Social
พฤติกรรมการใช้ Social Media ของแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก ทางผู้เขียนเองมีโอกาสได้พูดคุยกับคนไทยท่านหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่นในเรื่องของการใช้ Social ที่ไม่เหมือนกับบ้านเราและค่อนข้างน่าสนใจจึงนำมาแชร์กันครับ
ก่อนหน้านี้ Twitter ได้ออกมาประกาศ แบนการใช้งาน Bot สำหรับการทวีต ซึ่งมีโอกาสที่จะถูกจัดให้อยู่ในรูปแบบของแสปมและโดนลบบัญชีได้ ซึ่งเชื่อว่า เป็นส่วนสำคัญที่บรรดาเว็บไซต์ที่หวังผลใช้ในการกระจายข่าวปลอมหรือ Fake News ที่ ณ ยุคนี้ ในมุมของ Journalsim และ Information คงไม่มีประเด็นไหนจะร้อนแรงเท่าเรื่องนี้อีกแล้ว ล่าสุดได้มีงานวิจัยจาก Indiana University ชื่อว่า The spread of low-credibility content by social bots ได้ศึกษาพฤติกรรมการแพร่กระจายของ Fake News โดยตั้งคำถามว่า Social Bot (บัญชี Social Media ที่เล่นโดยคอมพิวเตอร์ และถูกเขียนโปรแกรมให้แชร์ หรือโพสต์อะไรบางอย่าง) กับ Fake News นั้นมีความเกี่ยวข้องกันแค่ไหน
ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าจากพฤติกรรมของเราบน Social Media ความเป็นส่วนตัวของเราเรียกได้ว่าแทบจะไม่มี ด้วยข้อมูลส่วนตัวและ data มหาศาลที่เราป้อนเข้าสู้ Social Media อย่าง Facebook, Twitter หรือ Instagram ในแต่ละวัน ทำให้ Facebook แทบจะรู้จักตัวเรามากกว่าตัวเราเองเสียอีก ดังนั้นหลายคนอาจจะคิดว่า ถ้าเราเลิกเล่น Facebook ก็น่าจะรอด Facebook ก็จะไม่รู้จักเราและทำอะไรเราไม่ได้
ใครหลายคนที่เป็นแอดมินดูแลโซเชียลมีเดียหลาย ๆ ที่ตั้งแต่ Facebook, Twitter, IG อาจจะต้องเหนื่อยกับการ active บัญชีทั้งหมดให้มีความเคลื่อนไหว แน่นอนว่าคนที่ติดตามเราคงไม่อยากเห็นบัญชีร้าง ทำให้เราต้องมีการลงอะไรบางอย่าง หรือมีการเคลื่อนไหวที่สม่ำเสมอ นั่นทำให้หลายคนเลือกใช้เครื่องมือแนว ๆ automation tools เข้ามาในการทำให้บัญชีมีการเคลื่อนไหวอยู่อย่างสม่ำเสมอ
Twitter คงความเป็นตัวเองนับตั้งแต่วันแรกที่ก่อตั้งมา โดยเป้าหมายของ Twitter คือ Social Media ที่สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกแห่งควาจริงให้มาอยู่บนอินเตอร์เน็ตตามคอนเซป “What’s happening” ซึ่งนั่นทำให้เรื่องราวหรือประเด็นต่าง ๆ บน Twitter เป็นประเด็นที่มาจากโลกความเป็นจริง ซึ่งเราเรียกสิ่งนั้นว่า Trend ว่าคนกำลังพูดถึงเรื่องอะไรมาก และรวบรวมไว้ผ่าน Hashtag ซึ่งในปีที่ผ่านมามีการใช้ Hashtag มากถึง 125 ล้าน Hashtag เพื่อบอกเล่าเรื่องราว
ในปี 2012 หลายคนที่ติดตามข่าวต่างประเทศคงจะเคยได้ยินคำว่า Arab Spring ซึ่งหมายถึงปรากฏการณ์การลุกฮือขึ้นของประชาชนเพื่อเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงในประเทศฝั่งตะวันออกกลาง เริ่มต้นจากอียิปที่สามารถทำให้ประธานาธิบปีมุบาร็อกต้องออกจากอำนาจไปได้ กระแสเหล่านี้ลามไปยังประเทศรอบข้าง Google ถึงกับบันทึกปรากฏการณ์นี้ไว้ใน เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในปี 2012
เนื่องจาก Twitter ถูกออกแบบมาให้เป็น Social Network ที่มีความรวดเร็วในเรื่องของเวลาและถูกนิยามให้เป็นกระจกสะท้อนปรากฏการณ์ต่าง ๆ บนโลกออฟไลน์ให้ขึ้นมาอยู่บนโลกออนไลน์ เราจะคุ้นชินกันดีว่าเวลาเกิดเหตุการณ์อะไรให้เข้ามาติดตาม Twitter แล้วเราจะได้เห็นพลังและความ Realtime ของมัน สิ่งนี้แตกต่างจาก Facebook ที่มีอัลกอริทึมแตกต่างออกไปแล้วนำโพสต์ที่ได้รับความนิยม (Popular) ขึ้นมาแสดงก่อน
เชื่อว่าหลายคนคงมีบัญชี Twitter ไว้ตามศิลปินหรือคนดังที่ชื่นชอบ ซึ่งกิจกรรมหลักของ Twitter ก็คือการ retweet ซึ่งก็แน่นอนว่าทำได้ง่ายและรวดเร็วมากกว่า ตอนนี้ timeline ของบางคนอาจจะมีแต่การ retweet จนบางคนแทบไม่อยากให้เพื่อน follow เลยก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งนี้ดูเหมือนว่า Twitter อาจจะไม่ชื่นชอบเท่าไหร่
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า