ทุกๆ ปีแอปเปิล (Apple Inc.) บริษัทเทคโนโลยีเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่มีทุกบ้านอย่าง iPhone, iPad, Macbook ฯลฯ จะจัดอีเวนต์เพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ให้เหล่าสาวกแอปเปิลได้ติดตามอย่างตื่นเต้นทุกครั้ง
หลังจากดู Apple Event จบเชื่อว่ามีหลายคนเข้าไปดูในเว็บไซต์ https://www.apple.com/th/ เพื่ออัปเดตรายละเอียดผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์แบบเจาะลึก แต่สิ่งที่พบคือประสบการณ์การเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ไม่เหมือนใคร ทั้งเรียบง่าย ดึงดูดสายตาผู้บริโภคอย่างเราๆ ให้เลื่อนดูอย่างเพลินตา
ซึ่งวันนี้ RAiNMaker จะมาพูดถึงวิธีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้วยคำโฆษณา (Copy) แบบ Apple กันครับว่าทำไมถึงสามารถดึงดูดและโน้มน้าวผู้บริโภคได้ด้วยคำอธิบายสั้นๆ ไม่กี่ประโยค
1. พาดหัวแบบเรียบง่าย
แม้ว่าสินค้าของ Apple จะถูกพัฒนามาอย่างซับซ้อนแค่ไหน แต่ในมุมของผู้บริโภคต้องการเพียงคำอธิบายว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีประโยชน์อย่างไร ดังนั้นการพาดหัวไอเดียภาพรวมด้วยคำสั้นๆ ที่เด็ก 7 ขวบก็สามารถเข้าใจได้
เมื่อคำโฆษณาหลักเข้าใจได้ด้วยประโยคที่เข้าใจง่าย ก็จะยิ่งมีพลัง เข้าถึงจิตใจผู้บริโภคได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยมองข้ามข้อมูลยิบย่อยของผลิตภัณฑ์ออกไป
2. ชักชวนด้วยปัญหาและตอบด้วย Pain Point
หลักการเขียนคำโฆษณาที่ประสิทธิภาพคือการอธิบายได้ว่าสินค้าหรือบริการเหล่านี้สามารถแก้ปัญหาของผู้บริโภค (Pain Point) ได้
ปัญหาที่ผู้ใช้แล็ปท็อปหลายคนเผชิญคือ เครื่องหนักสำหรับการพกพา แต่ความเร็วความแรงก็ยังสู้คอมพิวเตอร์พีซีไม่ได้ ด้วยปัญหาเหล่านี้ Apple จึงนำเสนอ MacBook Air ด้วยประโยค ‘พลังหนักๆ บนความบางเบา’ ซึ่งเชื่อว่ายังไม่ทันเข้าไปดูรายละเอียดหลายคนก็ตกลงใจเก็บสินค้าใส่ตระกร้าแล้ว
3. เพิ่มคำโฆษณาสำหรับข้อมูลทางเทคนิค
ข้อผิดพลาดส่วนใหญ่ของผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีคือคำโฆษณามีศัพท์เทคนิคมากเกินไป แต่สำหรับ Apple ก็ไม่ได้ข้ามในส่วนนี้ เพียงแต่ปรับให้เข้าใจและเข้าถึงได้ง่ายด้วยคำไม่กี่คำ
ลองดูข้อมูลทางเทคนิคของ iPad mini ใหม่กันครับ
- จอภาพ Liquid Retina 8.3 นิ้ว
- ความสว่างสูงสุด 500 นิต
- True Tone
- ขอบเขตสี P3
แล้วต่อมาคือคำโฆษณาของ Apple ครับ
“จอภาพ Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้ว
มาพร้อมการแสดงผลแบบ True Tone,
ขอบเขตสีกว้าง P3 และการสะท้อนของ
แสงที่ต่ำมาก ทำให้ตัวหนังสือนั้นคมชัด
และมีสีสันที่สดใส ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน”
สิ่งที่จูงใจผู้บริโภคให้ตัดสินใจซื้อคือตรงไหน? เลข P3 หรือว่า ‘ตัวหนังสือนั้นคมชัด และมีสีสันที่สดใส ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน’ ประเด็นคือความพิถีพิถันในรายละเอียดและพูดภาษาเดียวกับผู้อ่านนั่นแหละครับ
4. วางผลิตภัณฑ์เข้าไปในชีวิตของผู้คน
คำโฆษณาที่ได้ผลมากที่สุดไม่ใช่การมุ่งขายแต่สินค้าหรือบริการอย่างเดียว แต่ต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมโยงไปกับผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการชีวิตประจำวัน การทำงาน การเก็บบันทึกความทรงจำ
Apple ไม่ได้ขายว่าแบตเตอรี่ iPhone 13 ใช้งานได้ยาวนานกี่ชั่วโมง เพียงแต่ชี้ว่าแบตเตอรี่จะยาวนานในแต่ละวันจนผู้ใช้รู้สึกได้
ไม่ได้มุ่งขาย iPad mini ว่าสามารถใช้งาน 5G เพียงแต่ชี้ให้เห็นว่าผู้ใช้จะไม่พลาดการใช้งานแม้ในระหว่างเดินทาง
5.ตรงไปตรงมาและทรงพลัง
คำโฆษณาของ Apple ค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่ว่าการใช้คำที่มีพลังมีผลต่อการตัดสินใจซื้อจริงๆ หากลองเลื่อนดูแต่ละประโยคบนเว็บไซต์ Apple จะเห็นว่าทุกคำถูกคัดสรรมา และพอเหมาะพอเจาะกับอุปกรณ์เป็นอย่างดี
ทรงพลัง, เร็วสุดแรง, สวยสดงดงาม, ขุมพลัง, จินตนาการ, ไร้ขีดจำกัด
อีกสิ่งหนึ่งที่จะสังเกตได้ในทุกผลิตภัณฑ์คือ Apple มีคำว่า ‘คุณ’ ‘ของคุณ’ ไว้ เพื่อให้ผู้อ่านสามารถจินตนาการความเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
- ‘พลังพิเศษในมือคุณ’ สำหรับ iPhone 13
- ‘ความมหัสจรรย์ในมือคุณ’ สำหรับ iPad mini
- ‘ทุกสิ่งที่คุณต้องการ ในทุกที่ที่คุณไป’ สำหรับ Apple Watch
- ‘เสียงที่ปกป้องคุณ จากเสียงรบกวน’ สำหรับ Airpods Pro