Super Bowl LIX 2025 กลับมาแล้วกับฤดูการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลอาชีพ NFL (National Football League) ที่หลาย ๆ คนไม่ได้ลุ้นแค่ผลลัพธ์ของเกมในช่วงเวลาการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังลุ้นด้วยว่าช่วงพักครึ่งของเกมนี้จะมีโฆษณาจากแบรนด์ไหนบ้างที่แย่งความสนใจ หรือเป็นไวรัลบนโลกโซเชียลได้
โดยค่าโฆษณาที่เล่นระหว่างช่วงพักครึ่งนั้นมีมูลค่าหลัก 100 ล้านเลยทีเดียว นี่จึงเป็นอีกพื้นที่ หรือทางลัดหนึ่งที่ทำให้แบรนด์สามารถไวรัลได้ และปี 2025 ก็ยังคงเป็นปีที่แบรนด์ขนมาทั้งเหล่าเซเลบฮอลลีวู้ด ความครีเอทีฟ และเนื้อเรื่องแปลกใหม่ชวนปไม่แพ้กับปีที่แล้วด้วย
แต่นอกจากโฆษณาที่ทำให้คนจำได้ภายใน 30 วินาทีว่าเดือดแล้ว ค่ายหนังต่าง ๆ ก็พากันเอาตัวอย่างหนังมาเปิดตัวที่นี่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Marvel Studios Thunderbolts, How to Train Your Dragon, M3GAN 2.0, Novocaine, Lilo & Stitch, Mission: Impossible – The Final Reckoning, Jurassic World Rebirth และ F1
พอจะรู้ความเดือดของงานนี้กันไปแล้ว RAiNMaker จะมาแชร์ความครีเอทีฟ และวิเคราะห์อินไซต์ให้รู้กันว่าแต่ละแบรนด์งัดอะไรมาปะชันความแมสกันบ้างในปีนี้ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!
These Legs: A Dove Big Game Film | #KeepHerConfident
Brand: Dove US
โฆษณา 30 วินาทีที่เรียบง่าย แต่มีการสื่อสารแบบโดนหมัดฮุกเดียวก็น็อกได้จากเอเจนซี Ogilvy UK โดยสร้างการตระหนักรู้ (Awareness) ถึงเรื่อง ‘Body talk’ ที่ผู้หญิงในวงการกีฬามักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง ‘Body type’ อยู่เสมอ
ซึ่งมีการเปรียบเทียบขาที่วิ่งอยู่ของเด็ดอายุ 3 ขวบ และ 14 ขวบที่มีความมั่นใจในการเลือกออกตัวที่จะวิ่งต่างกัน แต่ Dove ก็มีการสนับสนุนไปถึงโครงการ ‘Body Confident Sport’
ที่จัดหาโค้ชด้านกีฬา ช่วยสร้างร่างกายที่แข็งแรง และส่งเสริมความมั่นใจเรื่องร่างกายสำหรับเด็กผู้หญิง หรือนักกีฬารุ่นเยาวชนในการเล่นกีฬา ตามจุดประสงค์ของแคมเปญ #KeepHerConfident ด้วย
นอกจากนี้ยังเป็นการกลับมาอีกครั้งของ Instrument เพลง ‘Born to Run’ สุดไอคอนิกของ Bruce Springsteen ที่เปิดตัวมาแล้ว 50 ปี กับศิลปินรางวัล GRAMMY และ OSCAR อย่าง H.E.R นำมาอัดเวอร์ชันใหม่เพื่อใช้เป็นเพลงชาติสำหรับเด็กสาวรุ่นต่อไปในวงการกีฬาโดยเฉพาะ
DunKings 2: Super Bowl Commercial ft. Ben & Casey Affleck, Jeremy Strong, Bill Belichick, & Druski
Brand: Dunkin’
กลับมาอีกครั้งกับภาคต่อโฆษณาของ Dunkin’ พร้อมกับนักแสดงนำอย่าง ‘Ben Affleck’ ที่เคยฟอร์มวงดนตรี ‘The DunKings’ ไว้ในแคมเปญโฆษณาปีก่อน ซึ่งปีนี้เขาก็ได้ลงมือมากำกับโฆษณา ‘DunKings 2’ ด้วยตัวเอง
ซึ่งครั้งนี้ Ben Affleck ได้ฟอร์มทีมใหม่โดยดึงตัว Casey Affleck, Jeremy Strong, Bill Belichick และ Donnie Wahlberg จากวง New Kids on the Block มาร่วมแจม The DunKings เพื่อไปลงสนามแข่ง Java Jam Battle เวทีเฟ้นหาวงดนตรี Coffee Brand ที่เป็นที่สุด
โดยภายในโฆษณา The DunKings ได้มีการปะทะกับแบรนด์คู่แข่งสีเขียว ซึ่งก็มีการแซวแบรนด์กาแฟคู่แข่งสีเขียวอย่างเช่น “ต้องรอเวลาเป็นครึ่งชั่วโมงเพื่อได้แก้วกาแฟที่สะกดชื่อตัวเองผิด” อีกด้วย
สำหรับ Key Message สำคัญของโฆษณาชิ้นนี้คือการตอกย้ำให้เห็นสิ่งที่ Dunkin’ เป็นมาตลอด นั่นก็คือ กาแฟที่อร่อย รวดเร็ว และเรียบง่าย โดยโฆษณามีถึง 2 เวอร์ชันทั้งแบบสั้น 60 วินาทีที่ฉายในงาน Super Bowl และแบบเต็ม 7 นาทีเลยทีเดียว
Stella Artois “David & Dave: The Other David”
Brand: Stella Artois
ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่ง ‘David Beckham’ จะมีฝาแฝดที่พลัดพราก ซึ่งโฆษณาเปิดมาที่บรรยากาศร้านที่เปิดเบียร์ Stella Artois พร้อมกับคำสารภาพของครอบครัว Beckham ว่าความจริงแล้วมีแฝดชาวอเมริกันอย่าง ‘Other David’ หรือ ‘Dave Beckham’ ที่รับบทโดย ‘Matt Damon’ อยู่
ซึ่งนับเป็นเคมีที่ยากจะได้เห็นที่ไหน แต่โฆษณาสำหรับ Super Bowl สามารถนำทั้ง 2 คนนี้มาเจอกันได้ แถมยังมีความกวนสุดขั้วที่ทั้งคู่ต้องมายืนกันไก่บัฟฟาโลวิงส์ด้วยกัน ขณะที่พูดคุยเรื่องนี้ไปด้วย
แต่ทั้ง Dave และ David มีเทสต์เรื่องไก่บัฟฟาโลวิงส์ต่างกัน จะมาเหมือนกันตรงที่เลือกดื่ม เบียร์ Stella Artois นั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นความแตกต่างแต่ลงตัวแบบงง ๆ ที่ได้ใจผู้ชมไปหลายคนเลยทีเดียว
เพราะในสหรัฐอเมริกา Stella Artois เป็นเบียร์ระดับไฮเอนด์สำหรับดื่มทุกวัน การมีคาแรกเตอร์ของ Dave Beckham นอกจาก David ที่นำเสนอแบรนด์นี้หลายครั้งแล้วในโฆษณาก็ทำให้เห็นด้านที่ตลกขบขันกว่าเดิมของตำนานฟุตบอลคนนี้ด้วย
Uber Eats “A Century of Cravings”
Brand: Uber Eats
เมื่อ ‘Matthew McConaughey’ นักแสดงชื่อดังจากภาพยนตร์เรื่อง ‘Interstellar’ ได้ชวนให้คนดูโฆษณาตั้งคำถามถึงทฤษฎีของโลกเกมฟุตบอล ที่เมื่อไปดูในสนาม หรือดูหน้าทีวีทีไรเป็นต้องทำให้หิวทุกที ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาเป็นหลายศตวรรษแล้ว
โดยโฆษณาได้พาเราไปหลุดไปดูตั้งแต่ยุคจุดกำเนิดของฟุตบอลในปี 1876 ที่สมัยนั้นใคร ๆ ก็รักเบคอน มาจนถึงยุคที่ไก่บัฟฟาโลวิงส์บูมมาก จนนำไปตั้งเป็นชื่อทีมหลายแขนงในวงการกีฬา ไปจนถึง Omaha Steak ก็ถูกนำมาตั้งชื่อเช่นกัน ซึ่งทำให้เรื่องอาหาร และเรื่องกีฬาถูกเชื่อมโยงกันมาจนถึงทุกวันนี้
และ Uber Eats ก็มองเห็นจุดนี้มาโดยตลอด และแน่นอนว่าต้องประกาศให้โลกรู้ที่ Halftime Show ที่ Super Bowl Presented by Apple ต่อกับจังหวะที่ ‘Charli XCX’ ได้มาโชว์กัด Apple ไปหนึ่งทีตามชื่อเพลงในอัลบั้ม ‘brat’
พร้อมกับ ‘Martha Stewart’ เจ้าของอาณาจักสูตรอาหาร ที่มาตบมุกเสริมในจังหวะพูดชื่อสเตเดียม “Caesars Superdome” ว่าเป็นชื่อของสลัด พร้อมปิดท้ายด้วย ‘Greta Gerwig’ ผู้กำกับ ‘Barbie’ ที่มาส่งท้ายว่าไม่มีใครเชื่อหรอกว่าฟุตบอลถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำยอดขายอาหาร แต่จริง ๆ แล้วมันแทบจะเป็นของคู่กันเลย เรียกได้ว่าเป็นโฆษณาที่เก็บทุกมุก ใช้ดาราคุ้มทุกสาย
When Sally Met Hellmanns
Brand: Hellmann’s
นอกจากการนำซีนหนังเก่าอย่าง When Harry Met Sally (1989) มาทำให้มีชีวิตอีกครั้งในโฆษณาของ Hellmann’s mayonnaise! ยังมีการนำตัวจริงอย่าง Billy Crystal และ Meg Ryan หวนกลับมาแสดงคู่กันในซีนร้าน Katz’s Deli เพื่อเป็นตำนานอีกครั้ง
ซึ่งฉากสุดไอคอนิกในเรื่อง คือการที่คู่พระนางคุยกันเรื่อง Fake Orgasm และนางเอกได้มีการสาธิตการร้องเสียงอย่างว่าลั่นร้านขณะกำลังกินแซนวิชจนสุภาพสตรีสูงวัยโต๊ะตรงข้ามบอกกับพนักงานเสิร์ฟว่า ” I’ll have what she’s having” ซึ่งกลายเป็นประโยคคลาสสิคตลอดกาลในเวลาต่อมา
แต่ในครั้งนี้การร่วมโต๊ะอาหารกันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะนางเอกอย่าง Meg Ryan ได้กินแซนวิชที่บีบมายองเนสจาก Hellmann’s และส่งเสียงสุดฟินออกมา ซึ่งตอนนี้ทุกคนคงได้เฉลยที่มาของเสียงนั้นแล้ว ว่าเป็นเพราะมายองเนสที่มันอร่อยจนกลั้นไม่อยู่นั่นเอง
โดยโฆษณาเรื่องนี้ได้หยิบซีนหนังสุดโด่งดังมาประกอบโฆษณาเพื่อให้เกิดการจดจำได้ทันที ส่วนใครที่อยากลองไปดูโฆษณานี้ก็อย่าลืมหยิบหูฟังมาใส่ก่อนดูด้วยนะ!
Whoa!
Brand: Little Caesars
เมื่อนักแสดงเจ้าของรางวัล Emmy อย่าง Eugene Levy ต้องมาโปรโมต Little Caesars ผู้สนับสนุนพิซซ่าของ NFL อย่างเป็นทางการ ที่มาพร้อมเมนูใหม่อย่าง Bacon & Cheese Crazy Puffs โดยใช้คิ้วที่หนาจนเป็นที่น่าจดจำในวงการเป็นตัวดำเนินเรื่อง
โดยโฆษณายาว 30 วินาทีนี้นำเสนอเรื่องราวสุดเซอร์ไพรซ์ เมื่อรสชาติของ Crazy Puffs อร่อย จนทำให้คิ้วของ Eugene Levy บินหายไปปรากฎในสถานที่ต่าง ๆ ทั้งนักวิ่งที่กำลังจ๊อกกิ้ง, ตกไปที่หน้าเด็กทารก, อยู่อย่างกลมกลืนไปกับหนอนผีเสื้อ รวมถึงลอยไปหา Sarah Levy ลูกสาวตัวจริง ก่อนจะลอยกลับไปที่หน้าของนักแสดงเองอีกด้วย
ซึ่งโฆษณานี้เน้นความสนุก และเป็นที่น่าจดจำทั้งจากตัวนักแสดงเอง รวมถึงรูปแบบการเล่าเรื่องที่คลาสสิค แต่คงคลาสสิคมากจนคล้ายกับ Pringles ที่ใช้หนวดบินได้เพื่อเล่าเรื่องราวโดยบังเอิญ ที่เรียกได้ว่าปีนี้คงเป็นเทรนด์ของการใช้ขนบนหน้าในการนำเสนอโฆษณาออกมาให้น่าสนใจ
BIG GAME 2025 COMMERCIAL | “NOT SO FAST, NOT SO FURIOUS”
Brand: HÄAGEN-DAZS
นี่อาจเป็นครั้งแรกที่คุณจะได้เห็น ‘Vin Diesel’ ในลุคสบาย ๆ บนรถที่แล่นไปบนถนนอย่างช้า ๆ ซึ่งต่างจากคาแรกเตอร์ที่รวดเร็วและดุดันจาก Fast & Furious เพราะ Häagen-Dazs ได้ดึงตัว Vin Diesel และ Michelle Rodriguez มาร่วมแสดงในแคมเปญโฆษณา ‘NOT SO FAST, NOT SO FURIOUS’ ที่พาทุกคนไปดูมุมผ่อนคลายของทั้งคู่ ระหว่างที่กำลังดื่มด่ำไปกับช่วงเวลาตรงหน้า พร้อมเพลิดเพลินไปกับไอศกรีม และเสียงเพลง Cruisin ของ Smokey Robinson ที่เปิดคลอไปด้วย
ซึ่งช่วงแรกของโฆษณาแสดงให้เห็นว่า Vin Diesel มีท่าทีเร่งรีบเหมือนขับรถหนีอะไรบางอย่าง แต่เมื่อ Michelle Rodriguez หยิบไอศกรีมออกมาก็เหมือนเวลาซิ่งบนถนนก็หยุดลงทันที จนเพื่อนซี้ร่วมทีมอย่าง Ludacris ถึงกับขับรถ Jeep ตีเสมอมาถามด้วยความงุนงงกับภาพตรงหน้า
แคมเปญโฆษณาชิ้นนี้จาก Häagen-Dazs จึงเรียกเสียงฮือฮาให้กับคนดูเป็นจำนวนมาก เพราะนอกจากจะเอาคนดังระดับโลกมาร่วมแสดงได้แล้ว ยังนำภาพยนตร์ในตำนานมาแปลงเป็น Parody ให้ต่างกับต้นฉบับได้อย่างสุดขั้วอีกด้วย
“We’re Here” Big Game Spot I Instacart
Brand: Instacart
จะมีแบรนด์ไหนสามารถทำให้หลาย ๆ แบรนด์ที่คนอเมริการักมารวมตัวอยู่ด้วยกันได้ในโฆษณาเรื่องเดียวถ้าไม่ใช่ ‘Instacart’ แพลตฟอร์มบริการรับฝากซื้อร้านของชำพร้อมส่งถึงบ้าน และมีการรวบรวมร้านค้ามากมายอย่าง Aldi, Publix, Costco, Safeway เพื่อเกมใหญ่แห่งปี
ซึ่งในโฆษณาที่ Super Bowl นี้ Instacart’ ได้สร้างคาแรกเตอร์ และมาสคอตสุดคลาสิกของแบรนด์ต่าง ๆ ที่คนอเมริการักให้มีชีวิต ไม่ว่าจะเป็น Chester Cheetah,Kool-Aid Man, Puppy Monkey Baby, the Jolly Green Giant, Wiener Dogs จาก Heinz และ Mr. Clean พร้อมกับแท็กไลน์สั้น ๆ แต่สื่อสารถึงใจผู้บริโภคด้วย “We’re here”
และแน่นอนว่าใครที่รู้จักแบรนด์เหล่านี้ก็จะต้องใจฟูอย่างแน่นอนต่อให้จะเป็นเพียงเวลา 30 วินาทีก็ตาม เพราะแทนที่จะใช้เหล่าเซเลบมาเพื่อโปรโมตแบรนด์ Instacart กลับสร้างเอกลักษณ์ (Unique) และภาพจำของแบรนด์ด้วยแบรนด์เอง แถมยังใช้เพลง ‘Take It To Da House’ ของ Trick Daddy เข้ากับ Storytelling ของแบรนด์ด้วย
นับเป็นอีกกลยุทธ์การตลาดที่นอกจากจะทำให้ผู้ชมได้ตื่นเต้นไปกับแบรนด์ที่รักแล้ว ยังสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเหล่าแบรนด์พาร์ทเนอร์ชิป และเกิดการ Nostalgia กับแบรนด์ได้ไม่ว่าจะเป็นคนเจนไหน
Weirdest use of a Seal: Mountain Dew’s “Kiss From a Lime.”
Brand: Mountain Dew
โฆษณาเครื่องดื่มจาก Mountain Dew ที่ใช้การเล่นคำจากเพลงฮิตของศิลปินอย่าง Seal โดยใช้บทเพลง ‘Kiss From a Rose’ มาเปลี่ยนจาก ‘Rose’ เป็นคำว่า ‘Lime’ เพื่อให้เข้ากับรสชาติมะนาวของ Mountain Dew Baja Blast และใช้ใบหน้าของนักร้องเพลงต้นฉบับมาซ้อนบนหน้าของแมวน้ำ สร้างความแปลกตา และเสียงหัวเราะให้กับผู้ชม
โดยในโฆษณาได้เริ่มต้นด้วยนักร้องอย่าง Becky G เปิดขวดเครื่องดื่ม จากนั้นโดนพาตัวไปที่เรือกลางเกาะ ร่วมกับเพื่อน ๆ และ Mountain Dude มาสคอตของแบรนด์ ซึ่งนักร้อง Seal ก็ได้ปรากฎตัวออกมาในรูปแบบ Seal หรือเป็นแมวน้ำสมชื่อพร้อมกับร้องเพลงสุดฮิตของตัวเอง
ซึ่งเพลง ‘Kiss From a Lime’ ได้รับการปรับเนื้อให้เข้ากับผลิตภัณฑ์ โดยเรื่องราวจบที่ Seal ไปนั่งอยู่บนเรือในรูปแบบคน และชมแมวน้ำนักร้องนำว่า ‘Good Looking Seal’ ซึ่งนั่นก็เป็นใบหน้าของตัวเอง เรียกได้ว่าโฆษณานี้หลุดโลก และแปลกใหม่จนต้องจบคลิปด้วยคำว่า None of this makes sense เลยทีเดียว
BIG Game Spot Ft. Chris Hemsworth, Chris Pratt + Kris Jenner | Extended Version | Ray–Ban Meta
Brand: Ray-Ban | Meta
โฆษณาเรื่องนี้ถือเป็นการบอกเล่าเรื่องของฟีเจอร์ และการทำงานของแว่นอัจฉริยะอย่าง ‘Ray-Ban’ จากการคอลแลบระหว่างแบรนด์ของ Meta และ Ray-Ban ได้เป็นอย่างดี แต่โฆษณานี้ไม่ได้มีดีแค่ฟังก์ชันการทำงานของแว่นเท่านั้น เพราะยังเป็นการรวมตัวกันของ 3 คริสด้วย
เพราะเป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นเคมีของทั้ง Chris Hemsworth, Chris Pratt และ Kris Jenner ในธีมการรับชมผลงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์ที่ถามตอบได้ผ่านแว่นของ Ray-Ban | Meta กับผลงานชื่อดังอย่าง ‘Comedian’ ของศิลปิน ‘Maurizio Cattelan’ หรือกล้วยหอมแปะเทปกาวสีเงินบนผนังมูลค่าหลัก 200 ล้านบาท
แต่ความซวยก็มาเยือนเมื่อคริส 1 (Chris Hemsworth) ดันหิว และดึงกล้วยจากผนังออกมากิน ทำให้คริส 2 (Chris Pratt) ต้องปวดหัวกับการหากล้วยลูกใหม่ใหญ่เท่าเดิมมาแทนที่จากตู้เย็น แต่สุดท้ายก็โดนคริส 3 (Kris Jenner) จับได้ พร้อมเตรียมเรียกทนายมาจัดการ
ซึ่งนอกจากเรื่องชุลมุนของทั้ง 3 คริสแล้ว โฆษณาตัวนี้ยังมีการพูดถึง ‘which one of you is real’ เป็นธีมหลักของเรื่องอยู่ตลอดด้วย แต่ในเรื่องที่ช่วนหัวปั่นก็มีการใช้งานแว่นตาอัจฉริยะให้ดูอยู่ตลอดว่าทั้งตอบคำถาม และโทรออกได้นั่นเอง
