แม้ว่า Google จะเป็นที่นิยมไปทั่วโลก แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าในจีนนั้นถูกบล็อคไม่ให้คนจีนใช้กัน ซึ่งในประเทศจีนเองก็ได้สร้าง Search Engine คุณภาพสูงเหมาะกับพฤติกรรมของคนจีนมาใช้กันอย่าง Baidu ซึ่งวันนี้เราจะพาไปเจาะลึกเรื่องราวของ Baidu กับการทำ SEO กันหน่อยดีกว่า
ส่วนแบ่งการตลาดของ Baidu ในปี 2017 ตอกย้ำความเป็นผู้นำของ Search Engine ในจีน
Baidu ถือเป็นผู้นำด้าน Search Engine ในตลาดจีนมาโดยตลอด ล่าสุดเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา Baidu ยังคงครองสัดส่วนในตลาดจีนมากที่สุดถึง 72.73% ในขณะที่ Alibaba เองก็ตัดสินใจลงเล่นในตลาด Search Engine กับเขาด้วยเช่นกัน โดยเมื่อปี 2014 ได้เปิดตัวเว็บค้นหา Shenma ออกมาและมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว จนสามารถช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดไปถึง 11.15% ตามมาด้วย Haosou ได้ไป 7.91% เป็นคู่แข่งอันดับ 2-3 มาตลอดกับ Sogou 4.45% ก่อนที่จะเกิด Shenma ขึ้น ในขณะที่ Goolgle ได้ไปเพียง 1.9% และ Bing อยู่ที่ 1.38% เท่านั้น
Baidu คืออะไร
Baidu ก่อตั้งโดย 2 CEO คนสำคัญ Robin Li และ Eric Xu ในปี 2000 รูปร่างหน้าตาไม่ต่างกับ Google มากนัก คุณสมบัติเด่นของ Baidu คือการวิเคราะห์ และตีความภาษาจีนได้ดีกว่า Search Engine ทั่วไป และ Baidu ไม่จำกัดตัวเองอยู่แค่ความเป็น Search Engine แบรนด์ยังมีบริการอื่นๆที่มีคุณภาพอีกมากมาย อาทิ บริการฝากไฟล์, เว็บไซต์ท่องเที่ยว, แผนที่, เพลงและแพลตฟอร์มวิดีโอ รวมถึงบริการแปลภาษายอดฮิตก็เป็นของ Baidu เช่นกัน ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ Baidu เองก็ได้จำลองเว็บไซต์รวบรวมข้อมูลพื้นฐานแบบวิกิพิเดียไว้ในตัว นั่นก็คือ Baidu Baike ซึ่งมีบทความกว่า 13 ล้าน ไว้ในเว็บของตน และนอกจากจะมีบราวเซอร์เป็นของตัวเองแล้ว ยังมีอีกสิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้ คือ Baidu ยังมีระบบปฎิบัติการแอนดรอยเป็นของตัวเองด้วย
เทคนิคง่ายๆเมื่อต้องทำ SEO ใน Baidu
1. Baidu มีแต่ภาษาจีนเท่านั้น ซึ่งใช้ทั้งตัวเต็ม และตัวย่อ
เมื่อเราคิดจะเล่นกับตลาดจีนแล้ว การใช้ภาษาจีนมีสองแบบคือจีนตัวย่อ ซึ่งใช้ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ในขณะที่จีนตัวเต็มใช้ในประเทศไต้หวัน ฮ่องกง และมาเก๊า
泰剧天生一对 คือแฮชแท็คฮิตเมื่อดูละคร “บุพเพสันนิวาส” ของจีน
ซึ่งเคยทำกระแสสูงสุดขณะ Live สด ถึงอันดับที่ 14 เลยทีเดียว
ข้อมูลเกี่ยวกับละคร แม้แต่ชื่อของนักแสดงจะเป็นภาษาจีนแทบทั้งหมด
2. Baidu จะประมวลผลเว็บไซต์จีนก่อนเว็บไซต์ต่างชาติ
นอกจากเว็บไซต์ภาษาจีนจะถูกประมวลผลให้ขึ้นอันดับต้นๆก่อนแล้ว Baidu ยังแสดงรายการจากเว็บไซต์ในเครือ Baidu มีก่อน อาทิ การแสดงผลของเว็บ Baidu Baike หรือที่เรียกกันว่าวิกิพีเดียของจีนก่อน
ลองค้นหาชื่อพี่โป๊บเป็นภาษาอังกฤษ การประมวลผลก็ยังคงแสดงเว็บ Baike.baidu.com ขึ้นเป็นอันดับแรก
3. เขียน Description ภายใน 110 ตัวอักษรจีน
ถือเป็นกฎพื้นฐานของ SEO เลยค่ะ ที่ควรจัดคำอธิบายแบบย่อที่เหมาะสมจะแสดงให้เห็นใน Search Engine ได้อย่างกระชับ และน่าสนใจ ซึ่งการนับคำของอักษรจีนก็ไม่ยากค่ะ ไม่ต้องงงสระเหมือนภาษาไทย เพราะภาษาจีนเขาสะกดกันเป็นตัวอักษร เราสามารถนับตัวอักษรได้อย่างชัดเจนในแต่ละคำ
4. ควรใช้โซเชียลยอดฮิตของจีนให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ในส่วนของโซเชียลฮิตต่างๆในจีน จริงๆแล้วมีเยอะมากๆเลยค่ะ โอกาสหน้าจะมาเขียนให้ทุกคนได้ติดตามกันบ้าง แต่สำหรับวันนี้จะขอยกตัวอย่างเว็บที่คนจีนใช้กันมากโดยคร่าวๆ ซึ่งเว็บเหล่านี้มีผลต่อ SEO อย่างมากเช่นกันค่ะ
Baidu Zhidao (百度知道)
เว็บที่เปิดให้คนเข้ามาตั้งคำถาม เพื่อรอคนเข้ามาตอบคำถามของพวกเขา หรือบางทีแค่มาตั้งคำถามเพื่อตอบ และให้ข้อมูลของตัวเองก็ได้ โดยปัจจุบันมีผู้ใช้เว็บนี้มากถึงกว่า 520 ล้านคนBaidu Baike (百度百科)
เว็บสารานุกรมจีน หรือ วิกิพีเดียของจีน Baidu WenkuWeibo (微博)
เว็บไซต์โซเชียลมีเดียชื่อดังของจีน คล้ายๆกับ Facebook ผสม Twitter
ส่วน Video Platform ในตลาดจีนก็มีหลายเว็บไซต์เช่นกันค่ะ ทั้งแบบวิดีโอยาว และแบบวิดีโอสั้น ในบทความนี้ก็ขอยกตัวอย่าง 3 เว็บอัพโหลดวิดีโอยอดฮิตมียอดผู้ใช้ต่อเดือนมากเกิน 250 ล้านมาให้ดูเป็นข้อมูลกัน
Youku (优酷) — มียอดผู้ใช้จริง 288.6 ล้าน ต่อเดือน
Tencent Video (腾讯视频) —มียอดผู้ใช้จริงสูงถึง 338.1 ล้าน ต่อเดือน
iQiyi(爱奇艺) — มียอดผู้ใช้จริงสูงถึง 368.9 ล้าน ต่อเดือน
แอปโซเชียลแชทยอดฮิตของจีน รูปแบบเหมือนแอป Line ในบ้านเรา ซึ่งมีทั้งฟังก์ชั่นแชท และหน้าไทม์ไลน์ รวมถึงบริการ Official Account แบบ Line เช่นกัน ทำให้ Wechat เป็นอีกโซเชียลหนึ่งที่มีบทความอยู่เยอะมาก ซึ่งจากสถิติของเว็บ China Channel แสดงให้เป็นว่า Wechat เป็นพื้นที่โซเชียลที่มีบทความอยู่มากที่สุดถึง 58.60% รองลงมาคือ Zhihu Coulmns 28.40% และ Weibo 27.30% ตามลำดับ นอกนั้นคือการเสพย์เพลง และคลิปวิดีโอมากกว่า
5. เช็คความเร็วของเว็บไซต์ตัวเองจากเว็บ Speed Test ของจีน
6. การใช้ Backlinks มีการประมวลผลที่ต่างจาก Google
ของ Google ให้ความสำคัญกับความเกี่ยวข้องระหว่างลิ้งค์ และเนื้อหาในเว็บ ในขณะที่ Baidu นอกจากความเกี่ยวข้องของเนื้อหาแล้ว ยังเน้นเรื่องปริมาณ และความหลากหลายอีกด้วย นอกจากนี้ Baidu ยังให้น้ำหนักกับการใช้ Archor Text ในการจัดอันดับ เราควรทำลิ้งค์ข้อความให้หลากหลาย เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นสแปม
7. ไม่ควรลิ้งค์ไป Social Media โซนตะวันตก
แน่นอนว่าการที่ประเทศจีนบล็อคโซเชียลต่างๆของฝั่งตะวันตก ไม่ว่าจะเป็น Google, Facebook, Twitter, Youtube หรือแม้กระทั่ง NY Time ทำให้การส่งต่อคอนเทนต์ให้เข้าสู่เว็บพวกยิ่งถูกละเลยในการประเมินผลการทำ SEO ลงไปอีก ที่สำคัญคือเมื่อเข้าลิ้งค์เหล่านี้จากเว็บของประเทศจีนจะทำได้ช้ามากจนนึกว่าเน็ตของเรามีปัญหา
8. เช่าโฮสติ้งของเว็บไซต์คุณในประเทศจีนเพื่อความเร็ว
นอกจากการเข้าเว็บไซต์ของตะวันตกที่ช้ากว่าเว็บของจีนแล้ว ทำให้เราควรมีเว็บไซต์ที่เช่าโฮสติ้งอยู่ในพื้นที่ประเทศจีน ฮ่องกง ไต้หวัน มาเก๊า จะทำให้เว็บไซต์ของคุณเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วมากกว่า
9. การจัดอันดับของ Baidu ใช้เวลานานกว่า Google
เนื่องจากข้อจำกัดในการเผยแพร่เนื้อหาของ Baidu ตามการกีดกันของรัฐบาลมีมากกว่า จึงใช้เวลาตรวจสอบที่นานกว่า อีกทั้ง Baidu ไม่สามารถประมวลผลเว็บที่ใช้ iFrames, JavaScript หรือ Flash ได้ดี การออกแบบเว็บ หรือการทำ SEO จึงต้องพิจารณาถึงจุดนี้ด้วย
จากการเทคนิคง่ายๆ ที่จริงๆก็ดูยุ่งยากไม่ใช่น้อยสำหรับการทำ SEO กับ Baidu อาจทำให้หลายคนอาจท้อแท้ไปบ้าง แต่ทราบมั้ยคะว่ายังไง Baidu ก็ยังคงเป็นตลาดที่สร้างรายได้จากการโฆษณาได้อย่างน่าสนใจ เมื่อตรวจสอบรายได้ของการโฆษณาออนไลน์บน Google จากข้อมูลของ Bloomberg แล้ว Google ทำรายได้ไปถึง 88% ซึ่งรวมถึงรายได้โฆษณาจากแพลตฟอร์มแอนดรอย ยูทูบ และโปรดักซ์ในมือของ Google ในขณะที่การทำมาร์เก็ตติ้งออนไลน์ และการโฆษณากับ Baidu นั่นสร้างรายได้สูงถึง 99.7% เลยทีเดียว
เห็นอย่างนี้แล้วสายออนไลน์มาร์เก็ตติ้งไม่ควรพลาดเลยใช่มั้ยคะ? ไม่ใช่แต่กับ SEO นะ หากว่าใครที่ามารถอ่านภาษาจีนออก เราก็เพิ่มโอกาสในธุรกิจด้านออนไลน์ในจีนได้อีกมากมาย ไว้บทความหน้าผู้เขียนจะไปเสาะหาข้อมูลเรื่องราวของตลาดออนไลน์ในจีนมาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับทุกคนนะคะ
ข้อมูลอ้างอิง
www.shmdesign.com, magichoth.com,
Statcounter.com,
Baidu, Baidu Zhidao, Baidu Baike