เป็นข่าวออกมากันเรื่อย ๆ เรื่องของการที่ Publisher หันไปใช้งานช่องทางบน Instagram แล้วเกิดผลดี ๆ ตามมาไม่ว่าจะเป็น มี Traffic เข้าเว็บมากขึ้น, มีผู้ติดตามเยอะกว่าบน Social Network อื่น ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมงาน RAiNMAKER เคยวิเคราะห์ว่ารูปแบบ Social Network แบบ Instagram ที่เป็นลักษณะ Private Social Network หรือสังคมออนไลน์เฉพาะในกลุ่มเพื่อนกำลังจะกลายเป็นที่นิยม รวมถึงรูปแบบของคอนเทนต์อย่าง Story และวิดีโอแนวตั้ง ก็กำลังจะเป็นเทรนที่มาแรงเนื่องจากเหมาะสมกับการแสดงบนหน้าจอมือถือ
สำหรับ Case study นี้ก็มาาจาก Highsnobiety เป็น Publisher เกี่ยวกับ Online Lifestyle ตั้งแต่ Fashion, Music ไปจนถึงงาน Design ต่าง ๆ โดย Highsnobiety ได้ใช้ประโยชน์จาก Instagram ที่เน้นใช้รูป, วิดีโอ, และ Story ในการสื่อสาร ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าคนที่เล่น Instagram ก็อยากจะเห็นและกดไลค์รูปสวย ๆ งาม ๆ หรือ Visual Content มากกว่าการอ่านบทความยาว ๆ ซึ่งการอ่านบทความจะเป็นการเข้ามาที่เว็บไซต์มากกว่า
เว็บไซต์ Digiday ได้รายงานความก้าวหน้าของ Highsnobiety หลังมาใช้ Instagram เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสื่อสาร พบว่า
- Highsnobiety มียอดการชมวิดีโอกว่า 6.2 ล้านวิว ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา (ในขณะที่ Facebook แค่ 1.6 ล้านวิว)
- ตอนนี้มีผู้ติดตาม 2.2 ล้านคนบน Instagram ในขณะที่ Facebook มีผู้ติดตาม 2.4 ล้านคน
- 60% ของวิดีโอบน Instagram ถูกดูจนจบ
- Traffic เข้าเว็บมาจาก Instagram มากถึง 10% จากเมื่อปีก่อนแค่ 2%
สำหรับคอนเทนต์บน Highsnobiety นั้นรวมถึง Branded Content และ Advertorial จำนวนนึงด้วย ซึ่ง Highsnobiety บอกว่า Instagram นั้นเป็นช่องทางที่ดีมาก ๆ ในการใช้ดันเรื่องของการสร้างรายได้ (แต่ไม่ได้บอกว่าเท่าไหร่) น่าจะทราบกันดีว่าช่วงหลัง ๆ นี้ Instagram หันมาเปิดโอกาสในเรื่องของการลงโฆษณาและ Branded Content มากขึ้น (สามารถดูได้เพิ่มเติมที่ Instagram Ads) รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือในเชิง Analytic ต่าง ๆ ที่ปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม
Highsnobiety ได้บอกว่าเคล็ดลับที่ทำให้การย้ายมาทำคอนเทนต์บน Instagram ค่อนข้างประสบความสำเร็จก็เป็นเพราะว่า Instagram เป็น Platform ที่เน้นความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) มาก Alexei Edwards บอกว่าเป็นผลรวมของความถี่ที่เหมาะสมกับคอนเทนต์คุณภาพ ความถี่และการโฟกัสก็เป็นสิ่งสำคัญพวกเขามีทีมงานถึง 5 คนที่ดูแลเรื่อง Instagram โดยเฉพาะ (บางเว็บใช้คนคนเดียวแต่ดูแลทุก Social Media)
นอกจากในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือ Experimenting หรือการทดลอง เนื่องจาก Instagram เป็นเทรนที่ค่อนข้างใหม่ทำให้อาจยังไม่มีสูตรความสำเร็จตายตัว ดังนั้น Highsnobiety จึงเน้นใช้การทดลองแล้วดูว่าผลที่ได้นั้นเวิร์คหรือไม่ เช่น ทดลองโพสต์วิดีโอในระยะเวลาต่าง ๆ, โพสต์วิดีโอให้บ่อยขึ้น, ลองใช้งาน Hashtag, ใช้งาน Geotags
ปัจจุบัน Facebook อยู่ในจุดที่พยายามจะทำตัวเป็น Private Social Network มากขึ้นเหมือน Instagram แต่อย่างไรก็ตาม อย่างที่ Highsnobiety บอกการทำ Social Media นั้นไม่ได้มีสูตรความสำเร็จตายตัว Facebook ไม่ใช่ทั้งหมดของ Social Media ดังนั้น ในฐานะคนทำคอนเทนต์ก็ควรเรียนรู้และตระหนักไว้เสมอว่า เทคนิคที่แท้จริงของการทำ Social คือการรู้จักปรับตัว ทดลองสิ่งใหม่ ๆ และมองหาช่องทางใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา อย่ายึดติดกับวิธีการเดิม ๆ หรือมุ่งไปที่วิธีการใดวิธีการหนึ่ง ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าเราจะอยู่ไม่ได้เลยถ้าพบว่าวันนึงเราตื่นขึ้นมาแล้ว Facebook หายไปจากโลก
เรียบเรียงโดย ทีมงาน RAiNMAKER