ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เราจะเห็นทั้ง AI เสกรูปภาพจากข้อความ หรือ AI เขียนบทความในไม่กี่นาที ซึ่งความสามารถของ AI ที่เพิ่มขึ้นนี้ ได้นำไปสู่กรณีพิพาทกับศิลปินหลายวงการ รวมไปถึง AI ตัวใหม่จากทีม Pixelbin.io ที่มีความสามารถลบลายน้ำบนรูปภาพต่าง ๆ ได้ในไม่กี่วินาทีเท่านั้น
บนแพลตฟอร์มซื้อขายรูปภาพลิขสิทธิ์ชื่อดังอย่าง Shutterstock หรือ Adobe Stock เราจะคุ้นเคยกับ ‘ลายน้ำ’ หรือแถบข้อความพาดกระจายอยู่ทั่วรูปภาพ เพื่อป้องกันการถูกคัดลอกผลงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และช่วยขัดขวางคนที่หวังจะขโมยรูปภาพไปใช้ง่าย ๆ
เพราะการลบลายน้ำนั้น หากไม่ใช้ Adobe Photoshop ก็ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อเครื่องมือต่าง ๆ ทว่า กระบวนการที่ยุ่งยากเหล่านี้ ได้ถูกจัดการอย่างง่ายดายด้วยฝีมือของ AI ชื่อ Watermark Remover.io ที่สามารถใช้งานฟรี มีเปิดให้บริการทั้งบนเว็บไซต์และระบบปฏิบัติการแอนดรอย ประมวลผลเร็ว และลบลายน้ำทั้งหมดได้ในคลิ๊กเดียวเท่านั้น
ซึ่งจากการที่เราได้ทดสอบ ลายน้ำที่ประทับจาก Shutterstock และ Adobe Stock ได้ถูก AI ตัวนี้ลบทิ้งไปอย่างง่ายดาย โดยแทบจะไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้เลย หรือแม้แต่ข้อความ Shutterstock ตัวใหญ่ที่ประทับอยู่บนรูปตัวอย่าง AI ก็สามารถลบได้เช่นกัน แต่ข้อจำกัดอย่างหนึ่งของ AI ตัวนี้คือ ยังไม่สามารถลบลายน้ำจาก Getty ได้
ลายน้ำของ Getty จะมีลักษณะเป็นแถบข้อความ เขียนว่า ‘gettyimages’ พร้อมลายเซ็นของศิลปินอยู่ตำแหน่งมุมขวาล่างของรูปภาพ ซึ่งเป็นข้อจำกัดให้ AI ไม่สามารถลบแถบเหล่านั้น และทิ้งร่องรอยของลายน้ำไว้อย่างชัดเจน
ซึ่งถึงแม้การลบลายน้ำจะทำได้ง่ายขึ้น แต่กฎหมายก็ไม่ได้หายไปไหน เพราะอ้างอิงตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ในไทย การลบลายน้ำเพื่อนำรูปภาพไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแน่นอน
โดยในหน้าเว็บไซต์หลักของ Watermark Remover.io ก็ได้มีการกล่าวถึงประเด็นกฎหมายไว้ด้วยว่า “ผู้ใช้แอปนี้มีหน้าที่รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวหากมีการเรียกร้องค่าเสียหาย ค่าใช้จ่าย คดีความ ฯลฯ ที่ดำเนินการโดยบุคคลที่สามเกี่ยวข้องกับการใช้ภาพที่ได้ลบลายน้ำออก คุณต้องได้รับความยินยอมหรืออนุมัติจากเจ้าของภาพต้นฉบับก่อนที่จะนำภาพที่ถูกลบลายน้ำไปใช้ในงานเชิงพาณิชย์”
อย่างไรก็ตาม กรณีของ Watermark Remover.io ก็นับเป็นตัวอย่างขีดความสามารถของ AI ในปัจจุบัน และชวนให้กลับมาตั้งคำถามถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาจาก AI ในอนาคตข้างหน้า
อ้างอิง : The Verge
