Canva ประกาศเข้าซื้อกิจการ Affinity เข้ามาเติมเต็มส่วนการออกแบบตั้งแต่ระดับ Beginner จนถึงระดับ Professional มุ่งหน้าสู่การเป็น All-in-one แพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรูปภาพ การทำกราฟิกที่ซับซ้อน ไปจนถึงการออกแบบเวกเตอร์ขั้นสูง
เนื่องจากปัจจุบันมีจำนวนครีเอเตอร์เพิ่มมากขึ้น และจำนวนคอนเทนต์ที่ใช้ Visual ก็เยอะตามไปด้วย ทางฝั่งกราฟิก หรือนักออกแบบก็ต้องใช้เวลาในการสร้างสรรค์ผลงานออกมา การที่ Canva ขยายขีดความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานก็จะช่วยให้การทำงานง่าย สะดวก และประหยัดเวลามากขึ้นนั่นเอง
ก่อนหน้านี้กลุ่มเป้าหมายที่ Canva โฟกัสเป็นคนที่มีความรู้ด้านการออกแบบอยู่บ้างแล้วถึง 99% โดยไม่ได้มีส่วนที่ช่วยเรื่องการออกแบบสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐาน Canva จึงเล็งเห็นว่าการจะผลักดันให้โลกการออกแบบให้ไปไกล ต้องเกิดจากการพัฒนานักออกแบให้มีความเป็นมืออาชีพก่อน จึงเป็นสาเหตุในการตัดสินใจซื้อกิจการ Affinity เพื่อปลดล็อกขอบเขตในการออกแบบงาน Visual ในทุกระดับ
ซึ่ง Canva ก็ยังใช้แนวทางเดิมกับ Affinity คือ การเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้งานง่ายแม้ไม่มีพื้นฐาน เครื่องมือที่ใช้งานง่ายแบบครบครัน รวดเร็ว และราคาที่เข้าถึงได้ โดย Affinity สามมารถใช้งานได้ทั้งบน Windows, Mac และ iPad ซึ่งบริการของ Affinity มีทั้ง
- Affinity Designer: บริการสำหรับ Illustrator, Designer และ Game Developers ออกแบบทุกอย่างที่เป็น Digital Art
- Affinity Photo: บริการแก้ไขและตกแต่งรูป ตั้งแต่เบสิกถึงขั้นแอดวานซ์ ไม่ว่าจะเป็น การรีทัช หรือการสร้างสรรค์ผลงานใหม่บนหลาย Layer
- Affinity Publisher: บริการสำหรับสื่อ ช่วยจัด Layout บทความให้สวยงามพร้อมเผยแพร่ รวมถึงมีเทมเพลต Social Media และ Website Mock-up ให้เลือกใช้
นอกจากนี้ Affinity ยังเป็นซอฟต์แวร์ครีเอทีฟที่เคยได้รับรางวัล แถมยังมีอุดมการณ์ตรงกับ Canva หลายอย่าง ทั้งการปั้นให้ตัวเองเป็นแพลตฟอร์ม All-in-one และเป็นศูนย์รวม Creative Tools ที่เหล่า Graphic Designer และนักออกแบบเลือกใช้
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Affinity ได้ที่: https://www.canva.com/newsroom/news/affinity/