Case Study: 5 กลยุทธ์โปรโมตหาเสียง จากนักการเมืองต่างประเทศ

การทำการตลาดเพื่อโปรโมตไม่ใช่เรื่องของแบรนด์เท่านั้น แต่การเมืองก็สามารถมีกลยุทธ์หาเสียง โดยการรู้จักใช้เครื่องมือ แพลตฟอร์มหรือแม้กระทั่ง SMS ธรรมดาก็ทำได้นะ RAiNMaker เลยจะพาไปดูกันว่านักการเมืองต่างประเทศเขาโน้มน้าวประชาชนให้เชื่อใจได้อย่างไร

Bernie Sanders 

เพิ่มยอดเอ็นเกจแบบ Virtual 

หนึ่งในสมาชิกวุฒิสภาของพรรคเดโมแครต ที่เคยเป็นตัวแทนพรรคในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสองครั้ง และแพ้ให้กับ Joe Biden

และยังเป็นเจ้าของ “มีมปู่ไวรัล” ที่กลายเป็นมีมชั่วข้ามคืน เพียงเพราะนั่งกอดอก และสวมถุงมืออย่างเดียวดายในวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของ Joe Biden

โดยสมัยที่เขาแข่งขันหาเสียงก็มีกลยุทธ์ที่สนใจ แม้จะมีอุปสรรคเป็นช่วงโควิดระบาด และ Social Distancing ก็ตาม แต่ก็สามารถใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียได้เต็มที่จนได้ยอดเอ็นเกจไปมากถึง 4.4 ล้านวิวจากอีเวนต์ไลฟ์สตรีม

  • ไลฟ์สตรีมแบบ Multiple Channel

โดยไลฟ์สตรีมหลายช่องทาง ทั้ง Facebook, Periscope และ Twitch

  • พรีเรคคอร์ดจากอินฟลูเอนเซอร์พูดสนับสนุน 

มีพรีเรคคอร์ดการแสดงร้องเพลงจากอินฟลูเอนเซอร์ เช่น Phillip Agnews, Brianna Westbrook, Rep. Chuy Garcia, และ Nina Turner โดยไม่ให้การไลฟ์สปีชน่าเบื่อจนเกินไป พร้อมให้อินฟลูเอนเซอร์แต่ละคนพูดสปีชโน้มน้าวเกี่ยวกับเหตุผลที่ต้องซัพพอร์ตพรรคของ Bernie Sanders เพื่อให้ประชาชนดูอีเวนต์จนจบ

  • มีเซสชัน Firedside Chat ก่อนไลฟ์สตรีม 

มีการนั่งพูด และอภิปรายสู่สาธารณะ เกี่ยวกับคำถามจากทางบ้าน และนโยบายการเมืองที่ Bernie Sanders จะทำเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชน ก่อนจะทำการจัดอีเวนต์ไลฟ์สตรีม

 Alexandria Ocasio-Cortez 

เชื่อมโยงกับผู้คนด้วย Instagram

นักการเมืองหญิงไฟแรงในสหรัฐฯ ที่มีสารคดี Netflix “Knock Down the House” กล่าวถึงเธอ เพราะเป็นหนึ่งในนั้นมีสมาชิกหญิงอายุน้อยที่สุดในสภาคองเกรส และเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ในการเมืองสหรัฐฯ ด้วย

ซึ่งปี 2018 นับเป็น “Year of Woman” ที่มีผู้สมัคร และผู้ได้รับเลือกในการเลือกตั้งเป็นผู้หญิงมากที่สุดในประวัติการณ์ และสะท้อนมุมมองความหลากหลายที่ถูกยอมรับในเกมการเมือง

โดยช่วงที่เธอคว้าสิทธิ์เป็นผู้แทนของพลเมืองนิวยอร์ก เขต 14 มีนโยบายการหาเสียงที่ทำให้ใกล้ชิดกับประชาชนมาก ๆ ด้วยการใช้ Instagram เป็นเครื่องมือ

พร้อมกวาดยอดผู้ติดตามไปได้มากถึง 4 ล้านคนใน Instagram พร้อมมีผู้ติดตามเพิ่มกว่า 700% ในช่วงปี 2018 จึงนับว่าเป็นกลยุทธ์ทางโซเชียลที่แข็งแกร่งมาก ๆ

  • มี Q&A ผ่าน Instagram Live 

หลายครั้งที่ Alexandria Ocasio-Cortez ไลฟ์บน Instagram เพื่อพูดคุย และถาม-ตอบกับประชาชน พร้อมผู้ติดตามของเธอ พร้อมทำให้พวกเขาประทับใจด้วยความเป็นกันเอง และเข้าถึงง่าย

  • อัปโหลด Behind The Scene ลง Instagram Stories

เธอมักจะอัปโหลดเบื้องหลังการทำงานต่าง ๆ ของเธอลงบนสตอรีเพื่อให้ผู้ติดตาม และประชาชนทั่วไปสามารถรับรู้ได้ว่าเธอทำอะไรบ้าง พร้อมสร้างเอ็นเกจเมนต์กับคนรุ่นใหม่ได้ง่ายด้วย

  • ใช้ฟังก์ชัน Swipe up ลิงก์ไปเพจ 

การมี Swipe Up เพื่อลิงก์ไปยังหน้าแลนด์ดิ้งเพจ หรือโซเชียล และช่องทางอื่น ๆ ทำให้ Alexandria Ocasio-Cortez โปรโมตคอนเทนต์ที่หลากหลายได้

Jagmeet Singh 

ทำงานกับอาสาสมัคร เน้นเข้าถึงคน

หัวหน้าพรรคเสรีนิยม New Democratic Party (NDP) และสมาชิกรัฐสภาของประเทศแคนาดาที่เป็นไวรัลในโลกออนไลน์ เจ้าของเอกลักษณ์ผ้าโพกหัวหลากสีตามศาสนาซิกข์

จากชีวิตชนกลุ่มน้อยในแคนาดา ที่ถูกกดขี่เพราะความแตกต่างด้านสีผิว สำเนียง และการแจ่งกาย ตอนนี้เขาได้ก้าวเข้ามาสู่ตำแหน่งสำคัญทางการเมืองในฐานะชาวซิกข์คนแรกแล้ว

โดยเขาเอาชนะแคนดิเดตจากพรรคการเมืองทั้งสามคน จากการโหวตเลือกหัวหน้าพรรค NDP (New Democrats Party) คะแนนสูงสุดที่ 53.6% กับกลยุทธ์สร้างความเชื่อมั่นในตัวเขา ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีแคนาดา ด้วยอาสาสมัครที่สนับสนุนกว่า 47,000 คน จากผู้ที่มีสิทธิ์โหวตทั้งหมด 124,000 คน

  • ใช้ Omni Channel ในการสื่อสาร 

“Omnichannel contact” นับเป็นกลยุทธ์ทำการตลาดการเมืองที่เป็นคีย์สำคัญของ Jagmeet Singh  เพราะเข้าผสมผสานทั้งช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์ในการหาเสียง

  • มีระบบอาสาสมัคร หาผู้สนับสนุน

การใช้คอนเน็กชันส่วนตัว และรับอาสาสมัครที่มีแนวคิดเดียวกัน จะช่วยทำให้แคมเปญหาเสียงกระจายตัว และเพิ่มโอกาสในการโน้มน้าวได้มากกว่า อย่างที่เขานำมาใช้เป็นจุดแข็ง

  • โน้มน้าวด้วยวิธี Canvassing

การสื่อสาร หรือหาเสียงทางออนไลน์อาจพบเห็นแล้วก็ผ่านไปได้ แต่หากเป็นออฟไลน์ที่เคาะถึงหน้าประตูบ้าน (door-to-door canvassing) ค่อนข้างจะทำให้ได้เปรียบมากกว่า แถมยังโน้มน้าวให้ผู้คนออกไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงในการเลือกตั้งได้ด้วย 

Donald Trump 

ทำการตลาดด้วย Twitter 2 แอคเคาท์

ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่นิยมเชื้อชาติ และมีหัวอนุรักษ์นิยม เจ้าของฉายานักปั่นตลาด Twitter พร้อมนโยบายสุดโต่งเพื่อชาวอเมริกาอย่าง “Make America Great Again” และ “America First”

ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรัฐบาลชุดก่อน ๆ เลยเป็นข้อได้เปรียบทำให้นโยบาย และความเป็นเขาได้ใจชาวอเมริกาที่เป็นชาตินิยมไปเต็ม ๆ และขณะเดียวกัน ก็ทำให้เกิดสีสันในการเมืองมากขึ้น เพราะวางแผน และเดิมอย่างเข้มข้นด้วยคอนเทนต์ และแคมเปญที่มากกว่า 100,000 ชิ้น

  • แยกแอคเคาท์ เพิ่มยอดเอ็นเกจเมนต์ 

Donald Trump แยกแอคเคาท์ Twitter เป็นสองแอคเคาท์ โดยมี @realDonaldTrump สำหรับทวีตเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน  และความคิดเห็นต่อสังคมแบบสุดโต่ง พร้อมยอดเมนชั่น 223,396 ครั้ง

@POTUS แอคเคาท์ที่ใช้รีทวีตอย่างเดียว (รีของตัวเองด้วย) ซึ่งใช้ช่วงเป็นประธานาธิบดีเท่านั้น โดยมียอดเมนชั่นถึง 151,501 ครั้ง แม้จะมียอดต่างกัน แต่ก็ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้ทั้งทั้งสองแบบ

  • ทวีตข้อความแบบมีโทนเสียง 

แม้ Twitter จะเป็นแพลตฟอร์มที่เน้นการทวีตข้อความเป็นตัวอักษร แต่สำหรับ Donald Trump แล้ว เขาทวีตทีไรก็เหมือนมีเสียงออกมาด้วยทุกที

  • สร้างคาแรกเตอร์ให้ตัวเอง 

แน่นอนว่าการสร้างคาแรกเตอร์ไม่ได้ใช้เฉพาะกับแบรนด์ อินฟลูเอนเซอร์ หรือครีเอเตอร์เท่านั้น แต่กับนักการเมืองก็สามารถสร้างภาพจำได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งหลาย ๆ คนก็นึกภาพได้ทั้งเสียง และตัวตนของ Donald Trump ได้แน่นอน

Barack Obama 

กลยุทธ์ SMS Marketing

ผู้นำผิวสีคนแรกแห่งสหรัฐฯ และผู้เป็นความหวัง 8 ปีของสหรัฐฯ ที่ะดมทุนหาเสียงเลือกตั้งได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกา เจ้าของวลี “Change We Need!” และนโยบาย “Obamacare”

ซึ่งแม้เขาจะเข้าใจการสื่อสารดิจิทัลเป็นอย่างดี แต่ก็อยากจะหาวิธีใหม่ ๆ ในการสื่อสารกับประชาชนด้วย นำร่องโดย “SMS Marketing” และสร้างการเติบโตด้วยแคมเปญเกี่ยวกับโทรศัพท์ด้วย เช่น ริงโทน วอลเปเปอร์ และสติ๊กเกอร์ฟรีสำหรับผู้ที่ลงทะเบียน

  • สร้างความใกล้ชิดกับแคนดิเดตด้วย SMS 

เพราะการส่งข้อความต่าง ๆ ด้สยมู้ดที่เป็นกันเอง ทำให้ประชาชนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายต่าง ๆ ด้วย เพราะการตอบกลับด้วย SMS ของเขานั้นเป็นการตอบแบบมีชื่อรายบุคคล พร้อมถามคำถามกลับไปได้

  • เพิ่ม High-performance ให้เว็บไซต์ 

เพราะเว็บไซต์เป็นส่วนสำคัญในการโปรโมต และลงนโยบาย รวมถึงทำให้รู้จักกับพรรคของเราได้ Barack Obama จึงเพิ่มให้เว็บไซต์ “YouObama” ให้มีประสิทธิภาพสูง และง่ายต่อการอยู่ในเว็บไซต์ไปเรื่อย ๆ

  • ใช้ email marketing สร้าง Loyalty 

เพราะ email marketing เป็นช่องทางที่ทำให้ผู้รับรู้สึกถึงความเอ็กซ์คลูซีฟอยู่แล้ว และเมื่อนำมาใช้เป็นวิธีหาเสียงกับการเมือง เลยยิ่งโน้มน้าวพวกเขาได้มากขึ้น

แต่เพราะความเป็น Barack Obama และสปีชของเขาก็เป็นไวรัลอยู่แล้ว เลยทำให้มีเหล่าศิลปิน และอินฟลูเอนเซอร์กว่า 30 คน อย่าง Will.I.Am Kareem Abdul Jabbar, Tatyana Ali, Nick Cannon, Common, Kelly Hu, Scarlett Johansson, John Legend, Nicole Scherzinger และ Kate Walsh ร่วมกันร้องเพลง ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสปีชของ Obama ด้วย

อ้างอิง: CallHub – Political Marketing, ANTEVENIO – political marketing on the internet

Copyright © 2024 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save