คำสั่งแรกจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ หลังการเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ยังคงเป็นเรื่องการรักษา TikTok ไว้ตามที่เคยให้คำมั่นสัญญา โดยทรัมป์ได้ออกคำสั่งถึงกระทรวงยุติธรรมไม่ให้บังคับใช้กฎหมายที่เรียกร้องให้ TikTok ขายกิจการ ไม่เช่นนั้นจะถูกแบนในหสรัฐฯ พร้อมกับหยุดการบังคับใช้กฎหมายแบน TikTok และแอปในเครือ ByteDance ออกไปอีก 75 วัน
เมื่อวานเป็นวันชี้ชะตา TikTok ในสหรัฐฯ ว่าจะอยู่หรือไป จากที่ศาลได้ตัดสินให้ ByteDance เลือกขายกิจการให้กับนักลงทุน หรือจะยอมโดนแบนในสหรัฐฯ ซึ่งผลสรุปคือ ByteDance ไม่ขายกิจการ และยอมโดนแบนไปจริง ๆ ทำให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ไม่สามารถเข้าใช้งาน TikTok ได้ รวมถึงผู้ใช้งานใหม่ก็ไม่สามารถดาวน์โหลดแอปได้เช่นกัน
เป็นที่น่าจับตามองกับตัวเลขสถิติผู้ใช้งานบน X กับประเด็นล่าสุดที่ Linda Yaccarino CEO ของ X ได้ออกมาโพสต์เกี่ยวกับข้อมูลอินไซต์ของผู้ใข้งานในปี 2024 ว่า มีผู้ใช้งาน X ในปีก่อนถึง 364 พันล้านวินาทีต่อปี ซึ่งคิดเป็นระยะเวลากว่า 11,500 ปีเลยทีเดียว (โพสต์ต้นฉบับ: https://x.com/lindayaX/status/1879267239393919467?)
จากที่สหรัฐฯ ได้มีกฎหมายแบน TikTok ออกมา ซึ่งจะมีผลในวันที่ 19 ม.ค. นี้ ทำให้เส้นทางในอนาคตของ TikTok สั่นคลอน และเสี่ยงโดนแบนหากบริษัทแม่ ByteDance ไม่ตัดสินใจขายธุรกิจให้กับนักลงทุนในสหรัฐฯ ส่งผลให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ เริ่มหันไปหาแอปโซเชียลอื่นเพื่อเป็นทางเลือกในกรณีที่ TikTok โดนแบนขึ้นมาจริง ๆ
พบกับการเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่กับ ‘iCreator Merch: The 1st Collection’ สินค้า Merchandise คอลเลกชันแรกจาก iCreator ที่ขนทัพเสื้อมากว่า 6 แบบ พร้อมกระเป๋า Fluffy Bag ยอดฮิตสีน่ารักสดใสมาให้เลือกชอปกันตามใจชอบ
หลายคนคงกำลังสงสัยว่า สุดท้ายแล้ว TikTok จะโดนแบนในสหรัฐฯ ภายในสัปดาห์หน้าจริงหรือไม่? เนื่องจากเส้นตายของกฎหมายที่ให้ TikTok ตัดสินใจระหว่างขายธุรกิจกับโดนแบนเริ่มใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว โดยกำหนดการที่วางไว้คือวันที่ 19 ม.ค. ที่จะถึงนี้
ReenP เจ้าของลายเส้นการ์ตูนสุดมินิมอล ออกสินค้าคอลเลกชันใหม่เอาใจสายน่ารักกุ๊กกิ๊กถึง 3 ชิ้นด้วยกัน ทั้งที่รองแก้ว และที่ห้อยกระเป๋าเดินทางให้เลือกถึง 2 แบบด้วยกัน
จากวิกฤตทางการเงินของ X ที่ผลประกอบการในปี 2024 ลดฮวบ ส่งผลให้แพลตฟอร์มยังคงพยายามค้นหาหนทางใหม่ในการสร้างผลกำไรมาชดเชยในส่วนที่เสียไป ล่าสุดมีรายงานว่า X กำลังพิจารณาเรียกเก็บค่าสมัครสมาชิกสำหรับผู้ใช้ใหม่ ในราคา 8 ดอลลาร์ หรือประมาณ 277 บาท เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้ให้กับแพลตฟอร์ม โดยแพลนนี้อาจเกิดขึ้นเร็วที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์
ท่ามกลางการแข่งขันของตลาด E-commerce ที่ดุเดือด อีกหนึ่งสิ่งที่กลายเป็นอาวุธติดมือของทุกแบรนด์ในยุคนี้คงหนีไม่พ้นการทำ ‘Affiliate Marketing’ การตลาดที่เปิดโอกาสให้แบรนด์และครีเอเตอร์ร่วมงานกันแบบ Win-win โดยแบรนด์จะมอบส่วนแบ่งค่าคอมมิชชันให้ครีเอเตอร์ที่ทำคอนเทนต์จนสร้างยอดขายได้ เพื่อเป็นค่าตอบแทน หรือ Marketing Fee นั่นเอง
เชื่อว่าทุกคนที่ทำคอนเทนต์บน Instagram ก็ต้องหวังให้ยอด Reach พุ่ง และคอนเทนต์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั้งเก่าใหม่แน่นอน แต่การเพิ่มยอด Reach ของแต่ละโพสต์ก็ไม่ได้ทำง่าย ๆ หลายคนต้องลองผิดลองถูกนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อจะดันยอด Reach ให้ถึงเป้า
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
