SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มปริมาณ Organic Traffic ส่งผลให้ปริมาณผู้ชมเว็บไซต์พุ่งสูง โดยไม่ต้องเสียเงิน แต่นอกจากการทำ SEO แล้ว ยังมีเทคนิคใหม่อย่าง ASEO ช่วยให้เว็บไซต์สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของอัลกอรึทึมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
ซึ่งหนึ่งในเทคนิค ASEO ก็คือ การวาง Content Strategy ที่มี ‘High Quality Content’ การเขียนคอนเทนต์ให้มีคุณภาพเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้เว็บไซต์ของเราติดท็อป และแซงหน้าคู่แข่งได้ โดยวันนี้ RAiNMaker จะพามาเจาะลึกวิธีเขียนคอนเทนต์ยังไงให้ติดอันดับกัน!
รวมเทคนิค E-E-A-T หลักการเขียนจาก Google
- Experience: การนำประสบการณ์ผู้เขียนจริง ๆ มากล่าวลงเนื้อหา เพื่อแสดงให้เห็นการมีประสบการณ์ร่วมกับเรื่องที่เขียน
- Expertise: การแสดงให้เห็นความเชี่ยวชาญในเรื่องราวที่เขียนลงอย่างละเอียด รวมถึงนำเสนอในสิ่งที่ผู้ใช้ไม่สามารถหาอ่านได้จากเว็บไซต์อื่น
- Authoritativeness: เว็บไซต์ และคอนเทนต์ที่เขียนมีความน่าเชื่อถือ รวมถึงมีแหล่งอ้างอิงที่สามารถเชื่อถือได้
- Trustworthiness: การนำเสนอข้อมูลในคอนเทนต์ได้อย่างครบถ้วน แหล่งที่มาสามารถเชื่อได้ และมีความแม่นยำ ซึ่งถ้าเราไม่ทำคอนเทนต์ให้ครบถ้วน เว็บไซต์ที่ใหม่กว่า แต่มีความน่าเชื่อถือมากกว่า ก็อาจขึ้นมาติดอันดับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เคล็ดลับ 6 วิธี เขียนคอนเทนต์แบบง่าย ๆ แต่ได้คุณภาพ
- Keyword: กำหนด Keyword เพื่อให้ผู้ใช้สามารถค้นหาเราเจอ โดยเราสามารถใช้เครื่องมือ Keyword Research เพื่อค้นหาคีย์เวิร์ดที่เราต้องการ รวมถึงประเมินความยากของการที่เราจะลงไปแข่งขันกับคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ด้วย
- Structure: การสนใจเรื่อง Structure เพื่อวางตำแหน่งให้ถูกต้องจะทำให้เว็บไซต์มีการวางที่ถูกต้องตามที่ Google ชอบ เช่น ไม่ควรมี Heading 1 มากกว่า 1 หัวข้อ เนื่องจากอาจทำให้หัวข้อเกิดความซ้ำซ้อน
- Content Space: การเขียนคอนเทนต์จะต้องเว้นวรรคทั้งในบทความ และการเว้นบรรทัดให้น่าอ่าน รวมถึงไม่อัดข้อมูลที่เยอะเกินไปให้กับคนที่สนใจจะมาดูเว็บไซต์ของเรา
- Quality: คุณภาพของรูปภาพก็มีผลต่อการกรองจาก Google เนื่องจากถ้าเราใส่รูปที่มีคุณภาพสูงเกินไป Google จะตรวจจับ และคิดว่าภาพเป็นไฟล์ใหญ่ส่งผลให้ Google คิดว่าเว็บไซต์ของเราโหลดช้า
- Stability: เขียนบทความให้เสถียร และมีจำนวนเท่ากันทุกวัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเขียนจำนวนมากกว่าคู่แข่ง ถ้าเรารู้หลักการก็สามารถเขียนบทความให้ติดอันดับได้ SEO
- Filter: ใช้ตัวกรองคอนเทนต์ ซึ่งในปัจจุบันมีหลากหลาย Plugin เพื่อให้เราตรวจเช็กคอนเทนต์ และเว็บไซต์ของเรา ซึ่งจะทำให้เว็บไซต์ของเรามีคุณภาพ รวมถึงรู้ว่าควรจะแก้ไขตรงไหนอีกด้วย
ตัววัดของแบรนด์ กับ SEO
เนื่องจาก Google ไม่สามารถรู้ได้ว่าสินค้า และบริการของเราในโลกออฟไลน์เป็นยังไง ทำให้การพูดถึงบน Google เช่น การรีวิว ต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นตัววัดว่าแบรนด์ของเรามีความน่าเชื่อถือแค่ไหน โดย Google จะตรวจจับสิ่งที่พบเห็นบนโซเชียลมาเป็นข้อมูลที่ใช้ตัดสินเรา
นอกจากการรีวิวแล้ว ยังมีการทำ Backlink เพื่อเป็นส่วนเสริมให้ Google เข้าใจว่าคอนเทนต์ของเราดีมีคุณภาพ ประกอบกับการโพสต์คอนเทนต์บนแพลตฟอร์มอื่น ๆ อย่างโซเชียลมีเดีย เพื่อเพิ่มความ Specialist ของเราต่อตัวกรอง Google อีกด้วย
แต่ถ้าเราทำตามนี้แล้วเว็บไซต์ของเราก็ยังไม่ติดท็อปสักที ก็อาจเป็นสาเหตุมาจากเนื้อหาในคอนเทนต์ของเราที่ถูกตัวกรองใน Google ตรวจจับ และไม่ให้ติดอันดับนั่นเอง
เว็บไซต์ติดท็อปยาก ผลกระทบจาก YMYL Algorithm
YMYL ย่อมาจาก Your Money Or Your Life เป็นอัลกอรึทึมที่ Google ใช้คัดกรองคอนเทนต์ที่มีความละเอียดอ่อน ส่งผลให้ถ้าเราทำคอนเทนต์เหล่านี้จะติดหน้าแรกของ Google ได้ยากขึ้น เนื่องจากเป็นเนื้อหาที่ส่งผลต่อชีวิต และความเป็นอยู่ของผู้ใช้งาน โดยจะมีหลายประเภท ดังนี้
- สุขภาพ
- การแพทย์
- การเงิน
- ประกัน
- กฎหมาย
- สังคม
- การศึกษา
- การทำงาน
ส่วนใครที่ไปลองวิธีที่กล่าวมาทั้งหมดแล้วให้รอ 14-28 วันหลังการอัปโหลด เว็บไซต์ของเราก็จะขึ้นไปที่หน้าแรก แต่ถ้าหากผ่านไปมากกว่า 1-2 เดือนแล้วยังไม่ติดหน้าแรกของ Google ก็ควรจะลบบทความแล้วลงใหม่ หรือลองไปรีเควสใน Google Search Console เพื่อให้ Google เข้ามาอ่านได้
ซึ่งถ้าใครอยากรู้เคล็ดลับเพิ่มก็สามารถไปเรียนรู้แนวทางการสร้างโอกาสให้กับเว็บไซต์ของตัวเองกับ Anga Mastery กันได้ในคอร์ส ‘SEO Strategy For Executives’ ที่จะพาเราไปเรียนรู้วิธีการทำ SEO ในเชิงลึกยิ่งขึ้น เพื่อให้เว็บไซต์ของเราบรรลุเป้าหมายที่เราต้องการ และสร้างประสิทธิภาพให้เว็บไซต์เกิดความยั่งยืนอีกด้วย!
📍 สามารถติดตามเพิ่มเติมได้แล้วที่
#SEOMasteryBatch1 #ANGA #ANGABangkok #ANGAMastery #ANGAกล้าแชร์ #ANGAMasteryกล้าแชร์