Conversion หรือการเปลี่ยนให้ Audience ของเรากลายไปเป็นลูกค้าหรือผู้ซื้อสินค้าของทั้งลูกค้่าและของเราเองเป็นสิ่งที่ถูกหยิบขึ้นมาพูดอย่างจริงจังในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากสภาพของเศรษฐกิจ เม็ดเงินที่ลงไปกับธุรกิจ Content และ Content Marketing เริ่มถามหา ROI หรือ Return of Invesment มากขึ้น ว่าลงไปกี่บาทได้อะไรกลับมาบ้าง
หนึ่งในโจทย์ที่ลูกค้าหรือแบรนด์ต่าง ๆ หยิบยื่นให้กับคนทำคอนเทนต์ก็คือการทำคอนเทนต์ที่สร้าง Conversion ซึ่งหลายคนก็อาจจะตั้่งคำถามว่า สรุปแล้วคอนเทนต์แบบไหนที่สร้าง Conversion ได้ดี หรือจะเอาอะไรมาวัด รีวิวสินค้า, การขายตรง ๆ, การพูดถึง พอมาคิดแบบนี้แล้ว เราก็ดูจะมีวิธีมากมายเต็มไปหมด ถ้าให้มาลองทำก็คงไม่จบไม่สิ้น แต่ถ้าจำได้ก่อนหน้านี้เรา รู้จักกับ Behavioural Driven Content ทำคอนเทนต์สนองพฤติกรรม ไม่ใช่กลุ่มคน ซึ่งเราบอกว่าพฤติกรรมของคน คือสิ่งที่บอกว่าเราควรทำคอนเทนต์แนวไหน แล้วทีนี้เราจะเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้มาสร้าง Conversion ได้อย่างไร
ทีมงานได้ลองไปอ่านบทความหลาย ๆ บทความ ที่พูดถึงการสร้าง Conversion เช่น Drive Sales and Increase Conversions With These Types of Content หรือ 5 Types of Content Marketing that Lead to Conversions ซึ่งพบว่าสิ่งหนึ่งที่ถูกยกขึ้นมาพูดถึงเลยก็คือการทำคอนเทนต์ที่สนองความต้องการของผู้อ่าน ณ จุดที่ใกล้กับจุด Conversion
ดังนั้นหมายความว่าวิธีการคิดของเรา อาจจะเป็นในแนว ๆ ทำคอนเทนต์ที่ไปกระตุกคนที่กำลังลังเล หรือกำลังอยู่ในจุดที่ใกล้เคียงจุดตัดสินใจ มากกว่าการไปสร้างพฤติกรรมใหม่ ๆ ให้กับผู้ใช้งานไปเลย พอพูดแบบนี้ หลายคนอาจจะถามว่า แล้วมันดูโกงไปหรือเปล่า ดูไปจิ้มจุดเกินไปหรือเปล่า แต่จริง ๆ แล้ว ถ้าเรามองในฝั่งของ Return of Investment มันแปลว่า การกระทำของเราแทบจะส่งผลที่ชัดเจน คือเราได้ Conversion Rate ที่สูงแน่ ๆ และเหนื่อยน้อยกว่า
ตัวอย่างของคอนเทนต์ที่ใกล้กับจุดการตัดสินใจเช่น
- รีวิว (กำลังจะซื้อกำลังหาข้อมูลอยู่ (กรณี SEO) หรือเรารู้ว่า Audience ของเรากำลังจะซื้ออะไร หรือมีแนวโน้มจะซื้ออะไร เราทำคอนเทนต์ที่ไปกระตุกตรงนี้เพื่อสร้าง Conversion อย่างรวดเร็ว)
- Call to Action คือการบอกให้ทำหรือไม่ให้ทำอะไร รวมถึง Call to Action ที่อาจจะอยู่ใน Tips, How-to
สิ่งนี้เป็นวิธีคิดย้อนกลับว่า แทนที่เราจะไปจูงกลุ่มที่โอกาส Convert น้อย มาจูงกลุ่มที่เกือบจะ Convert อยู่แล้ว (ยกเว้นว่าโจทย์คือให้ไป Engage กลุ่มไกล ๆ อันนี้อีกเรื่อง) เพื่อให้เราได้ตัวเลข Conversion Rate ที่สูง และแบ่ง Tier ของกลุ่มที่ต้องการ Convert ได้ด้วยนั่นเอง
เรียบเรียงโดย ทีมงาน RAiNMAKER