เรียกได้ว่าปี 2024 ที่กำลังจะผ่านไปนี้เป็นปีทองของ ‘AI’ เลยก็ว่าได้ เพราะ AI ได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น จนเกิดการพัฒนาจากหลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้ AI กลายมาเป็นผู้ช่วยมือหนึ่งสำหรับการสร้างสรรค์งานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในขณะเดียวกัน AI ก็เป็นเหมือนดาบสองคมที่ผู้คนได้นำไปใช้ในด้านที่ไม่เหมาะสมเช่นกัน
โดย AI ได้ถูกพัฒนาเพื่อใช้ในหลากหลายแวดวงทั้ง Sora โมเดล AI ตัวช่วยในการสร้างวิดีโอจาก OpenAI หรือจะเป็น Behinder AI ผู้ช่วย AI ที่ถูกพัฒนาโดยคนไทย ไปจนถึงการถกเถียงเรื่องการนำ AI มาใช้สร้างสรรค์ผลงานบนโลกโซเชียล เช่น การใช้ AI โปรโมตงาน Bangkok Design Week 2024 ที่มีกระแสถึงเรื่องความเหมาะสมในการใช้ AI ในงานแสดงผลงานศิลปะ และดีไซน์ที่จัดขึ้นเพื่อศิลปิน
นอกจากนี้ยังมีประเด็นร้อนในช่วงโอลิมปิก อย่างการวิจารณ์เรื่องดีไซน์ของชุดพิธีการบนโลกโซเชียล แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ส่งผลตามมากลับกลายเป็นเรื่องราว AI ไปได้ เมื่อผู้คนเริ่มใช้ AI ในการเจนภาพชุดพิธีการใหม่ ซึ่งผู้ใช้โซเชียลบางส่วนก็ได้แสดงความคิดเห็นว่าเป็นการไม่ให้ค่างานศิลป์ และสิ่งนี้ทำให้ศิลปินตัวจริงอาจจะไม่มีแสงในวงการ
แสดงให้เห็นว่าในปีนี้เป็นปีที่ทุกคนตระหนักถึงวิธีการใช้ AI ให้ถูกต้องมากขึ้น จากความคิดเห็น หรือการผลักดันให้เกิดกฏระเบียบการใช้ AI อย่างถูกต้อง, ถูกลิขสิทธิ์ และปลอดภัย แต่ถึงอย่างไรถ้าเรานำ AI มาใช้อย่างเหมาะสม ก็จะสามารถใช้สิ่งนี้เป็นผู้ช่วยทุ่นแรง และเวลาของเราได้
วันนี้ RAiNMaker เลยจะพาทุกคนไปดู AI Trend แห่งปีว่าจะมีอะไรบ้างที่น่าสนใจ และมาเป็นผู้ช่วยในการสร้างสรรค์ผลงานของเราได้ รวมถึงเราจะพาไปย้อนรอยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวงการ AI ที่สร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้ใช้งานทุกคน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย!
Firefly | Adobe Max 2024
จากงาน Adobe Max 2024 ในปีนี้ ได้มีการประกาศอัปเดตครั้งใหญ่อย่างเครื่องมือ Adobe Firefly ที่นักสร้างสรรค์ทุกคนรอคอย เพราะโมเดลนี้ใช้ AI เพื่อเป็นผู้ช่วยในการทำงาน ตั้งแต่การออกแบบกราฟิก ไปจนถึงการตัดต่อวิดีโอ เพียงแค่ใช้การป้อนคำสั่ง ไม่ว่าจะเป็นข้อความ หรือภาพ ระบบก็จะเจนภาพขึ้นมาแบบอัตโนมัติ โดยภาพที่เจนออกมาถูกลิขสิทธิ์ และใช้ในเชิงพาณิชย์ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ Firefly Video ยังปฏิวัติวงการวิดีโอด้วยการให้ AI เป็นผู้ช่วยในการตัดต่อวิดีโอ ทั้งการเพิ่มฟุตเทจแบบไม่ต้องถ่ายเพิ่ม รวมถึงขยายซาวด์เอฟเฟกต์ที่หายไป ซึ่งฟีเจอร์ใหม่นี้ยังเพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นนักออกแบบ หรือครีเอเตอร์ รวมถึงมือใหม่ก็สามารถใช้ Adobe Firefly ได้แบบคลิกเดียวก็สามารถจบงานได้เลย
ซึ่งไฮไลต์สำคัญคือการเปิดใช้ฟีเจอร์สร้างงาน 3D ด้วย AI ทั้งการใช้ ‘Text to Texture’ ป้อนคำสั่งเพื่อสร้าง Texture ที่เราต้องการ หรือจะให้ AI เจนภาพพื้นหลังที่สามารถรวมวัตถุ และฉาก 3D ไว้ด้วยกันผ่านคำสั่งที่เราป้อนลงไป ซึ่งเราจะสามารถทดลองแสง และมุมมองของฉากเพื่อสร้างสรรค์งานออกมาได้สมจริงที่สุด
หลังจากการประกาศใช้ Adobe Firefly เราจะเห็นครีเอเตอร์นำไปใช้ในงานวิดีโอ ไปจนถึงธุรกิจที่ใช้โมเดล AI นี้มาช่วยเจนภาพโปรโมตเพื่อทำ Marketing และปัจจุบันมีการใช้ AI เพื่อเจนภาพไปมากกว่า 1,000 ล้านภาพอีกด้วย เห็นได้ว่า AI ได้เข้ามามีบทบาทในการทำงานมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นวงการไหน ๆ ก็ตาม
Apple Intelligence | Apple x OpenAI
กล่าวได้ว่าปี 2024 เป็นปีของ AI แล้วบริษัทใหญ่อย่าง Apple จะไม่เอาผู้ช่วยคนเก่งเข้ามาใน iPhone ได้ยังไง! ทำให้ในปีนี้ Apple ได้เปิดตัว ‘Apple Intelligence’ หรือ AI ที่พัฒนาโดย Apple ผ่านการร่วมมือกับ OpenAI ในการนำ ChatGPT มาเป็นตัวขับเคลื่อนฟีเจอร์ AI ในระบบปฏิบัติการทั้ง iOS, iPadOS และ macOS โดยไม่ต้องผ่านแอปพลิเคชัน Third-party
ซึ่ง AI ตัวนี้จะทำงานโดยการศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน เพื่อเข้าใจความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น นอกจากนี้เมื่อเราป้อนคำสั่งบนอุปกรณ์ Apple ยังสามารถสร้างบทความ หรือรูปภาพประกอบที่เราต้องการ รวมถึงใช้งาน Siri ได้เหนือชั้นกว่าเดิม ซึ่งทั้งหมดจะเป็นการดึงข้อมูลจาก ChatGPT มาใช้ตอบคำถามผู้ใช้นั่นเอง
นอกจากนี้ Apple Intelligence ยังสามารถช่วยจัดลำดับในการใช้งานภายในอุปกรณ์ เช่น แจ้งเตือน หรืออีเมล โดย AI จะสามารถเสนอแนะคำตอบที่ผู้ใช้สามารถตอบกลับได้เลย รวมถึงการค้นหารูปในแอป Photos ด้วยการป้อนรายละเอียดของภาพ นอกจากนี้ AI ยังสามารถถอดเสียงออกมาเป็นข้อความได้อีกด้วย
ดูเหมือนว่า Apple จะก้าวเข้าสู่ศึก AI อย่างเต็มตัวจากการจับมือกับ OpenAI เพื่อสู้กับหลากหลายบริษัทเริ่มให้ความสำคัญกับการใช้ AI ในระบบปฏิบัติการณ์มากขึ้น ส่วน Apple Intelligence จะสามารถใช้งานได้ในภาษาไทยภายในปีหน้ามั้ย เรื่องนี้เราก็ต้องมารอดูกันต่อไป!
ภาพ “F L A M I N G O N E” ชนะการประกวด AI Photo Contest | 1839 Color Photography Awards
อีกเรื่องที่เขย่าวงการ AI เลยก็ว่าได้ เนื่องจาก AI ได้เข้ามามีบทบาทจนเกิดการจัดงานประกวดภาพ AI ในหมวด ‘AI Photo Contest’ ของงาน ‘1839 Color Photography Awards’ ขึ้นมา จนได้ผู้ชนะเป็นภาพนกฟลามิงโกที่หัวหายแบบจับวาง แต่เจ้าของผลงานดันออกมาบอกว่าถ่ายรูปนี้จากกล้อง Nikon D750 เลนส์ 50mm กับ f/1.8 และ Shutter Speed ที่ 1/1600 ณ ชายหาดอารูบา และไม่ได้ใช้ AI ประกอบเลย!?
เมื่อความจริงได้เปิดเผยภาพ ‘F L A M I N G O N E’ ก็ถูกถอดจากรางวัลเหรียญทองแดงในหมวดหมู่ AI จาก People Vote Award เนื่องจากไม่ตรงโจทย์ ซึ่งจุดประสงค์ในการส่งภาพนี้ของ Miles Astray คือการแสดงให้ทั่วโลกเห็นว่ายังไงภาพที่ถ่ายโดยมนุษย์ก็ควรค่ากว่าภาพที่มาจาก AI
นอกจากนี้ Miles Astray ยังทิ้งท้ายไว้ว่า “ไม่มีอะไรสร้างสรรค์ไปกว่าธรรมชาติสรรค์สร้างอีกแล้ว” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความหวังของวงการช่างภาพที่กังวลว่า AI จะมาแทนสายอาชีพนี้อย่างเต็มตัวอีกด้วย โดยเรื่องนี้ทำให้เราเห็นว่าภาพถ่ายจริง และภาพจาก AI ก็ยังมีความซับซ้อนที่จะแยกด้วยสายตาเรา ทำให้เราจะต้องใช้ AI อย่างระมัดระวัง และควรมี Label แจ้งเตือนว่าคอนเทนต์นี้สร้างด้วย AI เหมือนกับที่หลาย ๆ แพลตฟอร์มกำลังทำอยู่
ทุกคนคงได้เห็นบทบาทของ AI ที่แทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันจาก 3 คอนเทนต์ที่เราเลือกมาแล้ว จากนี้ AI ก็จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เราจะต้องเรียนรู้การใช้งานให้เป็น ‘คุณ’ ไม่ใช่ ‘โทษ’ และในอนาคตเราอาจจะได้เห็นการผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ กับความสามารถของ AI จนเกิดเป็นเทรนด์ใหม่ในอนาคต
ส่วนหมวดต่อไป RAiNMaker จะพาทุกคนไปดูสุดยอดสตริมมิงแห่งปี เรื่องไหนอยู่ในใจใครบ้างทดเอาไว้ก่อน แล้วมารอดูไปด้วยกันเลย!