Facebook Watch หรือ video platform บน Facebook ผู้ใช้สามารถเข้าไปเพื่อชม timeline ที่มีคอนเทนต์รูปแบบวิดีโอโดยเฉพาะ จากแท็บที่ทำแยกออกมา เป็นฟีเจอร์ที่ทาง Facebook ทำมาเพื่อชนกับ YouTube นั่นเอง
นับจากวันที่ปล่อยฟีเจอร์นี้อย่างเป็นทางการก็เป็นช่วงครบรอบ 1 ปีพอดี ซึ่งทาง Facebook ได้เปิดเผยสถิติของ Facebook Watch ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาดังนี้
Facebook Watch มีผู้ใช้งานมากกว่า 720 ล้านคน ซึ่งมีผู้ใช้ 140 ล้านคนต่อวัน ที่ชมวิดีโออย่างน้อย 1 นาทีบน Facebook Watch และใช้เวลาเฉลี่ยต่อคนบน Facebook Watch มากกว่า 26 นาที
Facebook ได้ให้คำกล่าวของ Watch แบบเท่ๆ เอาไว้ว่า Watch นั้นไม่ใช่แค่ที่ที่สำหรับดูวิดีโอเท่านั้น แต่เป็นที่ที่ให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมกับผู้อื่นผ่านวิดีโอ เราจะไม่เห็นเพียงวิดีโอที่เราชอบ แต่เราจะเห็นวิดีโอที่เพื่อนชอบ และแชร์ความชอบของตัวเอง
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มสำหรับพูดคุยเกี่ยวกับวิดีโอที่เราสนใจด้วย เช่น ถ้าเราชอบดูรายการ Red Table Talk บน Watch ก็จะมี Official Group ที่ให้แฟนๆ ได้ร่วมดูตอนใหม่ๆ พร้อมกัน และร่วมพูดคุยกัน ซึ่งเป็นเหมือนการเข้าสังคมผ่านการชมวิดีโอนั่นเอง
Facebook กล่าวว่าผู้ที่รับชมวิดีโอบน Watch Party มีแนวโน้มที่จะร่วมคอมเมนต์มากกว่าการชมวิดีโอทั่วไปถึง 8 เท่า
(ผู้เขียนเข้าใจว่าที่ Facebook เน้นในเรื่องนี้ เพราะเป็นส่วนที่ YouTube ยังทำได้ไม่ดีเท่า Facebook เพราะตัวเลขสถิติต่างๆ ในเรื่องของจำนวนวิดีโอและผู้ชมยังห่างไกลจาก YouTube มากนัก จึงชูจุดได้เปรียนในส่วนของการมีส่วนร่วมกัน)
Ad-Supported Ecosystem
Facebook เริ่มดำนเนินการสร้างสังคมของ Creator ให้ยั่งยืน ด้วยการแบ่งเงินค่าโฆษณาให้กับ Creator ที่ใช้ชื่อว่า ad-supported ecosystem ผ่าน Ad breaks เป็นโฆษณาแทรกระหว่างคลิป ผู้ลงโฆษณาต้องจ่ายเงินในการนำโฆษณาไปแสดงบนวิดีโอ ซึ่ง Creator ที่ทำวิดีโอก็จะได้เงินเช่นกัน
(หลังจากปล่อยให้คนทำคอนเทนต์เคว้งคว้างมาอย่างยาวนาน จนหลายคนย้ายไป YouTube กันหมดแล้ว)
Ad breaks สามารถใช้งานได้แล้วในกว่า 400 ประเทศ ในหลากหลายภาษา และกำลังดำเนินการขยายพื้นที่การใช้งานให้มากขึ้นทั่วโลก
มีจำนวนเพจที่ทำรายได้มากกว่า $1,000 ต่อเดือน เพิ่มขึ้นกว่า 8 เท่า และเพจที่ทำรายได้กว่า $10,000 ต่อเดือน เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า อย่างไรก็ตาม Facebook ยังไม่ได้แจ้งตัวเลขที่ชัดเจนในส่วนนี้
เอาอย่างไรดีกับ Facebook Watch
Facebook กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ว่า จะมีฟีเจอร์อีกมากมายที่จะเกิดขึ้นบน Watch ที่ถูกใจทั้งผู้สร้างและผู้ชมวิดีโอ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า Facebook เองกำลังผลักดัน Watch เพื่อสู้กับคู่แข่ง
และอย่างที่ผู้เขียนกล่าวเสมอว่า platform โฟกัสอะไร ผู้ใช้งานก็ต้องว่าตาม หากยังต้องการหากินบน platform ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งสำหรับในบ้านเรา Facebook ก็ยังถือว่าเป็นแหล่งน้ำที่มีปลาจำนวนมากที่สุดอยู่นั่นเอง
อ้างอิง : newsroom.fb.com