การมาถึงของเครื่องมือ AI ที่ทยอยเปิดตัวในช่วง 2-3 ปีนี้ ถือเป็นทั้งข่าวดีและความน่ากังวลต่อคนทำงานในหลายภาคส่วน มุมหนึ่ง AI เหล่านี้สามารถเข้ามาเป็นตัวช่วยมือหนึ่ง ให้การทำงานของเราสบายมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน AI ก็อาจกลายเป็นเครื่องมือที่เข้ามาแย่งงานจากมนุษย์ไปเสียเอง วันนี้เรามาชวนวิเคราะห์ทุกแง่มุมที่ได้รับผลกระทบจาก AI ในปี 2023 กัน! 

ด้านการเขียนคอนเทนต์  

การเขียนคอนเทนต์ที่ต้องผ่านขั้นตอนการหาข้อมูล เรียบเรียง และอ้างอิง ได้กลายเป็นสิ่งง่ายดายด้วย “ChatGPT” AI chatbot ที่สามารถโต้ตอบคำถามจากมนุษย์ได้ชาญฉลาด เพียงป้อนคำถามสั้น ๆ ตัว AI ก็สามารถประมวลคำตอบออกมายืดยาว สรุปเป็นหัวข้อ ที่พร้อมให้ผู้ใช้งานสามารถคัดลอกนำไปเผยแพร่ต่อทันที

ChatGPT จึงช่วยเพิ่มความสะดวกให้ครีเอเตอร์ในการค้นหาข้อมูล รวมถึงการช่วยคิดหัวข้อคอนเทนต์ใหม่ ๆ แต่ทางกลับกัน ก็เพราะความฉลาดและภาษาการเขียนที่ใกล้เคียงมนุษย์ของ AI ตัวนี้ ได้ทำให้คนที่ทำอาชีพบล็อกเกอร์ หรือนักเขียนบทความเริ่มเกิดความกังวล

อย่างไรก็ตาม การทำงานของ ChatGPT ในปัจจุบันนี้ ก็ยังคงเป็นเครื่องมือที่ต้องพึ่งพาฐานข้อมูลจากหลาย ๆ เว็บไซต์ เพื่อสืบค้นและนำมาเรียบเรียงใหม่ ChatGPT จึงมีความเหมาะกับการสร้างสรรค์บทความที่เคยมีอยู่แล้ว แต่ถ้าหากต้องการหัวข้อและประเด็นที่สดใหม่ มนุษย์ก็ยังสามารถทำได้ดีกว่า

ด้านการวาดรูป 

ย้อนกลับไปในปี 2017 ทาง Google ได้พัฒนา “AutoDraw” เว็บไซต์วาดภาพ ที่ผนวกความสามารถของ AI ให้ผู้ใช้งานสามารถจับเม้าส์ขีดเขียนรูปร่างต่าง ๆ แล้วปล่อยให้ AI นำไปเนรมิตเพิ่มเติมจนกลายเป็นรูปวาดที่สวยงามพร้อมใช้งาน แต่หลังจากนั้นเพียง 4 ปี ทาง OpenAI ได้ยกระดับของ AI วาดรูปให้ล้ำไปอีกขั้น ผ่านเครื่องมือ “DALL E” ที่สามารถสร้างรูปวาดและงานศิลปะทั้งหมดจากตัวอักษรที่เราพิมพ์ป้อนเข้าไป และเราจะได้สิทธิ์การเป็นเจ้าของผลงานชิ้นนั้นทันที

โดย AI ตัวนี้ได้สร้างสรรค์งานศิลปะด้วยการดึงส่วนประกอบของรูปภาพต่าง ๆ ที่มีอยู่ในระบบ เพื่อประกอบร่างเป็นผลงานชิ้นใหม่ ทำให้การเป็นเจ้าของงานศิลปะเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งได้สร้างความกังวลใจต่อเหล่าศิลปินทั่วโลก เพราะล่าสุดการ์ตูนมังงะเรื่อง “Cyberpunk Momotarō” ก็ถูกสร้างงานภาพด้วย AI ของ Midjourney และกำลังจะตีพิมพ์ในเดือนมีนาคมนี้ด้วย

ด้านการปั้นโมเดล 3D

AI ไม่ได้หยุดนิ่งแค่การสร้างศิลปะแนว 2D เท่านั้น แต่กำลังจะก้าวเข้าสู่การปั้นโมเดลแบบ 3D จากบริษัท Open AI ที่พึ่งเปิดตัว “Point-E” เครื่องมือที่สามารถสร้างโมเดล 3D จากการพิมพ์ข้อความสั่งการ

ความน่าสนใจก็คือ ในโลกของดิจิทัลแห่งอนาคตที่เกี่ยวข้องกับ Metaverse, VR และ AR ล้วนต้องการโมเดล 3D เข้ามาเติมเต็มประสบการณ์ให้ผู้ใช้งานมองเห็นวัตถุต่าง ๆ ในแบบหลายมิติ ซึ่งกระบวนการนี้จำเป็นต้องใช้คนที่มีสกิลและทักษะในการสร้างสรรค์งาน 3D และการเรนเดอร์

จนกระทั่งการมาถึงของ Point-E ที่ท้าทายวงการของคนทำงาน 3D ด้วยความสามารถในการสร้างวัตถุ 3D ให้สำเร็จได้ในไม่กี่นาที แม้ปัจจุบันศักยภาพของ AI ตัวนี้จะสามารถปั้น 3D ได้เพียงโครงร่างแบบบิดเบี้ยวเท่านั้น แต่นี่เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากในปีนี้

ด้านของเสียงเพลง 

การสร้างเพลง ดนตรีประกอบ นับเป็นอีกหนึ่งวงการศิลปะที่ถูกบริษัท AI หลายเจ้าเข้ามาท้าทาย ไล่ตั้งแต่งานวิจัย “AuidoLM” ของ Google ซึ่งเป็น AI ด้านเสียงที่สามารถเรียนรู้บทพูดหรือจังหวะดนตรีที่ถูกป้อนเข้าไปเพียง 3 วินาที ตัว AI ก็สามารถสร้างเสียงสังเคราะห์เพิ่มเติมเข้าไปใหม่ให้กลายเป้นเสียงที่ยาวต่อเนื่อง ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์สำหรับนักแต่งเพลงที่ต้องการคิดทำนองที่เหมาะสม

โดยการให้ AI เข้ามาช่วยแต่งเติมได้ หรือ จะเป็นเครื่องมืออย่าง Boomy ที่สามารถสร้างเพลงทั้งเพลง เพียงแค่ผู้ใข้งานกดเลือกแนวเพลงและเครื่องดนตรีที่ต้องการ ก็สามารถสร้างบทเพลงที่เสร็จสมบูรณ์ โดยเราจะได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของบทเพลงเหล่านั้น  

จากทุกแง่มุมที่สรุปออกมานั้น จะได้เห็นถึงศักยภาพและขีดจำกัดความสามารถของ AI แน่นอนว่าเครื่องมือเหล่านี้ อาจจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อวิชาชีพต่าง ๆ ในเร็ววัน เพราะอย่างน้อยในตอนนี้ พวกมันยังทำงานภายใต้กรอบและฐานของข้อมูลที่มีอยู่แล้วเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม AI ก็ย่อมต้องถูกพัฒนาและมีความสามารถมากขึ้นแบบไม่หยุดยั้ง และเป็นเราที่ต้องรู้จักอยู่ร่วมกับ AI และเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จาก AI อย่างสร้างสรรค์

อ้างอิง : socialmediatoday