบบเรียลไทม์ผ่านเว็บเบราวเซอร์ สามารถลิงก์ไปยัง Library และไฟล์ต้นฉบับได้ภายในคลิกเดียว รวมถึงวางรูปทรง ข้อความ รูปภาพ สติกเกอร์ และไฟล์จาก Creative Cloud ได้ด้วย
เมื่อเพิ่มคนที่จะแชร์ด้วย พวกเขาจะสามารถเห็นทุกไฟล์ที่อยู่ในนั้นทั้งหมด โดยที่ไม่ต้องไปขอสิทธิ์การเข้าถึงให้ยุ่งยาก แถมง่ายต่อการติดตามงานแต่ละโปรเจ็กต์ รู้ว่างานชิ้นไหนมีขั้นตอนถึงไหนแล้ว ส่วนการอัปโหลดก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงลากไฟล์บนเครื่องมาวาง และจัดหมวดหมู่ได้ตามที่ต้องการ
Photoshop & Illustrator on web
- เพิ่มการ Collaboration กับทีมได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บเบราวเซอร์ ไม่ว่าจะเป็นการคอมเมนต์ ฟีดแบ็ก หรือแก้งาน โดยการแชร์ไฟล์ผ่านการแอดอีเมล รวมถึงสามารถเลือกเปิดได้ทั้งบนเบราว์เซอร์และโปรแกรม
- สามารถคอมเมนต์ผ่านการกดปักหมุด (Pin) ในการปักหมุดไว้ที่จุดที่ต้องการคอมเมนต์ หรือเลือกตัวเลือกวาดรูป (Draw) เพื่อเน้นย้ำให้เห็นคอมเมนต์ชัดเจน สามารถเปิดได้ทั้งบน Photoshop และเบราว์เซอร์
- เพิ่ม Cloud documents ในเว็บเบราวเซอร์
- สามารถเข้าถึงขั้นตอนการแต่งแสงได้ด้วยเครื่องมือดีไซน์ที่สำคัญ
Photoshop
- Neural Filters : หน้าที่หลักของฟีเจอร์คือ จะช่วยทำให้การปรับแต่งเอฟเฟ็กต์ และสี เปลี่ยนสีตามธีม ฤดูกาล ที่จะทำให้ง่ายขึ้นด้วยเทคโนโลยี AI รวมถึงปรับความคมชัด และเบลอหน้าหลังได้ง่ายมากขึ้น นอกจากนี้ยังรองรับไฟล์ Raw บน iPad อีกด้วย
- Object Selection Tool : อัปเกรดขึ้นไปอีกขั้น ไม่ใช่แค่แยก Mask ตัว Object ออกจาก Background เท่านั้น แต่จะคำนวณแยก Object แต่ละชิ้นออกจากกันได้ด้วย
- ทำงานร่วมกับ AI ได้ดีขึ้นมาก ถ้าคัดลอกเวกเตอร์จาก AI มาลงใน Photoshop โปรแกรมจะทำการแยกเลเยอร์มาให้แก้ไขต่อในโปรแกรมได้ทั้งหมด ซึ่งเมื่อก่อนจะรวมกันเป็นชิ้นเดียว
Illustrator
- 3D Tools : เพิ่มความสะดวกในการทำเวกเตอร์แบบ 3D ได้ง่ายขึ้น การเข้าถึงวัสดุ Substance 3D บนเดสก์ท็อป และพรีวิวเทคโนโลยี Vectorize ซึ่งอาศัยเทคโนเลยี Adobe Sensei บน iPad
Lightroom
- Select Sky & Select Subject : เครื่องมือที่ช่วยให้ Mask สีท้องฟ้าและ Object ออกจากกันได้ทันที ทำให้แต่งสีแยกกันได้โดยที่ไม่ต้องมานั่ง Mask เอง
- AI-powered recommend preset : แนะนำ Preset แต่งสีภาพด้วยเทคโนโลยี AI
- Part Community : ที่เพิ่มเข้ามาในโปรแกรมทั้ง Community Remixing และ Lightroom Academy เพื่อให้คนอื่น ๆ สามารถดูรูปของเรา และลองแต่งภาพใหม่ตามสไตล์ตัวเองได้
- Lightroom Academy : การเปิดสอนเรียนรู้โปรแกรม Lightroom
Premiere Pro
- ปรับปรุงฟีเจอร์ Speech-to-Text และฟีเจอร์ Remix รุ่นเบต้า ที่ใช้ระบบ AI
- ใช้ระบบ AI ในการช่วยมิกซ์เพลงและตัดให้อัตโนมัติ เมื่อเพลงยาวกว่าตัวคลิปวิดีโอจริง โดยที่ไม่ต้องนั่งมิกซ์เพลงใหม่เอง ซึ่งในขณะนี้ยังใช้งานได้เฉพาะเวอร์ชันเบต้า
After Effects
- พรีวิวและเรนเดอร์เร็
วขึ้น ด้วย Multi-Frame Rendering และฟีเจอร์ Scene Edit Detection รุ่นเบต้า ด้วยระบบ Adobe Sensei
Behance Creative Community
- สร้างรายได้จากงานครีเอทีฟ ด้วยระบบสมัครสมาชิก (Subscriptions) โดยครีเอเตอร์จะได้ผลประโยชน์เต็ม 100% ไม่มีค่าธรรมเนียมจากแพลตฟอร์ม
- สามารถค้นหาต้นแบบงานที่น่าสนใจได้จาก XD และอื่น ๆ อีกมากมาย
- เพิ่มการค้นหา “More like this” ด้วยระบบ Sensei ที่ช่วยให้ค้นพบผลงานในสไตล์ที่ชอบ
- แสดง NFTs บนโปรไฟล์และโปรเจ็กต์
Content Authenticity Initiative
นอกจากนี้ เพื่อสนับสนุนการยืนยันข้อมูล Adobe ได้เพิ่ม Content Credential ใน Photoshop ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่แสดงรายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นตัวยืนยันผลงานได้ ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมที่ใช้, การแก้ไขและกิจกรรมทั้งหมด Assets ที่ใช้ รวมถึงชื่อคนทำ โดยสามารถ Export โดยเลือก Content Credentials ให้คนอื่นสามารถเห็นข้อมูลต่าง ๆ ได้เช่นเดียวกัน และสามารถเห็นการอัปเดตได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย
สามารถทำได้โดยการเปิด Content Authenticity แล้วลากไฟล์มาวาง จากนั้นจะเห็นรายละเอียดข้อมูล และประวัติการแก้ไขทั้งหมดใน Content Credential ที่จะแสดงขึ้นมาบนแถบด้านขวามือ นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับ NFT แพลตฟอร์มหลัก ๆ อย่าง KnownOrigin, OpenSea, Rarible และ SuperRare และสามารถลิงก์บัญชีโซเชียลมีเดียไปยัง Crypto Wallet ได้อีกด้วย
ขณะนี้สมาชิก Creative Cloud ทั้งแบบบุคคล นักศึกษา ทีมงาน สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และองค์กร สามารถอัปเดต Creative Cloud เดสก์ท็อปได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ส่วนแอปสำหรับโทรศัพท์มือถือสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งบน App Store และ Google Play Store
นอกจากนี้สมาชิก Creative Cloud ยังสามารถสมัครเข้าร่วมเพื่อทดลองใช้งานรุ่น Private Beta สำหรับ Creative Cloud Spaces, Creative Cloud Canvas และ Illustrator บนเว็บได้ที่ https://pages.adobe.com/creativecloud/en/collaboration/private-beta