ช่วงหลังมานี้เรียกว่าเป็นยุตรุ่งเรืองของ AI ที่พัฒนาไปไกลถึงขั้นมีภาพวาดโดย AI รวมถึง ChatGPT แชตบอตที่สื่อสารและให้ข้อมูลประหนึ่งผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์ แน่นอนว่ากว่า AI จะพัฒนามาถึงจุดนี้ได้ก็ต้องมีกระบวนการมากมายเพื่อพัฒนาระบบให้ฉลาดและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
และหนึ่งในวิธีการพัฒนา AI ให้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ก็มาจากการนำข้อมูล และผลงานของเหล่านักวาด ช่างภาพ รวมถึงครีเอเตอร์มาเทรนเจ้าระบบ AI นั่นเอง และนี่จึงเป็นเหตุให้นักวาดส่วนมากไม่พอใจที่ผลงานตัวเองถูกนำมาใช้ซ้ำในวัตถุประสงค์ดังกล่าว โดยที่เจ้าของผลงานเองก็ไม่ได้ยินยอม และไม่ได้ค่าชดเชยเพิ่มเติม
ล่าสุดนักวาดได้รวมตัวกันยื่นฟ้องบริษัท AI สายวาดภาพอย่าง MidJourney, Stability AI และเว็บไซต์ DeviantArt ข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ของครีเอเตอร์ ซึ่งบริษัท Stability AI ใช้เครื่องมือ Stable Diffusion ในการพัฒนา AI ผ่านการเรียนรู้ภาพวาดจากอินเทอร์เน็ตราว 5 พันล้านภาพ โดยที่ไม่ได้ขออนุญาตครีเอเตอร์เจ้าของผลงานก่อน หากคิดค่าความเสียหายภาพละ 1 ดอลลาร์ มูลค่าทั้งหมดจะสูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
เหตุการณ์ครั้งนี้จึงเป็นกรณีศึกษาที่ดีในการเรียนรู้ที่จะพัฒนา และใช้งาน AI อย่างไรให้เหมาะสม เนื่องจากเครื่องมือ AI ยังถือว่ามีความเสี่ยง และมีความท้าทายด้านกฎหมายอยู่ไม่น้อย ดังนั้นบริษัทด้าน AI จึงควรตระหนักถึงนโยบาย และตั้งข้อจำกัดในการใช้งานให้ชัดเจน รวมถึงให้ขอความยินยอมการนำผลงานไปใช้จากเจ้าของผลงานก่อนเสมอ
อย่างคำกล่าวที่ว่าทุกอย่างคือดาบสองคม AI เองก็เช่นกัน หากนำไปใช้อย่างถูกวิธีก็จะให้ผลลัพธ์ และประโยชน์มากมาย ทั้งช่วยประหยัดเวลา เงิน และกำลังคนในการสร้างสรรค์ผลงานบางอย่างได้ดีเลยทีเดียว
ถ้ามองเหตุการณ์ในปัจจุบัน AI อาจจะเหมาะสำหรับเป็นองค์ประกอบเสริมที่นำมาช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น แต่ยังคงไม่อาจเป็นเครื่องมือหลักในการทำงานที่จะมาแทนมนุษย์ได้ 100% เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำได้คือ บริษัทด้าน AI ต้องศึกษากระบวนการการพัฒนา และดูแลการาใช้งานของระบบให้ดี รวมถึงควรมีกฎหมายคุ้มครองครอบคลุมถึงลิขสิทธิ์ในการนำผลงานไปใช้พัฒนา AI ด้วยเช่นกัน
ที่มา: SocialMediaToday